มิโด “All Dial” แรงบันดาลใจจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังก้องโลก

มิโด “All Dial” แรงบันดาลใจจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังก้องโลก

account_circle

“มิโด” (MIDO) เปิดตัวเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น “ออล ไดอัล” (All Dial) จากคอลเล็คชั่น “ทเวนตี้ เยียร์ส อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์” (20 Years Inspired by Architecture) ฉลองครบรอบ 20 ปี เรือนเวลาที่ได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังก้องโลก

มิโด “All Dial” แรงบันดาลใจจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังก้องโลก

งดงามเหนือกาลเวลากับนาฬิกาคอลเล็คชั่นพิเศษจาก “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ที่ครั้งนี้ได้เฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี เรือนเวลาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสุดยอดสถาปัตยกรรมชั้นสูง ด้วยการเปิดตัวเรือนเวลารุ่นพิเศษ “ออล ไดอัล” (All Dial) นาฬิกาเรือนแรกจากคอลเล็คชั่น “ทเวนตี้ เยียร์ส อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์” (20 Years Inspired by Architecture) ซึ่งเป็นการออกแบบนาฬิการุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น เพื่อเป็นการรำลึกถึงสถาปัตยกรรมชื่อดังที่ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิกาของ “มิโด” (MIDO) ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน

สำหรับเรือนเวลาหรูที่เหล่าคนรักนาฬิกาจะได้ยลโฉมเป็นรุ่นแรกจากคอลเล็คชั่น “ทเวนตี้ เยียร์ส อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์” (20 Years Inspired by Architecture) ได้แก่ “ออล ไดอัล” (All Dial) ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเพียง 2,022 เรือนเท่านั้น และนอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20 ปีแห่งแรงแห่งแรงบันดาลใจทางสถาปัตยกรรมแล้ว ในปีนี้ยังเป็นปีครบรอบ 20 ปีของการกำเนิดคอลเล็คชั่น “ออล ไดอัล” (All Dial) อีกด้วย โดย “ออล ไดอัล” (All Dial) เป็นนาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจจากอัฒจันทร์โคลอสเซียม (Colosseum) สิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมัน ได้ถูกถ่ายทอดสู่นาฬิกาที่มีความสวยงามเหนือกาลเวลา พร้อมกลไกที่ทนทานต่อการใช้งาน ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์จากการออกแบบหน้าปัดทรงกลม พร้อมตกแต่งด้วยเส้นสายวงกลมหลากหลายระดับที่ทำให้นึกถึงอัฒจันทร์เมื่อมองจากด้านบน พร้อมเทคนิคการทำสีแอนทราไซต์ (Anthracite) ให้พื้นผิวบริเวณหน้าปัดมีสัมผัสเหมือนเนื้อทรายชวนให้นึกถึงหินอายุนับพันปีของอัฒจันทร์ โดยตัวเรือนนั้นทำจากเหล็กขนาด 42 มิลลิเมตร และหน้าปัดทำจากคริสตัลแซฟไฟร์ที่มีระบบป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน พร้อมสายรัดเหล็กเคลือบซาตินที่ทำทำให้นึกถึงส่วนโค้งของอัฒจันทร์ และบริเวณด้านหลังตัวเรือนยังถูกสลักด้วยภาพวาดของ โคลอสเซียม (Colosseum) และชื่อแบรนด์ ‘MIDO’ เอาไว้อีกด้วย

สำหรับด้านการใช้งาน “ออล ไดอัล” (All Dial) มาพร้อมฟังก์ชั่นการอ่านค่าเวลาที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำสูงด้วยกลไกโครโนมิเตอร์ที่รับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC) และสามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 38 ชั่วโมง โดยชิ้นโรเตอร์ขึ้นลานยังได้รับการตกแต่งด้วยลายโกตส์ เดอ เฌอแนฟ (‘Côtes de Genève’) และเพื่อให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายในตอนกลางคืน เข็มนาฬิกาและช่องวันที่ที่ติดตั้งอยู่บริเวณ 3 นาฬิกา ได้ถูกเคลือบด้วยสารสะท้อนแสงซูเปอร์ ลูมิโนวา (Super-LumiNova) พร้อมฟังก์ชั่นการกันน้ำได้สูงสุดถึง 100 เมตร

นอกจากนี้ในคอลเล็คชั่น “ทเวนตี้ เยียร์ส อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์” (20 Years Inspired by Architecture) ยังมีเรือนเวลาหรูอีก 4 รุ่นพิเศษ ได้แก่ “บารอนเชลลี่” (Baroncelli), “โอเชี่ยน สตาร์” (Ocean Star), “มัลติฟอร์ท” (Multifort) และ “คอมมานเดอร์” (Commander) ซึ่งทุกรุ่นล้วนได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังระดับโลก ผสมผสานกับนวัตกรรมการผลิตนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงและทันสมัย สู่เรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่เตรียมเผยโฉมให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้เก็บสะสมกันตลอดทั้งปี 2022 นี้

Praew Recommend

keyboard_arrow_up