ถ้าใครเคยไปที่ร้าน “ดีเจภูมิเมนู” ย่านพระราม 6 อาจคุ้นตากับตึก 5 ชั้นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามร้าน และรถแลมโบกินี่คันหรูที่จอดอยู่ด้านใน นี่แหละคือที่พักของครอบครัวขนาดใหญ่ของ “ดีเจภูมิ-ภูมิใจ ตั้งสง่า” พอขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่พักของดีเจฝีปากกล้า ก็ต้องอึ้งกับสไตล์การตกแต่งที่ทำให้คิดว่ากำลังยืนอยู่ในโรงแรมหรูระดับห้าดาวสักแห่ง ถ้านึกภาพไม่ออก ขอบอกว่าต้องตาม แพรวดอทคอม ไปดูกันเลย รับรองว่าต้องทึ่งและว้าวกับไอเดียที่สื่อถึงความเป็นเพลย์บอยของเขาอย่างแน่นอน
“ก่อนสร้างบ้านหลังนี้ ครอบครัวผมเราอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ พอถึงวัยที่ลูกๆ เริ่มโต คุณแม่ก็ปรึกษาว่าเราควรจะแยกบ้านหรือควรจะทุบบ้านแล้วสร้างเป็นตึกหลังใหญ่ แบ่งพื้นที่กันคนละชั้น ซึ่งทุกคนชอบไอเดียนี้ เพราะเข้ากับไลฟ์สไตล์พวกเราดี เนื่องจากลูกชายทั้ง 3 คนติดพ่อแม่มาก จึงทุบบ้านแล้วสร้างใหม่ ใช้งบราวๆ 50 ล้าน พอรวมตกแต่งแล้วก็ร่วม 60 ล้าน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เป็นสปอนเซอร์ สร้างทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นแรกเป็นโซนของแม่บ้านและห้องครัว ชั้นที่ 2 เป็นของคุณพ่อคุณแม่ ชั้นที่ 3 เป็นของน้องชาย ซึ่งเขามีครอบครัว ชั้นที่ 4 ของพี่ชาย ส่วนชั้นที่ 5 เป็นของผม ใครสะดวกตกแต่งสไตล์ไหนก็ตามใจชอบ ซึ่งไอเดียการสร้างบ้านแบบนี้เวิร์คมากนะ ทุกๆ วันเรายังกินข้าวด้วยกันได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ได้เล่นกับหลาน ผมก็ได้อยู่กับพวกท่านด้วย เรียกว่าเรามีพื้นที่ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกัน ซึ่งผิดจากตอนอยู่บ้านหลังเก่า เวลาพาสาวมาค้างคืน ตอนเช้าเวลาจูงมือกันลงมาก็จะเห็นคุณพ่อคุณแม่นั่งกินข้าวต้มอยู่ ต้องค่อยๆ เดินผ่านกันไป”
บรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ค็อกเทลบาร์ บวกกับเฟอร์นิเจอร์หรูหรา ดูไฮเทค บ่งบอกถึงความรักสนุกของหนุ่มคนนี้สุดๆ ซึ่งเขาเล่าให้ฟังต่อว่า “ห้องนี้เป็นฝีมือการออกแบบของอินทีเรียร์ทั้งหมดครับ แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์เขาก็ไปช่วยเลือก เพราะผมรู้ว่าตัวเองรสนิยมไม่ดี สมัยก่อนแต่งตัวแย่เลยล่ะ สไตลิสต์ต้องเตรียมเสื้อผ้าให้ทั้งหมด อินทีเรียร์เขาออกแบบโดยดูจากไลฟ์สไตล์ของผมว่าชอบอะไร อย่างผมสะสมปืน ตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างจานห้องครัวจึงตกแต่งเป็นหมุดคล้ายกระสุนปืนประดับ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ในชีวิต
“ก่อนหน้านี้ผมโสดมาพักใหญ่ เป็นหนุ่มเพลย์บอยเต็มตัว เลยอยากได้บ้านแนวปาร์ตี้ จึงมีห้องจากุซซี่ด้วย แต่วันนี้ระบบน้ำเสีย เลยเปิดโชว์ไม่ได้ ตอนที่สร้างกะว่าจะชวนสาวๆ ลงไปด้วยกัน แต่สุดท้ายความฝันก็ไม่เคยเป็นจริงครับ มีแต่ผมและเพื่อนผู้ชายเท่านั้น (หัวเราะ) มาถึงตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว พอเขาเข้ามาในห้องก็ถามว่า พี่ภูมิไม่คิดเลยเหรอว่าสักวันจะมีครอบครัว เพราะในห้องไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง เขาก็ไม่รู้จะไปแต่งหน้าตรงไหน เพราะตอนแต่งห้อง ผมไม่ได้มองการณ์ไกล มองแค่ไลฟ์สไตล์ของตัวเองตอนนั้นว่าเป็นหนุ่มเพลย์บอยร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างเลยออกแนวทะมึนๆ
“ห้องผมใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด สามารถสั่งงานอัตโนมัติผ่านทางไอแพ็ด สมมุติว่าผมจะดูหนังก็กดปุ่มที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘ดูหนัง’ ม่านจะปิดลงมา ระบบไฟจะจัดแสงให้อัตโนมัติเลย งานเสียงก็มา ถ้ากดปุ่มดินเนอร์ แสงสว่างตรงโต๊ะอาหารจะขึ้นมาทันที หรือถ้ามีสาวมาบ้านก็กดปุ่มโรแมนติก เพลงจะเปิดคลอเบาๆ แอร์เย็นๆ พัดมา รวมทั้งไฟติดเพดานขนาดใหญ่ในห้องนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามมู้ดแอนด์โทนของเสียงเพลงได้ถึง 8 สี เช่น ฟ้า เขียว ชมพู น้ำเงิน ซึ่งระบบนี้จะลิงก์กับเครื่องเสียงอีกที

“แต่เชื่อไหมว่าผมไม่เคยใช้ระบบพวกนี้เลย แค่เปิดเครื่องเสียงยังผิดๆ ถูกๆ เลยครับ แต่ที่สร้างไว้อลังขนาดนี้เพราะชอบคิดเผื่อไว้ก่อน มันดูไฮเทคดี อีกเหตุผลคงเพราะผมเป็นดีเจมาหลายปี เราอยู่กับงานเพลงทั้งวัน พอกลับมาบ้านก็ไม่อยากฟังเพลง ขนาดในรถยังไม่มีซีดีเลย ฟังแล้วจะชวนให้นึกถึงเรื่องงาน”

อลังการงานสร้างขนาดนี้ งบประมาณเป็นอย่างไร “ผมตั้งใจไว้ว่าจะใช้สัก 5 ล้าน แต่ไปๆ มาๆ บานปลายไปกว่า 10 ล้าน หมดไปกับวัสดุที่ใช้ตกแต่ง ผมพยายามใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น อ่างจากุซซี่ที่ใช้กระเบื้องโมเสกจากอิตาลี หรือตามผนังห้องตกแต่งด้วยขนม้าทั้งหมด พื้นห้องปูด้วยหิน โต๊ะกินข้าวก็ใช้หินอ่อนแท้ เพราะผมเชื่อว่าถ้าใช้วัสดุที่มีคุณภาพดี อีก 10 ปีหรือ 50 ปี บ้านหลังนี้ก็ยังดูสวย มีราคา ไม่เก่าง่าย นอกจากลงทุนกับวัสดุก่อสร้างแล้ว ผมยังลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์หนักมาก อินทีเรียร์พาไปซื้อเก้าอี้ทรงสูง 2 ตัว รวมแล้วราคาประมาณ 160,000 บาท (หัวเราะ) เห็นบิลแล้วสะดุ้งเลยนะ แต่ต้องยอมซื้อ เพราะเขาบอกว่าคนที่แต่งบ้านเป็นจะต้องมีเก้าอี้ทรงนี้”

“นอกจากลงทุนกับวัสดุก่อสร้างแล้ว ผมยังลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์หนักมาก อินทีเรียร์พาไปซื้อเก้าอี้ทรงสูง 2 ตัว รวมแล้วราคาประมาณ 160,000 บาท (หัวเราะ) เห็นบิลแล้วสะดุ้งเลยนะ แต่ต้องยอมซื้อ เพราะเขาบอกว่าคนที่แต่งบ้านเป็นจะต้องมีเก้าอี้ทรงนี้”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 939