รู้เร็ว รักษาได้ก่อนทรุด 'วัณโรค' แพร่เชื้อติดต่อง่าย หมั่นคอยสังเกตอาการ
วัณโรค คืออะไร และติดต่อกันอย่างไร

รู้เร็ว รักษาได้ก่อนทรุด ‘วัณโรค’ แพร่เชื้อติดต่อง่าย หมั่นคอยสังเกตอาการ

Alternative Textaccount_circle
วัณโรค คืออะไร และติดต่อกันอย่างไร
วัณโรค คืออะไร และติดต่อกันอย่างไร

องค์การอนามัยโลก จัดประเทศไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศ กลุ่มประเทศที่มีภาระวัณโรคสูง จากการรวบรวมสถิติของกองวัณโรค กรมควบคุมโรค พ.ศ. 2566 พบว่ามีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่และกลับเป็นซ้ำทั้งคนไทยและไม่ใช่คนไทย ขึ้นทะเบียนรักษา จำนวน 78,955 รายซึ่งบทความให้ความรู้โดย ได้อธิบายการติดต่อหรือการแพร่กระจายของวัณโรค รวมถึงอาการของโรค สำหรับนำไปสังเกตตนเองและคนรอบข้าง หากมีอาการดังกล่าวจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างทันท่วงที

วัณโรค คืออะไร และติดต่อกันอย่างไร
วัณโรค (TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis เกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย โดยร้อยละ 80 ติดเชื้อที่ปอด ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย ส่วนวัณโรคนอกปอด อาจพบได้ในอวัยวะอื่น ๆ เช่น เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบประสาท เป็นต้น 

เมื่อผู้ป่วยวัณโรคปอด หลอดลม หรือกล่องเสียง ไอ จาม ทำให้เกิดละอองฝอยฟุ้งกระจาย  ผู้ใกล้ชิด สูดหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อวัณโรคเข้าไปสู่ถุงลมในปอด ทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย เชื้อวัณโรคอาจมีชีวิตอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์ในห้องที่ทึบอับแสง หากเสมหะที่มีเชื้อตกลงสู่พื้นที่ที่ไม่มีแสงแดดส่อง เชื้ออาจอยู่ได้ในเสมหะแห้งได้นานถึง 6 เดือน  

วัณโรค ไม่ติดต่อ โดยการจับมือ ทานอาหารหรือน้ำร่วมกัน การใช้ห้องน้ำร่วมกัน การใช้แปรงสีฟันร่วมกันหรือการจูบ คนที่สูดหายใจนำละอองฝอยที่มีเชื้อเข้าสู่ทางเดินหายใจ จะทำให้เกิดการติดเชื้อเพียงร้อยละ 30 ของผู้ได้รับเชื้อ และเพียงร้อยละ 10 ของผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกายที่จะเป็นโรคตั้งแต่ช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 จะเป็นวัณโรคแฝง คือ ไม่มีอาการและไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้  โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่ได้รับการรักษา โดยภาวะที่ร่างกายแข็งแรงดี เชื้อที่เข้าไปจะซ่อนตัวอยู่เงียบๆ โดยไม่ทำให้เกิดอาการของโรค และเมื่อสุขภาพอ่อนแอลง เชื้อที่สงบนิ่งอยู่ก็จะออกมาทำให้เกิดอาการของโรคได้ โดยร้อยละ 50 จะแสดงอาการออกมาใน 2 ปีแรกของการติดเชื้อ  

อาการสำคัญของวัณโรคปอด  

  • ไอเรื้อรัง มากกว่า 3 สัปดาห์ ไอมีเลือดหรือเสมหะปน  
  • เจ็บหน้าอก  
  • น้ำหนักลด เบื่ออาหาร 
  • ไข้ เหงื่อออกผิดปกติตอนกลางคืน  
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย  

กลุ่มเสี่ยงต่อวัณโรค  

  • กลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยวัณโรคปอด
  • ผู้ต้องขังในเรือนจำ  
  • บุคลากรสาธารณสุข  
  • แรงงานข้ามชาติและแรงงานเคลื่อนย้าย 
  • ผู้อาศัยในที่คับแคบแออัด ชุมชนแออัด  
  • ผู้ป่วยโรคร่วมต่างๆ ที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เช่น HIV เบาหวาน ทานยากดภูมิต้านทาน เป็นต้น 

 สงสัย ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นวัณโรคหรือไม่

  • หากมีอาการที่สงสัยวัณโรค เช่น ไอเรื้อรัง ไข้ เหงื่อออกผิดปกติตอนกลางคืน หรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบพบแพทย์และรับการตรวจรักษาทันที 
  • บุคคลที่สัมผัสผู้ป่วยวัณโรคปอดควรเข้ารับการตรวจสุขภาพและถ่ายภาพรังสีทรวงอก  
  • ตรวจสุขภาพร่างกายและถ่ายภาพรังสีทรวงอก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ 

เมื่อติดวัณโรค ควรทำตัวอย่างไรดี

  • ทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ต่อเนื่อง และเฝ้าสังเกตผลข้างเคียงของยา ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงยาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับอักเสบ
  • ควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ในระหว่างการรักษาวัณโรค 
  • แยกห้องกับคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 สัปดาห์แรก ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ ควรเป็นห้องที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก จัดบ้านและสถานที่ทำงานให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องถึง
  • สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 สัปดาห์แรก 
  • ควรบ้วนเสมหะลงในภาชนะหรือกระปุกที่มีฝาปิดมิดชิด และนำทิ้งโดยผูกปากถุงให้สนิท 
  • ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางในที่สาธารณะที่มีผู้คนแออัด 

ปกติผู้ป่วยวัณโรคปอดที่ไม่ดื้อยาจะหยุดการแพร่เชื้อเมื่อมี 3 ข้อ ดังนี้ 

  • หลังทานยา แล้วมีอาการดีขึ้น เช่น ไข้ ไอลดลง เสมหะลดลง 
  • ทานยาต้านวัณโรคสูตรเหมาะสม ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ 
  • ผู้ป่วยที่มีผลเสมหะย้อมสีทนกรดให้ผลเป็นบวก จะต้องมีผลเสมหะย้อมสีทนกรดเป็นลบอย่างน้อย 3 ครั้ง 

ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการป่วยเป็นโรควัณโรคหรือไม่ แนะนำให้เข้ามาพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจวิฉัยหรือทำการรักษาให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

ข้อมูล: พญ.พวงรัตน์ ตั้งธิติกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช
ภาพ: ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช


Praew Recommend

keyboard_arrow_up