บอกแพลนเที่ยวไต้หวัน 4 วัน 3 คืน เก็บครบหมดไม่มีพลาดทั้งกิน เที่ยว ช้อป!

Alternative Textaccount_circle

Hello  World 2023! แพรวบทความนี้จะพาทุกคนไปท่องโลกกว้างกันอีกแล้วค่ะ ซึ่งประเทศที่เราเลือกไปนั่นคือ ‘ไต้หวัน’ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเราแถมค่าเงินก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เที่ยวง่ายและช้อปสนุกอย่างแน่นอน

Day 1

เริ่มต้นกันที่ Day 1 ออกสตาร์ทแบบไม่เหนื่อยจนเกินไปด้วยการเลือกไฟลท์เวลา 9.55 AM โดยครั้งนี้เราบินกับสายการบิน Vietjet  เส้นทางจาก กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) บินตรงสู่ ไทเป เถาหยวน ไต้หวัน(TPE)

ด้วยเวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงและคาบเกี่ยวกับช่วงเที่ยงก็ไม่ต้องวุ่นวายใจเรื่องอาหาร เพราะบนเครื่องบินมีบริการ Sky Café ให้เราได้เลือกตามใจชอบ หรือถ้าใครสะดวกจองอาหารผ่านเว็บไซต์มาก่อนก็ได้เช่นกัน โดยเมนูอาหารมีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งมื้อนี้เราขอเลือกเป็นบะหมี่ไก่ย่างและกาแฟน้ำส้ม เมื่อเครื่องขึ้นได้ไม่นานอาหารที่เราจองไว้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟให้ท้องอิ่มก่อนถึงสนามบินเถาหยวน

เมื่อเครื่องบินแลนด์ดิ้งลง ณ สนามบินเถาหยวน หลังจากผ่านด่าน ตม. และรับกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย ขอให้ทุกคนมุ่งตรงมาที่จุด Lucky Draw บริเวณใกล้ๆ กับทางออกของสนามบิน ทั้งนี้ต้องลงทะเบียนออนไลน์ไว้ล่วงหน้าเพื่อลุ้นรางวัล 5,000 ดอลลาร์ไต้หวัน ให้เราได้นำไปกินและช้อปกันให้หนำใจ

หลังจากออกสนามบินเรามุ่งตรงไปยังที่พักใจกลาง ‘ซีเหมินติง’ ทันที โดยเราเดินทางไปกับเราตู้ที่จองไว้ล่วงหน้า แนะนำว่าถ้าใครมาเป็นหมู่คณะการเดินทางแบบนี้อาจสะดวกและประหยัดพอๆ กับการนั่งรถไฟค่ะ

วันแรกที่ไทเปเหมือนเพิ่งเริ่มต้นขึ้นจริงๆ จังๆ หลังจากที่เราเก็บกระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อย ท้องก็ร้องพอดิบพอดี ด้วยบรรยากาศของฝนที่ตกปรอยๆ จึงทำให้มือเสิร์ชหาร้านหม่าล่าทันที รายชื่อที่ได้มีนับสิบร้าน แต่ผู้โชคดีหนึ่งในนั้นคือ ‘Xin Mala Hot Pot’ ที่ตั้งอยู่ในย่านซินเหมินติง ร้านนี้เป็นบุฟเฟ่ต์ที่มีให้เลือกหลายราคา อาหารสดใหม่และหลากหลาย น้ำซุปเข้มข้น แถมยังเด็ดทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมู เอาเป็นว่าสายไหนก็ไม่ควรพลาดร้านนี้ ส่วนมุมโปรดของคนรักของหวานคือตู้ไอติมที่มีรสชาติมากมายให้เราเลือกสรร ทำเอาเมื่อกินจนพอใจก็แทบอยากจองโรงพยาบาลตรวจน้ำตาลกันเลยทีเดียว

วันแรกของเราเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยมื้อหม่าล่ามื้อนั้น ก่อนเดินย่อยชมร้านรวงที่ตั้งเรียงรายอยู่ในย่านใจกลางเมือง เดินช้อปปิ้งเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ตามอัธยาศัยก่อนกลับเข้าที่พัก นอนหลับเอาแรงสำหรับวันถัดไป

Day 2

เริ่มต้นวันที่สองด้วยการเช็คอินจุดถ่ายรูปมุมยอดฮิตกับถนนสีรุ้งย่านซีเหมินติง บริเวณหน้าประตูทางออกที่ 6 ของรถไฟฟ้าใต้ดินซีเหมิน บอกเลยว่าใครมาย่านนี้ก็ต้องมีรูปเก๋ๆ ตรงนี้นะคะ

หลังจากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดินไปยัง Military Village Community Park เพื่อหามุมถ่ายรูปคู่กับตึกไทเป 101 ถึงแม้อากาศจะร้อนเพราะไปโผล่นั่นก็เกือบเที่ยง แต่เรื่องถ่ายรูปเราก็ไม่ย่อท้อ เล็งมุมดีๆ แล้วแชะรูปสวยๆ กลับไปได้เลย

ขอเปลี่ยนการเดินทางมานั่งรถแท็กซี่กันบ้างโดยจุดมุ่งหมายของเราคือ ‘Taipei Fish Market’  อาหารทะเลมีให้เลือกหลากหลาย โดยเราสามารถเข้าไปเลือกของจากด้านในตลาดเพื่อมายืนกินบริเวณชานพักข้างนอกที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ได้ หากใครมากันหลายคน แนะนำให้ซื้อหลายๆ อย่างเพื่อมาแชร์กันจะได้ลองกินเยอะๆ ของที่นี่สดใหม่สุดๆ กินไปก็ฟินไปแถมยังให้เยอะ เอาซะกินจนจุกเลยทีเดียว

เมื่ออิ่มหนำสำราญใจก็ถึงเวลาออกเดินทางอีกครั้ง เราเลือกการเดินย่อยไปตามถนนแวะถ่ายรูปกับอาคารบ้านเรือนที่เดินผ่าน ก่อนตัดสินใจแวะไหว้พระ เพิ่มความเป็นสิริมงคลให้ตัวเอง ณ วัดซิงเทียน นอกจากที่เราจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขวัญกำลังใจแล้ว สถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดยังถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามมากจริงๆ

อิ่มท้องอิ่มบุญเรียบร้อย สถานที่ต่อไปที่นั่นคือ Mitsui Outlet Park สวรรค์ของคนรักการช้อปเพราะมีช็อปให้เลือกมากมายตั้งแต่ High Street Fashion ไปจนถึงระดับ Luxury Fashion เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ตลอดช่วงบ่ายให้หนำใจกันไปเลย โดยภายใน Outlet ยังมีร้านของกินมากมายถ้าใครหิวก็สามารถแวะหาอะไรทานกันได้ ส่วนเราขอเติมน้ำตาลในเลือดจากชานมไข่มุกกับขนมโมจิกันสักหน่อย ก่อนออกเดินทางต่อเพื่อไปทานมื้อเย็นที่ ‘Ningxia Night Market’

เราเดินทางออกจาก Outlet ด้วยรถเมล์เพื่อตรงไปยัง ที่ ‘Ningxia Night Market’ ตลาดกลางคืนสุดคึกคักอัดแน่นไปด้วยผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น พร้อมกับอาหารมากมายที่ทั้งแบบรถเข็นวางเรียงรายสองข้างทางและเป็นร้านอาหารที่เปิดตามตึกต่างๆ ในตลาดมีร้านเด็ดเยอะมากๆ และแน่นอนว่าแถวยาวสุดๆ คำแนะนำจากนักท่องเที่ยวรุ่นพี่คือ ‘ถ้าเล็งร้านเด็ดไว้แนะนำให้มาเร็วๆ และเตรียมใจมาต่อแถวค่ะ!’

Day 3

เดินทางมาถึงวันที่ 3 จากที่คลุกตัวอยู่ในไทเปมาแล้ว 2 วัน เราจะพาทุกคนไปเมืองยอดฮิตอย่าง ‘จีหลง’ ที่ใกล้กับไทเป รับประกันว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายแน่นอน เราออกตัวจากโรงแรมด้วยการเช่ารถตู้พร้อมคนขับ ตรงไปยังท่าเรือเจิ้นปิงที่โดดเด่นด้วยอาคารหลากสีตามถนน พร้อมมีกลิ่นน้ำทะเลพัดโชยอ่อนๆ ให้สัมผัสถึงธรรมชาติ รวมถึงยังมีคาเฟ่ให้เราได้จิบกาแฟยามเช้า พร้อมขนมที่ไม่แน่ใจในชื่อแต่รูปร่างเหมือนไข่ มีหลายไส้ให้เราเลือกแต่สุดท้ายมติเป็นเอกฉันท์จากเสียงเราเพียงคนเดียวว่าเอาไส้คัสตาร์ด โชคดีที่อร่อยสุดๆ ถือว่าประสบความสำเร็จในการเสี่ยงโชค

จากนั้นเราจึงขยับตัวอีกครั้ง ออกเดินทางไปยังหมู่บ้าน ‘Shifen’ สำหรับมื้อเที่ยงที่กำลังจะถึง ภายในหมู่บ้านสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตและความเก่าแก่ของสถานที่แต่ยังคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว นอกจากร้านค้ามากมายที่เป็นไฮไลท์สำคัญของที่นี่ คงเป็นกิจกรรมปล่อยโคมลอยและอธิษฐานขอพร อย่างที่บอกว่าร้านอาหารมีให้เลือกเยอะสุดๆ จนทำเอาเลือกไม่ได้ บทสรุปเลยจบลงที่ไก่สอดไส้ข้าวอะไรสักอย่างหนึ่งชิ้น น้ำเปล่าหนึ่งขวดแต่กลับอิ่มท้องจนน่าแปลกใจ

การเดินทางของวันนี้ยังคงยาวไกล เมื่อเราเลือกเดินทางต่อจากหมู่บ้านสือเฟินด้วยรถไฟเพื่อไปยัง ‘Guangfu Village’ หรือหมู่บ้านแมว แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเกินต้านทานเจ้าแมวก็ไม่ค่อยเดินออกมาให้ได้เห็น ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนหาคาเฟ่แมวที่อยู่ในหมู่บ้านแมวเพื่อเล่นกับแมวอีกที แต่อาหาร ขนม และเครื่องดื่มในคาเฟ่รสชาติกำลังดี แถมยังมีแอร์ฉ่ำๆ ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ

และสถานที่สุดท้ายก่อนหมดพลังในวันนี้คือเมืองโบราณ ‘จิ่วเฟิ่น’ สถาปัตยกรรมโบราณพร้อมบรรยากาศสุดคลาสสิก และร้านค้ามากมายที่เต็มไปด้วยของเด็ดและของฝากอันเลื่องชื่อทั้งขนม และของกระจุ๊กกระจิ๊ก พร้อมยังมีจุดชมวิวที่ทำให้เราเห็นวิวทะเลแบบพาโรนาม่า แนะนำว่าถ้าใครอยากมา ‘โรงน้ำชาอาเม่ย’ ยอดฮิต ให้เดินมาจนเกือบถึงปลายถนนก่อน เพราะทางนี้กว่าจะเจอร้านน้ำชาที่ว่าก็อิ่มจากร้านน้ำชาก่อนหน้าไปเรียบร้อย แต่ร้านอื่นๆ ก็ไม่แย่นะคะได้อีกบรรยากาศหนึ่งไปเลย

หลังจากทุ่มเทกายใจให้กับจีหลงเรียบร้อยรถเช่าของเราก็พาเรากลับไปยังซีเหมินติง แน่นอนว่าพลังงานเราหมดเป็นที่เรียบร้อย เราจึงตกลงมื้อเย็นกับคณะว่าจะไปหาของกินจากร้านๆต่างๆ ในย่านนี้มานั่งกินด้วยกันในโรงแรมแทน

Day 4

ช่วงเวลาแห่งความสุขใกล้จบลงเพราะเดินทางมาถึงวันสุดท้าย เราเลือกให้สายมูเป็นคำตอบสำหรับตอนจบของทริปนี้ เราเลือกนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังวัดหลงซานเพื่อไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่รู้กันว่าวัดหลงซานโดดเด่นเรื่องการขอคู่มากๆ ถ้าใครจะมาขอคู่แนะนำให้ลิสต์สเปคมาให้ครบนะคะ เราจะได้มีสมาธิไม่ต้องนั่งนึกกันหน้างาน แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนอกจากการขอคู่ ต้องเป็นเครื่องรางที่มีให้เลือกหลากหลายแบบตั้งแต่ดีไซน์จนถึงเรื่องต่างๆ ที่เราต้องการให้ช่วย ไม่วาจะเป็นการงาน สุขภาพ การเรียน การเงิน ความรัก การขับขี่  ฯลฯ ไปครบจบที่เดียวแน่นอน

เมื่อเสร็จจากวัดหลงซานเราก็กลับมายังที่พัก เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปสนามบินด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินและต่อ Express Train แนะนำว่าต้องเผื่อเวลาดีๆ นะคะ เพราะจุดเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินกับ Express Train ต้องใช้เวลาเดินอยู่พอสมควร

ขากลับประเทศไทยเรายังคงนั่งสายการบิน Vietjet เหมือนเดิม เพราะความสะดวกสบายและการบริการต่างๆ เป็นที่น่าพอใจ โดยไฟลท์นี้เป็นช่วงเวลากลางคืนที่เราจองอาหารไว้เหมือนเดิมอีกเช่นเคย ไม่นานหลังจากที่เครื่องขึ้นไปบนฟ้าเรียบร้อย พนักงานต้อนรับก็ทำการเสิร์ฟอาหาร ลาซานญ่าไก่และชานม บราวชูก้าร์ถูกวางลงตรงหน้าให้เราได้ลิ้มลองความอร่อย บอกเลยว่าอาหารที่ถูกเสิร์ฟร้อนๆ ทำเอาประทับใจสุดๆ ไม่ต่างจากชานมที่หวานลงตัวที่มากับบุกบราวน์ชูก้าร์แสนอร่อย จบทริปนี้ด้วยความฟินแบบนี้บออกเลยว่าความสุขล้น แบตถูกชาร์จเต็มที่พร้อมทำงานในวันถัดไป!

Praew Recommend

keyboard_arrow_up