เคล็ดลับสุขภาพ DEE เตือนภัยโรคสมองเสื่อม…อ่านก่อน รู้ก่อน แข็งแรงก่อน !

เคล็ดลับสุขภาพ DEE ตัวช่วยที่ไม่ควรมองข้าม

เคล็ดลับสุขภาพ ดีๆ มีมากมายร้อยแปดพันเก้า เพราะในโลกดิจิทัลที่เวลาหมุนเร็วขึ้น ผู้คนในสังคมมีเรื่องให้คิดและทำมากขึ้นทุกที ในระหว่างนั้นเราใช้สมอง สายตา และร่างกายเกินลิมิตโดยไม่รู้ตัว หนึ่งข้อมูลที่คุณๆ อาจคาดไม่ถึงคือ ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคสมองเสื่อมถึง 80,000 คน!

อย่ารอช้า เรามีเคล็ดลับสุขภาพดีๆ จาก คุณสลิลาพร กองทองมณีโรจน์ แห่งบริษัท มี อินฟินิตี้ (ประเทศไทย) จากัด และผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทยมาฝาก… อ่านก่อน รู้ก่อน แข็งแรงก่อน

 _MGM7244

Q : ทำงานทั้งวันจนสมองล้า อยากได้ตัวช่วยดีๆ ต้องทำอย่างไร

A : ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ตั้งคำถามแบบนี้ทุกวัน อันดับแรกให้บอกตัวเองเสียใหม่ว่า ถึงเวลาดูแลสุขภาพอย่างจริงจังแล้ว ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้าคอร์สลับสมองที่ไหนค่ะ เพราะอาหารที่มีประโยชน์ก็ช่วยเสริมสร้างพลังงานดีๆ ให้สมองได้ ยกตัวอย่าง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ช่วยในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท ทำให้รับส่งข้อมูลได้ฉับไวขึ้น หรือผลไม้ที่หาได้ง่ายๆอย่าง กล้วย ก็มีสารทริปโทแฟนที่ช่วยให้อารมณ์ดี ซึ่งทำให้สมองของเราสดใสด้วย

         นอกจากนี้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ L-Tyrosine ที่ช่วยบำรุงสมอง ความจำระบบไหลเวียนเลือดปลายประสาท รวมถึงมี Inositol หรือ วิตามิน B8 ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบประสาท สารชนิดนี้ให้พลังแก่เซลล์สมอง ทำให้รู้สึกสงบ ช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้า แต่สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองสินค้าจากองค์การอาหารและยา (อ.ย.) นะคะ

Q : สมุนไพรอะไรที่ช่วยการทำงานของสมอง

A : ความจริงแล้วมีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณประโยชน์นั้น แต่หนึ่งชนิดที่ถือเป็นพระเอกของเรื่องนี้คือ สารสกัดจากใบแปะก๊วยช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในสมองดีขึ้น และบำรุงความจำ นอกจากนี้แปะก๊วยยังมีแร่ธาตุและวิตามินที่มีความสำคัญต่อระบบสื่อประสาทด้วยค่ะ

Q : ทำงานกับคอมพิวเตอร์ทุกวัน ต่อไปจะมีปัญหาสุขภาพในระยะยาวไหม

A : คุณเข้าใจถูกแล้วค่ะ ดวงตาของมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อจ้องมองแสงสว่างตลอดเวลา การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ จะส่งผลต่อดวงตาอย่างแน่นอน แต่ด้วยที่วันนี้แทบธุรกิจขับเคลื่อนด้วยคอมพิวเตอร์ น้อยคนจะหลีกเลี่ยงหน้าจอสี่เหลี่ยมนี้

แต่ขณะเดียวกันเราก็สามารถดูแลเขาได้ ตั้งแต่การพยายามพักสายตาจากหน้าจอทุกครึ่งชั่วโมง รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ซึ่งมีการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่า ช่วยให้การมองเห็นตอนกลางคืนดีขึ้น รวมทั้งลดอาการเมื่อยล้าเมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน

ถ้าใครชอบกินผักกับผลไม้ฝักทอง ก็มีสารลูทีนป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินา มีวิตามินเอบำรุงสายตาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การทานอาหารที่มีแคลเซียมก็ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของดวงตาหลังจากอ่านหนังสือหรือจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ได้ค่ะ

Q : เราออกกำลังกายให้สายตาดีขึ้นได้ไหม

A : ได้ค่ะ แถมยังทำได้ง่ายๆ แต่ต้องบอกสาเหตุก่อนว่า คนที่จ้องคอมพิวเตอร์นานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็งตัวจนอ่อนล้า เราสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นให้ดวงตาได้ด้วยการเหลือบตาไปยังทิศทางต่างๆ คือ ด้านบน ด้านล่าง เฉียงขึ้นลงทั้งซ้ายและขวา แต่ทุกครั้งที่กรอกดวงตาไปยังทิศทางใดแล้ว ให้กระพริบตาเบาๆ 1 ครั้ง ก่อนจะกรอกตาไปอีกทาง วิธีนี้ช่วยกระตุ้นต่อมน้ำตา ทำให้ตาไม่แห้ง และยังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อที่ใช้ปรับโฟกัสในการมองเห็นด้วย

Q : มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพที่ทุกคนทำได้ไหม

A : วิธีใกล้ตัวที่สุดคือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง เชื่อเถอะค่ะว่า การนอนหลับเป็นยาวิเศษที่ธรรมชาติมอบให้กับเรา เพราะในระหว่างที่เราหลับสนิท ระบบของร่างกายจะทำการซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติ เป็นยาวิเศษที่คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อ ก่อนหลับตานอน ทำใจสบายๆ

วันดีๆ รอคุณอยู่พรุ่งนี้ค่ะ

ที่มา : นิตยสารแพรว เล่ม 25 ก.ย. 59

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up