ดีไซเนอร์เยอรมัน ผลิต “หน้ากากผ้าไหม” ซักได้ 200 ครั้ง ปกป้องผู้ใส่ และสิ่งแวดล้อม  

account_circle

ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยทั่วโลกเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้กับ โควิด-19 ดีไซเนอร์ชาวเยอรมัน จากกรุงปักกิ่งก็ได้เกิดไอเดียผลิต “หน้ากากผ้าไหม” ซึ่งสามารถซักได้ถึง 200 ครั้ง ปกป้องผู้ใส่ และยังปกป้องสิ่งแวดล้อม ลดขยะจากการใส่หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วทิ้งทุกวัน

South China Morning Post หนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษของ ฮ่องกง ได้ออกมารายงานข่าวผ่านทางเว็บไซต์ www.scmp.com ว่า…..

หน้ากากผ้าไหม

Kathrin von Rechenberg ดีไซเนอร์ชาวเยอรมัน เจ้าของแบรนด์ Rechenberg ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน กำลังช่วยลูกค้าของเธอให้มีแมสใส่ในขณะที่หน้ากากอนามัยทั่วโลกกำลังขาดแคลน โดยเป็นแมสที่ทำจาก tea silk (การย้อมผ้าไหมจากใบชา)

แคทลีนสร้างอาชีพในเมืองหลวงของจีน เธอเป็นดีไซเนอร์ที่ออกแบบเสื้อผ้าระดับกูตูร์ที่มีความร่วมสมัย โดยใช้ผ้าสีสนิมแบบดั้งเดิมที่ผลิตในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีนนำมาย้อมด้วยมันเทศพื้นเมือง

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ มากมายที่ประสบกับภาวะการระบาดของ โควิด-19 แคทลีนได้บินกลับมาจากยุโรปในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรน่า เนื่องจากสตูดิโอของเธอใกล้กับพระราชวังต้องห้าม ซึ่งถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในช่วงที่เกิดโรคระบาด เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนจากรูปแบบแฟชั่นที่ปกติแล้วการผลิตชิ้นงานชิ้นหนี่งจะค่อนข้างใช้เวลานาน เพื่อมาผลิตหน้ากากที่ทำจากผ้าไหมจำนวน 500 ชิ้นในเวลาเพียงสามสัปดาห์

โดยเธอยังกล่าวกับ South China Morning Post อีกด้วยว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เราผลิตของในปริมาณจำนวนมาก เพราะโดยปกติแล้วฉันค่อนข้างต่อต้านการผลิตสินค้าออกมาเป็นจำนวนมากๆ”

ความเร่งรีบเกิดขึ้น เมื่อหน้ากากอนามัยเป็นเรื่องยากมากขึ้นที่จะได้รับ โดยเฉพาะในเมืองหลวงของประเทศจีน ที่มีการแบ่งสันปันส่วนอย่างเข้มงวดให้กับผู้ที่ทำงานด้านสุขภาพ, ผู้บริโภค และ ผู้ประกอบการด้านธุรกิจต่าง ๆ เช่น Foxconn โรงงานที่ผลิตสินค้าให้กับบริษัท Apple ซึ่งมีการผลิตหน้ากากอนามัยให้กับคนงานเองด้วย

หน้ากากผ้าไหม

ทั้งนี้ในบางจังหวัดของประเทศจีน ชาวบ้านยังต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันเวลาที่พวกเขาออกไปในที่สาธารณะ อย่างไรก็ตาม หน้ากากผ้าไหม ของแคทลีนไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าได้โดยตรง ซึ่งหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้นั้นจะต้องได้รับการรับรองจากทางรัฐบาลเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ในรุ่นของเธอมีแผ่นกรอง PM2.5 ซึ่งนำมาชุบเงินเพื่อกรองอนุภาคขนาดเล็ก มาพร้อมกับผ้าไหมสีขาวที่นุ่มสบาย โดยเธอแนะนำลูกค้าว่าหน้ากากผ้าไหมเป็นแอคเซสซอรี่เสริมที่ใส่ทับบนหน้ากากอนามัยได้

การผลิตแมสแต่ละชั้นมีขั้นตอน และกระบวนการที่ค่อนข้างยาก อันดับแรก แคทลีนต้องเลือกผ้าไหมที่ทำจากผ้าทอซึ่งจะระบายอากาศได้ดีกว่า และมีสีย้อมธรรมชาติ รวมถึงแต่ละชั้นต้องมีพื้นผิวที่ต่างกัน ผ้าไหมแต่ละชิ้นจะถูกรีดอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะนำมายืดและตัดเป็นรูปแบบ จากนั้นนำมาเย็บเข้าด้วยกัน และนำไปฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตและอบด้วยโอโซน

หน้ากากผ้าไหม

แมสแต่ละชิ้นได้รับการออกแบบให้ทนต่อการซัก 200 ครั้งในผงซักฟอกธรรมชาติ ทำให้มีความยั่งยืนมากกว่าหน้ากากอนามัยแบบที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง โดยส่วนตัวฉันรู้สึกไม่สบายใจที่จะใส่หน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวเหล่านี้ ซึ่งฉันอาจจะได้ใช้มันหลายวันเกินไปเพื่อไม่ให้เกิดขยะมากขึ้น แคทลีนกล่าว

วิธีการทำงานของแคทลีนมีความยั่งยืน กระบวนการย้อมสีผ้าไหมต้องใช้ถึง 30 ขั้นตอน รวมถึงกระบวนการอบแห้งผ่านแสงพระอาทิตย์ หน้ากากของเธอถูกสร้างขึ้นจากเศษผ้าที่เหลืออยู่ในสตูดิโอ “เศษผ้าเหล่านี้จึงมีค่าเกินกว่าจะถูกโยนทิ้ง”

“ฉันทำเสื้อผ้า tea silk (การย้อมผ้าไหมจากใบชา) มาเกือบ 20 ปี ดังนั้นคุณสามารถจินตนาการถึงปริมาณของเศษซากที่เรามีได้” เธอกล่าว “ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ฉันได้พัฒนารูปแบบของฉัน เพื่อให้เสียของน้อยที่สุด เพราะฉันมักจะออกแบบด้วยความกว้างของผ้าที่ฉันใช้อยู่ ตอนนี้เศษผ้าทั้งหมดมันเหมาะสมเป็นอย่างมากที่จะนำมาทำหน้ากาก”

นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่าวิกฤตไวรัสโคโรน่า สามารถเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนในระยะยาว ซึ่งเธอคิดว่ามันอาจจะนำพาผู้คนให้ “จัดลำดับความสำคัญของวิถีชีวิตที่มีความหมายมากขึ้นและคิดทบทวนการบริโภคที่มากเกินไป”

หน้ากากผ้าไหมของเธอได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเธอกล่าวว่า “ฉันประทับใจมากกับปฏิกิริยาที่ยอดเยี่ยมของลูกค้าและเพื่อนของเรา หลายคนแบ่งปันบนอินเตอร์เน็ต นี่เป็นกำลังใจที่ดีในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ ในขณะที่ร้านค้าของเรายังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิด” แคทลีนยังกล่าวอีกด้วยว่า “เธอเห็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมในหมู่ของลูกค้า ในแง่ของวิธีการที่หลายคนตั้งคำถามและมีการถกเถียงกันมากขึ้นว่าควรจะสวมหน้ากากหรือไม่?

หน้ากากผ้าไหม

“ ชาวเอเชียคุ้นเคยกับการใส่หน้ากากมากกว่า มันดูไม่แปลกสำหรับพวกเขา แต่ชาวยุโรปรู้สึกแปลกๆ กับมันมาก” เธออธิบาย “ ฉันเดาว่าถ้าใครรู้สึกสวมหน้ากากที่ใส่แล้วสบายและสวยงาม เขาหรือเธอจะสวมมันในที่สาธารณะ ซึ่งจะหมายถึงการป้องกันที่ดีสำหรับทุกคนรอบตัวพวกเขา

“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลไม่ขอให้ทุกคนไม่ว่าจะป่วยหรือมีสุขภาพดีต้องสวมหน้ากากในที่ทำงานและในที่สาธารณะ”

แคทลีนคิดว่าการสวมหน้ากากจะช่วยป้องกันผู้อื่นได้เช่นเดียวกับการป้องกันตัวเองเพราะมันจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณแตะปากหรือจมูก นอกเหนือจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หลายคนอาจไม่เห็นหน้ากากผ้าไหมของแคทลีนไปได้ทุกที่ในเร็วๆ นี้ พวกเขาเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของแนวโน้มบนแคทวอล์คที่เกิดขึ้นใหม่การสวมหน้ากากแฟชั่นเพื่อป้องกันตัวเองและกรองมลพิษทางอากาศ

“ การสวมหน้ากากดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่ดูใหม่ ดังนั้น ฉันคิดว่ามันจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของงาน ของฉันต่อไป” เธอกล่าว “แต่ฉันไม่ชอบคำว่า ‘แฟชั่น’ มันไม่ได้อธิบายถึงสิ่งที่ฉันกำลังทำ เรากำลังทำงานที่ยาวนานให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความสะดวกสบายและไร้กาลเวลา

“ ผ่านวิกฤติไป ฉันมั่นใจว่าเราอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องพร้อมกับปรัชญาและสิ่งที่เรากำลังทำ ฉันดีใจที่ได้รู้สึกถึงความเป็นปึกแผ่นของลูกค้าและทีมงานที่ยอดเยี่ยมของฉัน”


ภาพ และ ข้อมูล : www.scmp.com, kathrinvonrechenberg

 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up