‘CRACKED ภาพหวาด.. “หนังเรื่องนี้ที่ทำให้นิชคุณต้องลืมความเป็นตัวเอง”

account_circle

‘CRACKED ภาพหวาด’… “หนังเรื่องนี้ผมต้องคิดเรื่องดาร์คให้มากที่สุด ต้องลืมความเป็นนิชคุณ”

ถ้าให้นึกถึงนิชคุณ หรเวชกุล ทุกคนจะนึกถึงรอยยิ้มและความสดใส ‘CRACKED ภาพหวาด จึงเป็นหนังเรื่องแรกที่สลัดภาพลักษณ์เหล่านั้นทิ้ง เราอยากให้คุณนึกถึงนิชคุณในเวอร์ชั่นเซอร์ หน้านิ่ง มีปม หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่า เขาจะเข้าถึงด้านมืดได้ขนาดไหน ทางเดียวก็คือ ต้องซื้อตั๋วเข้าไปพิสูจน์ฝีมือในฐานะนักแสดงได้แล้ววันนี้

 นี่คือหนังสยองขวัญเรื่องแรกของนิชคุณ ทำไมถึงรับเล่นเรื่องนี้

มันเป็นความท้าทายมันท้าทายมากในอาชีพนักแสดงของผม ที่จริงผมไม่ได้มีประสบการณ์เล่นหนังเยอะนะ แต่พอได้อ่านบทก็ตอบตกลงเลยเพราะมันยาก อยากทำให้ได้ครับ”

ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างคะ

“เริ่มจากเวิร์คช็อปที่ไทยเกือบ 2 อาทิตย์ครับ อย่างเรื่องแรกคือ ต้องฝึกเรื่องการวาดรูป ในเรื่องผมรับบท ทิม ช่างซ่อมภาพ ต้องเรียนวิธีจับดินสอ พู่กันใหม่ ที่จริงผมชอบวาดรูปอยู่แล้วนะ แต่เราก็จะจับดินสอเหมือนคนทั่วไปคือจับใกล้ๆ หัวดินสอ เรื่องนี้ต้องจับแบบอาร์ตติส คือ จับปลายดินสอ นอกจากนี้ก็จะดูสารคดีเกี่ยวกับช่างซ่อมภาพตามพิพิธภัณฑ์ ดูวิธีที่เขาเคลือบภาพหรือขูดรอยร้าว ผมว่าอาชีพนี้มีความรับผิดชอบสูง เพราะงานอาร์ตชิ้นนึงก็หลายล้าน ทิมจึงเป็นคนที่ทุ่มให้กับภาพมาก ซึ่งขัดกับตัวเขานะ เพราะทิมไม่ได้ห่วงเรื่องรูปลักษณ์ หน้าตาตัวเองเลย ผมต้องไว้หนวดไว้เครา อย่างการแต่งหน้าเรื่องนี้ก็เบามาก ผมก็ไดร์เฉยๆ ให้ดูธรรมชาติที่สุด ใส่เสื้อผ้าโทนเทาๆ”

“นอกจากนี้บุคลิกของทิมยังไกลตัวผมมาก เป็นคนที่ไม่ please คนอื่น อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกของคนฟัง และเป็นคนติสท์ที่มีความดาร์ค ผมต้องพยายามคิดเรื่องดาร์คให้มากที่สุด ช่วงถ่ายหนัง 2-3 เดือนที่ถ่ายหนัง ผมฟังแต่เพลงเศร้าเพื่อรักษาอารมณ์ไว้ ช่วงนั้นก็คือลืมความเป็นนิชคุณไป ปกติผมร่าเริงนะ ก็ต้องกดให้เหลือนิดเดียว พยายามสร้างคาแรคเตอร์ของคิมว่า ถ้าผมเป็นทิม เขานั่งยังไง เวลาเขาคุยกับคนอื่นเขามองตารึเปล่า ผมปั้นบุคลิคของทิมจากพี่ท็อป (สุรพงษ์ เพลินแสง) ผู้กำกับ เขาจะมีอะไรหลายๆ คล้ายทิม คือเป็นสายติสท์ๆ ผมก็ลองทำอย่างนั้นดู”

บุคลิกขัดกับตัวเองขนาดนี้ มีวิธีรีแลคซ์ตัวเองในแต่ละวันมั้ย

“ไม่นะ ผมพยายามคงเอาไว้ รู้เลยว่ามันโหดกับจิตใจ อย่างน้องนีน่าที่แสดงเป็นราเชลก็ต้องมีคนคอยบอกว่า นี่เป็นแค่การทำงานนะ ไม่ใช่ของจริง พานีน่าไปรู้จักกับนักแสดงที่เล่นเป็นผีก่อน ให้รู้จักกันก่อนเข้าฉาก

“ส่วนผม ถ้าเจอซีนหนักๆ ก็จะไลน์ไปถามครูกุ๊กไก่ ซึ่งเป็นครูสอนการแสดง ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องการจมอยู่ในคาแรคเตอร์ แต่จะมีบางซีนที่ถ่ายเสร็จแล้ว เราส่งอารมณ์ไปเยอะมาก ถ่ายจบตัวสั่น แต่ผมก็ตื่นเต้นมากนะ เพราะตอนแสดงผมปล่อยออกมาเยอะมากและรู้สึกถึงหลายๆ อารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ลุ้นว่า คนดูจะรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า จะออกมาให้เห็นในจอรึเปล่า คือลุ้นว่าคนจะรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกมั้ย”

อะไรคือเรื่องยากสุดในหนังเรื่องนี้

“เรื่องการถ่ายทำ ค่อนข้างหนัก กองถ่ายพยายามรักษาบรรยากาศให้ดาร์ค จึงเหนื่อยและเครียด เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมแทบไม่ได้ยิ้ม ทั้งๆ ที่ผมกับแพต (ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช) เราสองคนขี้เล่น ชอบแกล้งกัน แต่พออยู่ในกองถ่าย เวลาพักต้องแยกย้าย มีพื้นที่ของตัวเอง แต่แพตเป็นนักแสดงที่เก่ง เวลาเข้าฉากเขาส่งพลังเยอะมาก และเป็นสายเอาจริง จะมีฉากที่เขาโดนมัด เขาก็บอกผมว่า พี่เอาแรงๆ เลยนะ ช้ำได้ไม่เป็นไร คือเราต้องทำให้เขารู้สึก เขาก็จะส่งอารมณ์มาให้ได้

“นอกจากนี้กระบวนการถ่ายทำก็ยาก เพราะมีทั้งถ่ายในกรุงเทพฯและต้องเข้าป่า เข้าถ้ำด้วย อย่างฉากวิ่งในป่าก็คือวิ่งกันจริงๆ ตอนกลางคืน วิ่งทั้งๆ ที่ไม่ค่อยเห็นอะไร แต่ต้องขอบคุณทีมงานที่เขาเซฟดีมาก จึงไม่มีอุบัติเหตุเลยครับ”

รับเล่นหนังสยองขวัญ ตัวจริงกลัวผีมั้ย

“กลัวนะครับ ผมเชื่อนะว่ายังมีอีกมิตินึง ใจนึงก็อยากเห็น อยากสัมผัส แต่ขอร้องอย่างเดียวอย่าโผล่มาให้เห็นต่อหน้าแบบจังๆ อย่างนั้น กลัวครับ (หัวเราะ) แต่ไม่กลัวถึงขั้นจะอยู่คนเดียวในที่มืดไม่ได้ เพราะผมก็ทำงานต่างประเทศบ่อย บางโรงแรมเก่ามาก มีคนบอกว่าที่นี่มีผีนะ แต่เราก็อยู่ได้”

หนังชื่อ CRACKED ภาพหวาด ซึ่งหมายถึงความหวาดกลัว ในชีวิตจริง มีอะไรที่กลัวบ้าง

“ถ้าพูดถึงจิตใจและตัวตนของตัวเอง ไม่มีนะ คือ ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันผ่านการคิดมาแล้ว ว่าอันนี้ทำได้มั้ย อาจจะมีทั้งสิ่งที่คนอื่นเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มันก็เป็นบทเรียนของชีวิต เพื่อที่จะทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น ผมแค่ระวังมากกว่า ไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีในตัวเราออกมา เพราะทุกคนก็มีความดาร์ค มีนิสัยไม่ดีอยู่ในตัว ผมพยายามคิดดี ทำดี พูดดี แต่ความเป็นมนุษย์มันต้องมีสองด้าน ไม่ได้กลัวว่า จะคุมนิสัยที่ไม่ดี ไม่ได้นะ แค่ปล่อยให้มันวิ่งเล่นอยู่ในตัวและในใจของผม ให้มันคอยปกป้องเรา เพราะบางทีถ้าเราเป็นคนดีเกินไป ชีวิตอาจจะโดนหลอกง่าย ถ้าแยกแยะและเรียนรู้วิธีรับมือให้ได้ ก็จะช่วยปกป้องเรา คอยระวังถึงสิ่งร้ายๆ”

 มีคาแรคเตอร์ไหนอยากเล่นอีกมั้ยคะ

“ผมอยากเล่นหนังบู๊นะ น่าจะสนุกนะ มันมีสเต็ปในการเตะต่อยออกท่าทาง เหมือนการเต้น ซึ่งผมก็ชอบมวยไทยอยู่แล้ว อีกแบบคือ อยากเล่นบนโหด จิตๆ ผมอยากจะลองเล่นอะไรที่มันท้าทายตัวเอง  เพราะแค่ได้มาเวิร์คช้อปเรื่อง ภาพหวาด ทำให้ผมเรียนรู้เรื่องการแสดงเยอะ ถ้าเจอบทที่หนักกว่านี้ อาจจะได้เรียนรู้อะไรเยอะขึ้น คนอาจจะคิดว่า ผมหน้าตาแนวนี้ ใสๆ บุคลิกอาจจะได้ประมาณนึง แต่จริงๆ การแสดงมันสามารถเปลี่ยนคนเป็นคนละคนได้  นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำให้ได้ในฐานะนักแสดง”

เวลาพักนิชคุณชอบทำอะไร

“ผมทำงานมา 14-15 ปีแล้ว เราทำงานยุ่งกับการหาเงิน ถ้าเราไม่ได้ใช้เงินสร้างความทรงจำดีๆ กับครอบครัวมันก็ไร้ประโยชน์ คือเงินก็สำคัญ ความดังก็สำคัญ แต่ว่าถ้าเราไม่มีเวลาให้ตัวเอง จิตมันไปจริงๆ นะ ก็ต้องพัก หายไปเลยช่วงนึง ไม่ทำงาน เพราะการพักมันสำคัญกับชีวิตกับครอบครัว ผมจะพาครอบครัวไปเที่ยวอเมริกาบ้าง หรืออย่างตัวเองก็จะไปตีกอลฟ์ แต่ตอนนี้กลับไทยมายังไม่ได้เจอน้องจินเจอร์เลยครับ แต่ยังไงก็แพลนว่าจะอยู่ไทยถึงต้นเดือนหน้า เพราะตั้งแต่โควิดก็ไม่ได้กลับมาเจอที่บ้านเลย”

เร็วๆ นี้จะมีผลงานของนิชคุณให้ติดตามอีกมั้ยคะ

“จะมีหนังฮอลีวูดเรื่อง The Modelizer ฉายกลางปีนี้ เป็นหนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้เกี่ยวกับเพลยบอยสองคน ซึ่งผมรับบทเป็นเพลย์บอยสายปาร์ตี้ สำหรับงานเพลง วง 2PM เรามีอัลบั้มไปปีที่แล้ว ตอนนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันทำงานอยู่ แต่ยังไงถ้ามีเวลาว่างเรามารวมตัวกันอยู่แล้ว

ฝากแฟนๆ ติดตามด้วยนะครับ


เรื่อง Fai

ภาพ อิทธิศักดิ์

ผู้ช่วยช่างภาพ ณัฐวุฒิ สุวรรณประทีป

 

 

 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up