"ยาเสียสาว" คืออะไร? รู้ทันเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง
"ยาเสียสาว" คืออะไร? รู้ทันเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง

“ยาเสียสาว” คืออะไร? รู้ทันเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง

Alternative Textaccount_circle
"ยาเสียสาว" คืออะไร? รู้ทันเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง
"ยาเสียสาว" คืออะไร? รู้ทันเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง

“ยาเสียสาว” เป็นคำที่เรามักได้ยินจากข่าวหรือสื่อโซเชียล โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุร้ายแรง เช่น การถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือมอมยารูปแบบต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า คำนี้ไม่ได้หมายถึง “ยาเฉพาะชนิด” แต่เป็นชื่อเรียกรวมของสารหลายประเภทที่ถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย เพื่อให้เหยื่อ หมดสติ มึนงง ความจำขาดช่วง หรือไม่สามารถขัดขืนได้ และมักถูกใช้ร่วมกับการก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศหรือขโมยทรัพย์สิน

ยาเสียสาวคือสารอะไรบ้าง? สารที่มักถูกใช้เป็น “ยาเสียสาว” ได้แก่

  1. GHB (Gamma-Hydroxybutyrate)
    มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้ง่วง หลับ หรือหมดสติในเวลาอันรวดเร็ว มักถูกผสมในเครื่องดื่มเพราะไม่มีสีไม่มีกลิ่น
  2. Rohypnol (โรฮิปนอล)
    ยานอนหลับที่แรงมาก ทำให้เหยื่อ “เบลอ” ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในช่วงเวลานั้น (เรียกว่า memory blackout)
  3. Ketamine (เคตามีน)
    ยาสลบที่ใช้ในวงการสัตวแพทย์ ถ้าใช้ผิดวิธีอาจทำให้เกิดอาการหลอน ง่วง และหมดแรงขัดขืน
  4. Benzodiazepines (เช่น Xanax, Valium)
    กลุ่มยาคลายกังวลที่กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผ่อนคลาย ง่วงง่าย ขาดการควบคุมตัวเอง

ทำไมถึงอันตราย?

  • สารเหล่านี้มัก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และละลายง่าย จึงสามารถใส่ในเครื่องดื่มโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว
  • ออกฤทธิ์ภายใน 10–30 นาที โดยอาจเริ่มจากมึนงง ง่วงนอน หน้ามืด และหมดสติในที่สุด
  • หากใช้ในปริมาณมากหรือผสมแอลกอฮอล์ อาจทำให้ หยุดหายใจ และ เสียชีวิต
  • แม้จะไม่หมดสติทั้งหมด บางรายอาจยังมีสติบางส่วนแต่ ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือ ความทรงจำขาดหายเป็นช่วงๆ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อ

สัญญาณเตือนว่าคุณอาจถูกวางยา

  • อยู่ดีๆ ก็รู้สึกมึนงง ง่วงจัด มือไม้อ่อนแรง
  • มองภาพเบลอ พูดไม่ชัด หรือเดินไม่ตรงทาง
  • มีช่องว่างความจำ จำเหตุการณ์บางช่วงไม่ได้
  • มีอาการคล้ายเมาแอลกอฮอล์ทั้งที่ดื่มไม่เยอะ
  • พบว่าตื่นขึ้นมาในสภาพผิดปกติ มีร่องรอยถูกแตะต้องร่างกาย

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้หลังดื่มเครื่องดื่ม ควรรีบขอความช่วยเหลือ และไปโรงพยาบาลทันที

วิธีป้องกันตัวเองจากการถูกวางยา

  • อย่ารับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า หรือคนที่ไม่น่าไว้ใจ
  • อย่าทิ้งเครื่องดื่มไว้โดยไม่มีคนเฝ้า
  • ใช้แก้วมีฝาปิด หรือพกหลอดปิดเอง
  • ไปงานสังสรรค์กับเพื่อนที่ไว้ใจ และดูแลกัน
  • หากรู้สึกผิดปกติให้รีบบอกเพื่อนหรือคนใกล้ตัว และอย่าอยู่คนเดียว

ถ้าถูกวางยา ควรทำอย่างไร?

  1. รีบไป โรงพยาบาล เพื่อตรวจหาสารตกค้าง
  2. แจ้งความทันที แม้ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
  3. เก็บ หลักฐาน เช่น เสื้อผ้า แก้ว เครื่องดื่ม
  4. ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ จิตแพทย์ หรือหน่วยงานช่วยเหลือผู้ถูกล่วงละเมิด เช่น
    • ศูนย์พึ่งได้ (One Stop Crisis Center – OSCC)
    • สายด่วน 1669 หรือ 1300

ความผิดทางกฎหมาย การวางยาเพื่อมอมเมา ถือเป็นความผิดทางอาญา และหากถูกล่วงละเมิดทางเพศขณะเหยื่อไม่สามารถขัดขืนได้ จะถือว่า “ข่มขืนกระทำชำเรา” โดยมีโทษสูงถึง จำคุก 4–20 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับผลกระทบและอายุของเหยื่อ

และควรหยุดใช้คำว่า “เสียสาว” กับเหยื่อ เพราะคำว่า “เสียสาว” เป็นคำที่ล้าสมัยและลดทอนคุณค่าของเหยื่อ การถูกวางยามอมเมาและล่วงละเมิดไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ และสังคมควรหยุดโทษเหยื่อ รวมถึงส่งเสริมให้คนรอบตัวเข้าใจ พูดคุย และกล้าแจ้งความเมื่อเกิดเหตุ

แหล่งอ้างอิง:


Praew Recommend

keyboard_arrow_up