หนึ่งวันใน Munich (ตอนที่1)

มิวนิก (Munich หรือ Munchen) เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรียประเทศเยอรมนี แคว้นนี้อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ มิวนิกมีฐานะเป็นถึงเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และมีความสำคัญมากทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงเคยเป็นเมืองเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 20 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1972

1
บรรยากาศบนถนน Neuhauser มุ่งหน้าไปยังมาเรียนปลาตซ์ถนนเส้นนี้เป็นถนนคนเดิน มีร้านรวงเต็มสองข้างทาง

อีกหนึ่งเทศกาลซึ่งจัดขึ้นในมิวนิกทุกปีคือ งานอ๊อคโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) เป็นงานเทศกาลเบียร์ประจำปีของเมืองมิวนิก โดยมีระยะเวลาจัดงานยาวถึง 2 สัปดาห์ ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ใครจะวางแผนไปเที่ยวเยอรมนีช่วงเดือนดังกล่าว อย่าพลาดไปร่วมงานนี้นะครับ เพราะถือเป็นงานเทศกาลใหญ่ที่หลาย ๆ คนอยากไปร่วมงานกันสักครั้ง

2
บริเวณตลาดวิคชวลซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากมาเรียนปลาตซ์

เมื่อผมเดินทางมาถึงมิวนิก แวบแรกแอบตกใจหน่อย ๆ เพราะทริปก่อน ๆ นี้ ผมเที่ยวแต่เมืองเล็ก ๆ แต่มิวนิกถือเป็นเมืองใหญ่ดังนั้นคนจะคึกคักหน่อย แต่ไม่วุ่นวายนัก โดยเฉพาะหากเทียบกับกรุงเทพฯบ้านเรา ซึ่งผมว่าวุ่นที่สุดแล้ว หลังจากเช็กอินเก็บสัมภาระในที่พักแล้ว ช่วงบ่ายวันนั้นผมก็ออกไปสัมผัสกับเมืองมิวนิกทันทีความจริงการคมนาคมในมิวนิกถือว่าสะดวกสบาย เพราะมีทั้งรถไฟใต้ดินและรถไฟระหว่างเมือง ยังไม่รวมรถบัสและรถรางที่วิ่งกันทั่วเมืองด้วยความที่มีระบบคมนาคมเพียบพร้อม แถมนักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วรายวันได้ในราคาไม่แพง หากเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในยุโรปด้วยความที่ระบบการเดินทางโดยสาธารณะสะดวกขนาดนี้ ผมแทบไม่เห็นภาพรถติดในมิวนิกเลย

3
ตึกรามบ้านช่องสวยๆ ในเขตตัวเมืองเก่าของมิวนิก

มุ่งหน้าสู่ Marienplatz

จุดแรกที่ตั้งใจไปแวะชม คือ บริเวณจัตุรัสมาเรียนปลาตซ์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นใจกลางเมืองมิวนิกอย่างแท้จริง ผมเลือกเดินจากที่พักของผมซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟกลาง โดยเดินมาตามถนนบาเยอร์ (Bayerstra e) พอเดินผ่านจัตุรัสคาร์ลปลาตซ์ (Karlplatz) ก็เริ่มเข้าสู่เขตเมืองเก่าของมิวนิกแล้ว จากคาร์ปลาตซ์ไปมาเรียนปลาตซ์ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ตามสไตล์เมืองในยุโรป พอเข้าเขตเมืองเก่าก็พบความสวยงามของบ้านเรือนสองข้างทาง ถึงแม้ว่าจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นร้านค้าเสียส่วนใหญ่ แต่ก็น่าชมอยู่ดี ยังไม่รวมโบสถ์ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง แต่มีโบสถ์หนึ่งที่ควรค่าแก่การแวะชมคือ โบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche แปลว่า Church of Our Lady) โบสถ์นี้มีลักษณะเด่นคือ มียอดหอคอยคู่รูปหัวหอมสูงเด่นเป็นสง่า นอกจากด้านนอกที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ด้านในโบสถ์มีรอยเท้าปีศาจอยู่ด้วย อย่าลืมไปตามดูกันนะครับ

4
บรรยากาศมิวนิกในมุมสูง โดยมี Neues Rathaus หรือศาลากลางแห่งใหม่ของมิวนิกตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่

เดินมาจากโบสถ์เฟราเอนไม่ไกลก็ไปเจอกับจัตุรัสมาเรียนปลาตซ์ซึ่งเป็นจัตุรัสที่อยู่ใจกลางเมืองมิวนิก ถือเป็นจัตุรัสสำคัญ และแทบทุกคนที่มามิวนิกจะต้องมาเยี่ยมชมจัตุรัสแห่งนี้ นอกจากนี้บริเวณรอบจัตุรัสถือเป็นแหล่งช็อปปิ้งชั้นดีและร้านอาหารชั้นเยี่ยม

ชื่อมาเรียนปลาตซ์นั้นตั้งตามเสาที่มีรูปปั้นพระแม่มารีย์ทองคำอยู่บนยอดเสา โดยเสาต้นนี้สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1638 เพื่อฉลองการกลับไปของเหล่าทหารสวีเดนในช่วงสงคราม 30 ปี

สำหรับอาคารที่เด่นสุดในมาเรียนปลาตซ์เห็นจะต้องเป็น Neues Rathaus หรือศาลากลางแห่งใหม่ของมิวนิก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอทิก ถึงแม้จะมีชื่อว่าเป็นศาลากลางแห่งใหม่แต่ก็มีอายุเกือบ 150 ปีแล้วครับ

5
ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาว แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดวิคชวลก็ยังมาขายของตามปกติ

ชมวิวสวยของมิวนิกจากมุมสูง

มามิวนิกทั้งที ผมอยากชมวิวงาม ๆ ของเมืองจากมุมสูงจึงเลือกขึ้นหอคอยของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Peterskirche หรือ St. Peter’s Church) นอกจากจะมีหอคอยให้ชมวิวสวย ๆ แล้วโบสถ์แห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองมิวนิกชั้นใน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสมาเรียนปลาตซ์ เดินไม่ถึง 3 นาทีก็ถึงแล้ว จ่ายเงินค่าขึ้นหอคอย ซึ่งราคาถูกมาก แค่ 2 ยูโรแต่ต้องแลกกับการที่ต้องเดินขึ้นบันไดแคบ ๆ ซึ่งมีทั้งหมด 300 กว่าขั้น เพราะหอคอยแห่งนี้ไม่มีลิฟต์ พอขึ้นไปด้านบนแล้วก็ถือว่าหายเหนื่อยทันที เพราะผมได้ชมวิวเมืองมิวนิกแบบ 360 องศาเลย วิวสวยจริง ๆ แม้ในวันนั้นอากาศไม่ดีมากก็ตามแต่ผมก็ประทับใจไม่น้อยทีเดียว

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับ 871 ปักษ์ที่ 10 ธันวาคม 2558

Praew Recommend

keyboard_arrow_up