เทรนด์นี้มาแรง! Co-working Space ชุมชนแห่งใหม่ของหนุ่มสาว ที่ชอบทำงานนอกออฟฟิศ

เบื่อทำงานในออฟฟิศ คิดงานไม่ออก สมัยนี้คนยุคใหม่เลยเลือกไปนั่งทำงานตาม Co-Working Space กันมากขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์กว่าเดิม ให้การทำงานไม่น่าเบื่อและได้ประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างที่บอกว่าในปัจจุบันการทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศ เราสามารถทำงานได้ทุกที่ ทั้งในบ้าน คาเฟ่ ร้านอาหาร รวมไปถึง
Co-working Space ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีสภาพแวดล้อมที่เข้าถึงการทำงานของคนได้ทุกรูปแบบ และยังสามารถสร้างสังคมทางธุรกิจ ให้ผู้คนที่มีความชอบและความสนใจในสิ่งเดียวกันได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดต่อกัน สร้างแรงบันดาลใจ ในการทำงาน และใช้เวลาผ่อนคลายระหว่างการทำงาน

The Great Room (เดอะ เกรท รูม) ถือเป็นหนึ่งใน Co–working space ระดับโลกที่มีสาขา 4 แห่งในย่านธุรกิจของสิงคโปร์ และอีก 1 แห่งในฮ่องกง ในประเทศไทย The Great Room ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ย่านราชประสงค์ ชั้น 25 และ 26 อาคารเกษรทาวเวอร์ บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ความประทับแรกเมื่อเดินเข้ามาในส่วนของพื้นที่ต้อนรับจะพบกับทัศนีย์ภาพของวิวเมืองโดยรอบ 360 องศา พร้อมกับการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกเสมือนล็อบบี้โรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งเป็นแนวคิดจาก ‘Jaelle Ang’ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่มีความเชื่อว่า การออกแบบที่ดี จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ The Great Room

อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับสตูดิโอออกแบบชั้นนำระดับโลก ‘Michael Fiebrich Design’ ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบออฟฟิศและโรงแรม อีกทั้งยังเป็นผู้ออกแบบ มารีน่า เบย์ แซนด์ส และโรงแรมโฟร์ซีซั่น โดยเนรมิตพื้นที่ให้มีความเหมาะสมในการทำงาน รวมไปถึงพื้นที่ห้องประชุม และจัดเลี้ยงต่างๆ ให้มีความสะดวกต่อการทำงานในทุกสัดส่วน รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ โทนสี และแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการทำงาน เข้าถึงคอนเซปต์การออกแบบที่เรียกว่า ‘Timeless’ ความสวยงามที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงความร่วมสมัยอยู่ตลอดกาล

ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของ เดอะ เกรท รูม คือการจัดสรรพื้นที่ใช้งานให้มีความเป็นส่วนกลางและยังคงมีความเป็นส่วนตัวไปพร้อมกัน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับ ‘The Drawing Room’ ห้องที่มีฉากหลังเป็นวิวเมืองเหมาะสำหรับการทำงานและการนัดพบในช่วงกลางวัน รวมไปถึงงานเลี้ยงค็อกเทลยามค่ำ ที่เน้นการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่งพื้นที่สามารถรองรับได้ถึง 150 คน ไม่ว่าจะเพื่อการเรียนรู้ การประชุม การสร้างความประทับใจ หรือความบันเทิง

สำหรับพื้นที่อื่นๆ จะแบ่งเป็นห้องสำหรับประชุม หรือทำเวิร์คช็อปต่างๆ ตามจำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งในแต่ละห้องต่างมีคอนเซปต์ที่มาแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งานที่นักออกแบบคิดไว้

  • State Room (14 คน) ซึ่งเป็นห้องประชุมที่มีกระจกบานใหญ่รับแสงธรรมชาติทำให้บรรยากาศการประชุมผ่อนคลายมากขึ้นสำหรับ 14 คน เหมาะสำหรับการประชุมอย่างเป็นทางการ การเจรจาธุรกิจสำคัญ
  • Studio 1 & และ 2 (20- 60 คน) เป็นห้องสำหรับงานเวิร์คช๊อป งานประชุม งานแถลงข่าว รวมถึงงานสัมมนา สามารถรองรับได้มากถึง 60 คน

นอกจากในส่วนพื้นที่ Co-working space และห้องประชุม ยังมีโซนออฟฟิศ แบ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัว (Dedicated Offices)  เริ่มตั้งแต่ห้องขนาด 2 คน จนไปถึงห้องขนาดใหญ่ที่รองรับคนได้มากกว่า 40 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมไปถึงอินเตอร์เนตความเร็วสูง และโซนรองรับแขกไว้ให้ใช้บริการ ทั้งนี้เดอะ เกรท รูม ยังเพิ่มความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการโดยต้อนรับทุกเช้าวันจันทร์ด้วยการบริการอาหารเช้า (Monday Breakfast Club) ที่ช่วยให้วันเริ่มต้นสัปดาห์มีชีวิตชีวามากขึ้น รวมไปถึงการเสิร์ฟอาหารว่างยามบ่าย ที่เข้ามาแต่งเติมช่วงเวลาพักเบรกแบบสบายๆ

นอกเหนือกว่าเป็นพื้นที่ทำงาน เดอะ เกรท รูม ยังสร้างคอมมูนิตี้ และ การจัด Event เกี่ยวกับธุรกิจ เทคโนโลยี การเงิน และไลฟ์สไตล์ ที่จัดขึ้นทุกเดือน จึงไม่แปลกที่จะมีทั้งนักธุรกิจรายใหญ่ จนไปถึงกลุ่ม Start-up มาใช้บริการสถานที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก จึงเกิดเป็นสังคมที่ทุกคนต่างมาแลกเปลี่ยนความคิดและต่อยอดทางธุระกิจ ด้วยเอกลักษณ์ของ เดอะ เกรท รูม จึงทำให้ co-working space แห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น

Praew Recommend

keyboard_arrow_up