CHARMING IBIZA (ตอนที่ 2)

ตระเวนเมืองเก่า

คลี่แผนที่ของเกาะอีบีซาดู คลำไปคลำมาพอจะเห็นที่ทางของฉันแล้วเมืองเก่านี่สิถูกจริตและสมวัยเป็นที่สุด จากหน้าอ่าวหันหลังให้ทะเลเห็นเมืองทอดตัวอยู่บนภูเขาที่มีป้อมปราการและยอดโบสถ์เห็นอยู่ลิบ ๆ ย่านนั้นทั้งดงเขาเรียกว่าย่าน ดัลท์ วิลา (Dalt Vila) มุมที่ยูเนสโกแจ้งว่าเลอค่าสมควรเป็นมรดกโลก

ซอกซอยอัดแน่นไปด้วยร้านรวง
ซอกซอยอัดแน่นไปด้วยร้านรวง

สองเท้าย่างเข้าชายคาเมืองเก่าไม่เท่าไร สองตาก็สะดุดกับรีเซปชั่นของเมืองที่เกาะอยู่บนข้างฝา สำหรับคนรังเกียจตุ๊กแกอาจเดินแบบไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะเร่ไปทางไหนก็จะเจอหุ่นตุ๊กแกเกาะเป็นระยะเพราะนี่เป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะ แต่ถ้าเจอตามร้านขายของที่ระลึกจะกลายเป็นของน่ารักขึ้นมาทีเดียว เพราะจะมีทั้งตุ๊กแกลายจุดและลวดลายสีสันฉูดฉาด กลายเป็นของน่าซื้อไปเลย

ยิ่งเดินลึกเข้าไป ยิ่งรู้สึกว่าเมืองเก่าของอีบีซาน่ารักในระดับไม่ปกติเสียแล้ว เมื่อซอกซอยซ่อนอาคารบ้านเรือนอันเก่าแก่เอาไว้ บ้านในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนซ้อนกันขึ้นบนเนิน ดอกไม้ระโยงระยางจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับบ้านแนวนี้ เรียกได้ว่าทั้งร่มรื่นทั้งรื่นรมย์เชียวละ

ร้านขายเสื้อผ้าน่ารักๆ ระหว่างทางขึ้นมหาวิหาร
ร้านขายเสื้อผ้าน่ารักๆ ระหว่างทางขึ้นมหาวิหาร

ซอกซอยแคบ ๆ มีร้านรวงที่แต่งหน้าร้านทั้งชิคทั้งเก๋ ชุดสีขาวประสาเมืองริมทะเลจัดวางเอาไว้พร้อมกับพร็อปเก๋ ๆ อย่างหมวกและเครื่องประดับจำพวกเครื่องเงิน รองเท้าแตะดีไซน์เฉี่ยวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และแน่นอนว่าผ้าพันคอเบาหวิวพร้อมกับชุดอาบลมห่มคลื่นอันพลิ้วไหวเป็นของหาง่ายตามร้านรวงในเขตเมืองเก่า

มาแนวนี้ฉันแทบจะแวะโฉบเข้าไปดูทุกร้านกันเลยทีเดียว สิ่งที่สงสัยคือ ทำไมฉันไม่ระแคะระคายมาก่อนว่า เมืองเก่าของอีบีซานั้นน่ารักเยี่ยงนี้

เท่าที่รู้ อีบีซาเป็นเกาะไม่ต่างจากเกาะอื่น ๆ ในละแวกนี้ที่มีอดีตและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ อย่างน้อยก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เคยมีพวกอาหรับเข้ามาครอบครองเกาะนี้ นั่นอาจเป็นเหตุผลให้ละแวกนี้แอบมีกลิ่นอายของพวกอาหรับเจืออยู่ในอากาศ

ขืนเดินสำรวจเมืองเก่าครบทุกซอย มีหวังเงินยูโรตีจากกระเป๋าสตางค์แน่นอน จึงรีบเดินขึ้นเนินเขาจุดหมายข้างหน้าอยู่ที่วิหารประจำเมืองที่อยู่บนยอดเขา

ซอยแคบๆ นำไปสู่ป้อมปราการ
ซอยแคบๆ นำไปสู่ป้อมปราการ

นี่ถ้าเป็นประเทศอื่น อาจจะมีการทำเคเบิลคาร์แล้วเก็บสตางค์นักท่องเที่ยว แต่ที่นี่ทำทางเดินลดเลี้ยวเคี้ยวคดให้นักท่องเที่ยวเดินไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ กว่าจะไปถึงจุดหมายก็แวะพักเหนื่อยด้วยการช็อปปิ้งระหว่างทาง บางจุดเป็นจุดชมวิวบนป้อมปราการที่มองลงมาเห็นวิวทิวทัศน์ของอีบีซาและทะเลเมดิเตอร์-เรเนียนได้ทั้งผืน

ป้อมปราการแห่งนี้เป็นกำแพงเลื้อยโอบดัลท์วิลา ไว้ทั้งเมือง เรียกว่าถ้าเดินลัดเลาะไปตามกำแพงก็เดินอยู่ได้ทั้งวันอย่างไม่รู้เบื่อ เพราะใต้ชายคาของป้อมอายุ 400 กว่าปีแห่งนี้ มีแต่อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ให้เดินชม แต่ละมุมได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี ต่อให้แปลงสภาพเป็นร้านค้าหรือเรือนพักแต่ก็ทะนุถนอมบรรยากาศแบบดั้งเดิมเอาไว้ ไม่น่าแปลกใจ ถ้าที่นี่จะเข้าตายูเนสโกจนได้เป็นมรดกโลก

คาเฟ่สุดชิควางเบาะนั่งบันไดในเมืองเก่า
คาเฟ่สุดชิควางเบาะนั่งบันไดในเมืองเก่า

ฉันเดินขึ้นเนินเรื่อยไปจนสุดทางที่วิหารประจำเมือง เป็นวิหารเล็ก ๆ ที่มีอายุ 600 กว่าปีแล้วแต่ดูไม่ร่วงโรยตามอายุ เพราะเขาปรับปรุงตลอดว่ากันว่าใครอยากชมศิลปะกอทิกแบบคาตาลันต้องมาดูที่นี่ ใครไม่รีบร้อนแวะไปดูพวกของสะสมจำพวกรูปปั้น เหรียญเก่าแก่ และเครื่องปั้นดินเผา ได้ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน

จังหวะที่เดินลงจากเขา ฉันเพิ่งสังเกตว่าไม่ต้องไปแถวชายหาดก็ได้ เพราะคาเฟ่ไหน ๆ ที่เดินผ่านก็เปิดเพลงแนวชิลเอ๊าต์ทั้งนั้น แน่ละ Caf del Mar อันโด่งดังต้นตำรับและดั้งเดิมเกิดขึ้นที่เกาะอีบีซานี่เอง

เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา Cafè del Mar เป็นคาเฟ่ธรรมดา ๆ ที่ไม่มีใครพูดถึง แต่เมื่อนักท่องราตรีบนเกาะอีบีซาไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่หาดแซนแอน-โทนีโอก็นั่งดื่มนั่งดริ๊งค์กันไปบนชายหาด ก่อนเริ่มขยับตัวตามเสียงเพลงแนวชิลเอ๊าต์ที่ดังออกมาจากคาเฟ่แห่งนี้ ที่ชิล ๆ คูล ๆ แบบนี้ไม่รอดสายตานักเขียนกวี และพวกศิลปินทั้งหลายอย่างแน่นอน พวกเขาเดินทางมานั่งแฮ้งเอ๊าต์ ฟังเสียงดนตรี ชิลริมหาดที่นี่

รถเก๋ๆ หน้าร้านเก๋ๆ
รถเก๋ๆ หน้าร้านเก๋ๆ

จากนั้นไม่นาน ที่นี่ก็กลายเป็นแหล่งสุมหัวของปาร์ตี้เลิฟเวอร์บนเกาะอีบีซา เรียกว่าอุ่นเครื่องกันที่นี่จากนั้นใครอยากจะไปปาร์ตี้ยันรุ่งเช้าที่ไหนบ้าง ก็มาหาเพื่อนได้จากแถวนี้ จนในที่สุดทั้งคาเฟ่และทั้งเพลงแนวนี้ก็ดังเป็นพลุแตก

“ถ้าจะไปเที่ยวชายหาดรอบ ๆ เกาะ ก็มีหลายหาดมากที่คนนิยมไปกัน เช่น หาด Cala Boix เราแนะนำให้นั่งรถเมล์ที่หาดแซนแอนโทนีโอ แต่ถ้าอยากช็อปก็มีฮิปปี้มาร์เก็ตด้วย ตลาดจะย้ายไปตามเมืองต่าง ๆ ของเกาะ เปลี่ยนที่ไปทุกวัน แต่ถ้าคุณไม่อยากเดินทาง ตอนเย็น ๆ ของทุกวันไปยันเที่ยงคืนจะมีฮิปปี้มาร์เก็ตมาเปิดแผงขายริมทะเลเลย” เจ้าหน้าที่จากบู๊ธการท่องเที่ยวบอกกล่าว

ฉันเองเพิ่งรู้ว่า เกาะอีบีซาก็เป็นที่ทางของพวกฮิปปี้ด้วย ไม่ยักรู้ว่าสมัยก่อนพวกฮิปปี้อพยพมาอยู่ที่นี่เยอะมาก จนเกิดเป็นชุมชนขึ้นมาเป็นล่ำเป็นสัน

ลุงชาวประมงกำลังก้มๆ เงยๆ กับภารกิจประจำวัน
ลุงชาวประมงกำลังก้มๆ เงยๆ กับภารกิจประจำวัน

ชีวิตหลังตะวันตกดิน

ดูเหมือนพอดวงตะวันหมดภารกิจประจำวัน ชีพจรของอีบีซาก็ขยับตัวเร็วขึ้น มาถึงเกาะนี้คงไม่มีใครพุ่งกลับโรงแรมแล้วซุกตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่มแน่ ต่อให้ไม่ใช่นักท่องราตรี อย่างไรเสียก็ขอให้ได้ไนท์ซีอิ้งเกาะที่ทำให้นักท่องราตรีคลั่งไคล้

เสียงดนตรีตามร้านเริ่มหนักแน่นขึ้นกว่าช่วงกลางวัน แต่มุมหนึ่งที่เหนี่ยวคนให้ไปแถวนั้นได้สำเร็จคือ ฮิปปี้มาร์เก็ต ที่พูดเลยแค่ว่ากวาดสายตาปร๊าดเดียวก็รู้เลยว่า มีแต่ของน่าซื้อไปเสียหมด ใครชอบเครื่องประดับมีดีไซน์เก๋ ๆ ชิค ๆ โดนแน่ ใครไม่อยากเสียสตางค์ ไปไนท์ซีอิ้งตามผับบาร์จะปลอดภัยกว่า

เส้นทางเดินและปั่นสองล้อริมทะเล
เส้นทางเดินและปั่นสองล้อริมทะเล

ก่อนจะออกไปตะลุยราตรี ปาร์ตี้เลิฟเวอร์ทั้งหลายพากันมาหาร้านอาหารบรรยากาศดีน่านั่งในเขตเมืองเก่ากัน ยามค่ำคืนจึงมีพวกนักแสดงเร่ นักดนตรีเปิดหมวก ออกมาทำมาหากินกันอย่างคึกคักราว ๆ 3 – 4 ทุ่มนั่นละ ร้านจะแน่นเป็นพิเศษ เพราะนักท่องเที่ยวพากันดินเนอร์ช้าตามชาวสเปนไปแล้ว

ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้สำหรับเกาะอีบีซา เพราะต่อให้คุณดินเนอร์เสร็จตอนเที่ยงคืน ราตรีที่อีบีซาก็เพิ่งเริ่มต้น ถ้าจะไปที่เด็ด ๆ ของเกาะก็คงมีอยู่ไม่กี่ชื่อ ไม่ว่าจะเป็นคลับ Amnesia และ Privilege คลับที่ถูกยกว่าใหญ่ที่สุดในโลก ยังมีคลับดัง ๆ อย่าง Pacha และถ้าสว่างแล้ว แต่คุณยังเอ็นจอยปาร์ตี้ และประคองร่างไปแด๊นซ์ต่อได้ ต้องไปที่ Space เท่านั้น เพราะที่นี่เปิดตอนแปดโมงเช้าและปิดตอนเย็น สวนทางกับชาวบ้าน

ปาร์ตี้โฟม ดิสโก้เธ็คขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดีเจชื่อดังของโลกคลับสุดชิคที่มีแต่เซเลบริตี้และคนดังมาพบปะ เครื่องดื่มเย็น ๆ เคล้ากับเสียงดนตรี เสียงหัวเราะที่กลั่นจากความสนุกสนาน รอทุกคนอยู่ที่เกาะอีบีซา

สองหนุ่มเดินผึ่งแดดเช้า
สองหนุ่มเดินผึ่งแดดเช้า
มาที่นี่เพื่อบริโภคแสงแดด
มาที่นี่เพื่อบริโภคแสงแดด

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับที่ 858 ปักษ์วันที่ 25 พฤษภาคม 2558

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up