พลังของคนรุ่นใหม่มักนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่มีสีสันใหม่ๆ เสมอ โลกแฟชั่นจึงไม่อาจละเลยพวกเขาได้เลย เช่นเดียวกับ คอลเล็คชั่น A/W 2018-2019 Ready-to-Wear ของ Dior (ดิออร์) ที่ Maria Grazia Chiuri (มาเรีย กราเซีย คิอูรี) พาคุณย้อนกลับไปในบรรยากาศการประท้วงของเหล่านักศึกษาในยุค 60 ยุคแห่งการปฏิวัติของคนรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านขนบธรรมเนียมและความคิดดั้งเดิมของคนรุ่นเก่า กลายเป็นการจุดประกายและวางรากฐานแนวคิดให้สังคมรุ่นต่อมา ไม่ใช่แค่การเมือง สังคม หรือจารีตประเพณี แต่รวมไปถึงโลกแฟชั่นด้วย
เจาะลึกถึงตะเข็บ Dior! ที่มาที่ไปของ คอลเล็คชั่น A/W 2018-2019 Ready-to-Wear
ในโอกาสครบรอบ 50 ปี “การปฏิวัติ 1968” เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โลก เมื่อนักศึกษาตามหัวเมืองใหญ่หลายประเทศมหาอำนาจพากันลุกฮือขึ้นประท้วง ด้วยไม่พอใจนโยบายการทำสงครามเวียดนามที่ยืดเยื้อมานานหลายปี ส่งผลให้ประชากรวัยรุ่น ของประเทศที่ถูกเกณฑ์ไปรบต้องจบชีวิตไปไม่รู้เท่าไร
ในขณะเดียวกันที่ฝรั่งเศสยุค 60 ก็เป็นช่วงที่นักศึกษาวัยรุ่นหลายกลุ่มได้ลุกฮือขึ้นมาประท้วงหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในเหตุการณ์ “May 1968” (เดือน พฤษภาคม ค.ศ.1968) เมื่อการประท้วงเล็กๆ ในเรื่องสิทธิทางเพศของนักศึกษากลุ่มหนึ่งบานปลายขยายใหญ่กลายเป็นการประท้วงระดับชาติถึงความแตกต่างระหว่างชนชั้น จนมีผู้ใช้แรงงานเข้าร่วมด้วยมากถึง 10 ล้านคน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลายเป็นอัมพาต ยังไม่นับที่ก่อนหน้านั้นในปี 1966 กลุ่มนักศึกษาสาวพากันรวมตัวในชุดกระโปรงมินิสเกิร์ต พร้อมชูป้าย “Mini Skirts Forever” กินบริเวณกว้างมาจนถึงหน้าบูติกของดิออร์ ในกรุงปารีส เพื่อเรียกร้องสิทธิส่วนตัวในการสวมกระโปรง สั้นแล้วไง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ “Marc Bohan” (มาร์ค โบอ็อง) อาร์ติสติกไดเร็คเตอร์ของดิออร์ในขณะนั้น สร้างสรรค์คอลเล็คชั่น Miss Dior และตีความทัศนคติของความเป็นเฟมินีนในแบบฉบับของ คริสเตียน ดิออร์ ขึ้นมาใหม่

หากให้สรุปความง่ายๆ ยุค 60 คือปีที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาตะโกนว่า “ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป” ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมทั้งในด้านสิทธิความเท่าเทียมระหว่างหญิง-ชาย ชนชั้น ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งภาพลักษณ์ สรีระ หน้าตา ทัศนคติ บุคลิกภาพ และการแต่งกาย อย่างน้อยๆ เราก็มีผลพลอยได้ให้สามารถสวมกระโปรงสั้นกุดกันได้สบายๆ ไม่ต้องแคร์ใครในปัจจุบัน แล้วก็เป็นยุค 60 อีกเช่นกันที่นางแบบกลายเป็นคนดัง ปูทางให้เซเลบและสาวรุ่นใหม่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำกันในวันนี้
ต้องขอบคุณความกล้าและความพยายามเรียกร้องของเหล่า Young Generation ในยุคนั้น ที่ก่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ และความคิดสร้างสรรค์อันนำมาสู่ผลงานทางแฟชั่นที่น่าจับตามองในคอลเล็คชั่น A/W 2018-2019 Ready-to-Wear ของดิออร์ครั้งนี้
โดยคิอูรีได้หยิบแรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์และทัศนคติเกี่ยวกับการแสวงหาตัวตนและความเท่าเทียมมารังสรรค์ใหม่ให้ปรากฏในรูปทรงและดีเทลที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้คุณสาวๆ เลือกอิสรภาพและภาพลักษณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าตัวโคร่งทรงหลวม รวมถึงเสื้อคลุมปอนโช (Poncho) กระโปรงสั้นพับจีบที่มาพร้อมความยาวหลายระดับ เติมด้วยลูกเล่นของวัสดุที่คาดไม่ถึงอย่างผ้าโปร่ง (Point d’esprit) ตกแต่งลวดลายต่างๆ โดยสามารถนำไปแมตช์เข้ากับแจ็กเก็ตสไตล์แมสคิวลีนสุดเท่หรือโค้ตขนาดเล็กก็เวิร์ค
นอกจากนี้ยังมีงานนิตแวร์ที่ผ่านการเย็บปักถักร้อยอย่างสวยงาม โอบรับกับสรีระ ได้ทั้งความสวยงามและความสบาย ชุดเดรสผ้าออร์แกนซาโปร่งบาง ชุดยีนพิมพ์ลาย รวมไปถึงเดรสและโค้ตสารพัดสีที่ใช้เทคนิคแพตช์เวิร์คดูแปลกตา แต่ชิคไม่แพ้ใคร โดยทั้งหมดนี้สามารถเลือกสวมใส่กับรองเท้าบู๊ตระดับหน้าแข้งที่ได้แรงบันดาลใจจากไบเกอร์

ที่ต้องไม่พลาดคือ การกลับมาของกระเป๋า Saddle รูปทรงอานม้า ชิ้นงานเก่าของแบรนด์ที่เคยโด่งดังในปี 2000 คิอูรีนำมาปรับโฉมใหม่ โดยแต่งด้วยสายสะพายไหล่สไตล์ชนเผ่าและงานแพตช์เวิร์คจากผ้าหลากสีสดใส สามารถสะพายได้หลายแบบ แล้วอย่าลืมคอมพลีทลุคด้วยแว่นตากันแดดสีเจ็บอันโตกับหมวกเบเรต์ด้วยล่ะ
และนี่คือการส่งต่อพลังของคนรุ่นใหม่ ผ่านเสื้อผ้าและเครื่องประดับอันโดดเด่นและน่าทึ่งของดิออร์
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 938
ติดตามคอนเท้นต์แฟชั่นอื่นๆ ได้ที่ :
เช็คให้ดี…ดูให้ชัวร์ 5 สิ่งควรรู้ ก่อนลงทุนซื้อ กระเป๋า Lady Dior สักใบ
งานดีมีสตอรี่! แว่นกันแดดสุดจี๊ดจาก “Dior” คอลเล็คชั่น Spring-Summer 2018
คอลเล็คเตอร์ทั่วโลกรุมแย่ง! กระเป๋า “Dior Lady Art” งานศิลปะจากฝีมือศิลปินระดับโลก
เริ่ดค่า…ลิปโกลว์ในตำนาน Dior Lip Glow มาใหม่ 6 เฉดสี เพิ่มเท็กเจอร์ Matte กับ Holo
เลอค่า! Dior Rose des vents คอลเล็คชั่นเรียกพลังแห่งดวงดาว สัญลักษณ์นำโชคของคริสเตียน ดิออร์