ครั้งหนึ่งในชีวิต! กินหรูท้าความตาย ที่ Dinner in the sky Thailand

ลืมอรรถรสในการกินข้าวแบบเดิมๆ ไปซะ เพราะวันนี้จะพาไปท้าทายความเสียวในระดับความสูงเท่าตึก 12 ชั้น เห็นวิวใจกลางกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา กันที่ Dinner in the sky Thailand

ประสบการณ์แปลกใหม่ที่เรียกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้สำหรับการขึ้นไปกินอาหารสุดหรูกับร้านอาหารที่ไม่มีประตูทางเข้า-ออก ไม่มีการตกแต่งร้านใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างลอยตัวเหนือน่านฟ้าในระดับความสูงเท่ากับตึก 12 ชั้น!!!

มารู้จัก Dinner in the sky Thailand กันก่อน ที่นี่เป็นบริการร้านอาหารแนวใหม่จากเบลเยี่ยม เขาเปิดมาแล้วหลายที่ทั่วโลกกว่า 45 ประเทศอาทิ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ โคลัมเบีย จีน  มาเก๊า เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น สวีเดน ไต้หวัน โปรตุเกส และล่าสุดในประเทศไทย โดยใช้เครนเทเลสโคปิคจากยุโรปน้ำหนัก 200 ตันยกชุดโต๊ะอาหารพร้อมแขกทั้ง 22คน บนเก้าอี้รัดเข็มขัดนิรภัยให้ลอยขึ้นกลางอากาศ แขกจะได้รับบริการระยะเวลา  1 ชั่วโมงเพื่อเพลิดเพลินกับบริการอาหารดินเนอร์มื้อหรูแบบ 4 คอร์ส ระดับ 5 ดาว ปรุงโดยเชฟชื่อดังจากโรงแรมและร้านอาหารที่มีชื่อเสียง  ทั้งนี้แขกทุกท่านจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวและแบบฟอร์ม Liability Formด้วย แต่จะเพลินจริงหรือเปล่า เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปดู ว่าแล้วก็เริ่ม!!!

จากหน้าทางเข้าเดินทางมาไม่ยาก แนะนำว่าใช้บริการรถไฟฟ้าดีที่สุด โดยลงจากสถานีพร้อมพงษ์เดินมาตามทางเส้นสุขุมวิทผ่านสวนเบญจสิริมาไม่เกิน 100 เมตร ก็จะเจอทางเข้าของ Dinner in the sky Thailand

ระหว่างการเตรียมอุปกรณ์ในการรับประทานอาหาร รวมถึงเมนูต่างๆกันก่อน

ภายในจะมีห้องรับรองสำหรับรอการเตรียมความพร้อมทั้งความปลอดภัย และอาหารที่เชฟจะนำขึ้นไปจัดเพื่อเสิร์ฟ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จะให้ทุกคนเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่จะขึ้นไปนั่ง จากนั้นก็จะขานชื่อทีละคนเพื่อประจำที่ตามตำแหน่งของเก้าอี้แต่ละจุด

เมื่อขึ้นไปบนที่นั่งของตัวเองแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการรัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัยทันที เรียกว่ารัดทั้งตัวก็ว่าได้ ส่วนเรื่องความหวิวก่อนขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่มองไปดูที่วางเท้าก็แอบตกใจเหมือนกัน เพราะเป็นแค่แท่นสี่เหลี่ยมขนาดวางเท้าได้พอดีในแต่ละที่นั่ง

พื้นที่ตรงกลางจะเป็นของเชฟและผู้ช่วยเชฟ รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยเอนเตอร์เทนไม่ให้เครียดกังวลตลอดระยะเวลาที่กำลังจะขึ้นสู่ความสูงระดับตึก 12 ชั้น มีเพลงเปิดสร้างความผ่อนคลายตลอด รวมถึงเชฟเองก็น่ารักมาก คอยพูดคุยกับทุกคนยิ้มแย้มจนลืมกลัวความสูงไปเลย

ระยะเวลาที่เครนยกขึ้นไปแป๊ปเดียวจริงๆ ทุกคนก็มาอยู่ระดับเดียวกับตึก 12 ชั้นกันแล้ว จากนั้นเชฟก็เริ่มเสิร์ฟอาหารที่เตรียมไว้ทันที โดยจานแรกนั้นเป็น  Appetizer เนื้อดิบสไลด์ เสิร์ฟกับ สลัดผัก น้ำสลัดเลม่อน และพาร์เมซานชีสโฟม

 

ต่อด้วยซุปมะเขือเทศเย็นใส่เนื้อปูและแตงกวา ก่อนจะเป็นจานหลัก ซึ่งมีให้เลือก 3 เมนูคือ

  • ปลาบัตเตอร์ฟิช เสิร์ฟคู่กับ มันฝรั่งกลิ่นหญ้าฝรั่น, หน่อไม้ฝรั่ง, มะเขือเทศเชอร์รี่ และ ซอสบีทรูท
  • ซี่โครงเนื้อออสเตรเลียตุ๋น เสิร์ฟกับ บาร์บีคิวซอส และ ผักอบ
  •  เนื้อสันในแกะออสเตรเลียอบ เสิร์ฟกับ ถั่วฮาเซลนัท หัวผักกาด  และมันม่วงบด
ซุปมะเขือเทศเย็นใส่เนื้อปูและแตงกวา
ที่เลือกไว้วันนี้เป็นเมนู ปลาบัตเตอร์ฟิช เสิร์ฟคู่กับ มันฝรั่งกลิ่นหญ้าฝรั่น, หน่อไม้ฝรั่ง, มะเขือเทศเชอร์รี่ และ ซอสบีทรูท

ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นชีสเค้กรสเสาวรส เสิร์ฟกับ ซอสราสเบอร์รี่ และ ไอศกรีมชาเขียว

เชฟกาตูโน่ พาลุมโบ Executive Chef จากโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท

ระหว่างที่อยู่บนโต๊ะอาหารลอยฟ้า ก็จะมีความเสียวเล็กๆ เวลาลมพัด แต่ก็ถือว่าไม่มาก เพราะโต๊ะเก้าอี้ทุกอย่างแน่นหนาไม่มีโคลงเคลงไปมา และค่อนข้างนิ่งอยู่กับที่มาก ระหว่างกินสามารถถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายภาพได้ตลอดเวลา แต่ก็ระวังของตกหน่อยละกัน ที่สำคญอย่ามองลงไปข้างล่างเด็ดขาด  โดยเฉพาะคนที่กังวลกับเรื่องความสูง เพราะมันจะยิ่งทำให้ความเพลิดเพลินในการทานอาหารลดลงทันที ดังนั้นระหว่างนั่งก็ชิลๆไปคุยกับคนข้างๆ คุยกับเชฟ และเอนจอยกับเสียงเพลงก็จะช่วยลดความกดดันได้เยอะเหมือนกัน  และสำหรับใครที่สนใจอยากจะไปลองประสบการณ์การกินอาหารแบบนี้ ไปศึกษาข้อมูลทั้งหมดที่เราเอาฝากกันก่อน

 

การจองที่นั่ง :

ลูกค้าสามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.dinnerinthesky.co.th วันจันทร์-ศุกร์ บัตรราคา 4,990 บาท และ วันเสาร์-อาทิตย์ ราคา 5,390 บาท โดยจะมีบริการวันละ 2 รอบ ได้แก่ รอบ Sunset เวลา 18.00 น. และรอบ City Lights     เวลา 19.30 น. โดยให้บริการรอบละ 60 นาที

เครน :

ตัวเครนเป็นแขนเทเลสโคปิคของเยอรมัน น้ำหนัก 200 ตัน จาก TKS Diamond

ที่นั่งและการรับน้ำหนัก:

22  ที่นั่ง (น้ำหนักทั้งหมด รวมโต๊ะอาหาร 7 ตัน)

ระยะเวลาให้บริการ:

60 นาที / 2 รอบต่อวัน

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up