การดื่มน้ำ ทริคที่เหล่าคนดังมักแนะนำ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูได้จริงหรือไม่?

การดื่มน้ำ ทริคที่เหล่าคนดังมักแนะนำ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูได้จริงหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle
การดื่มน้ำ ทริคที่เหล่าคนดังมักแนะนำ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูได้จริงหรือไม่?
การดื่มน้ำ ทริคที่เหล่าคนดังมักแนะนำ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูได้จริงหรือไม่?

เมื่อเอ่ยถึงการมีผิวสวยสุขภาพดีดูเปล่งปลั่ง เหล่าคนดัง นางแบบ และผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงส่วนใหญ่เกือบทุกคนมักจะมีคำแนะนำเดียวกันเสมอ นั่นคือ ดื่มน้ำเยอะๆ จิบน้ำบ่อยๆ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพพูดเสมอว่าการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอเป็นก้าวแรกในการรักษาผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื้น เนื่องจากน้ำช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ช่วยในการหล่อลื่นของข้อต่อ และที่สำคัญเซลล์ร่างกายของเราพึ่งพาน้ำเพื่อการทำงานภายในระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท ซึ่งนักโภชนาการ Kimberly Snyder ซึ่งทำงานร่วมกับ A-listers เช่น Reese Witherspoon และ Kerry Washington ได้กล่าวเมื่อไม่นานมานี้

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสุขภาพที่ดี แต่การดื่มน้ำเยอะๆ จะสามารถทำให้ผิวกระจ่างใสได้จริงหรือไม่? และถ้าเป็นเช่นนั้น คุณต้องดื่มน้ำมากแค่ไหนผิวถึงจะเปล่งปลั่งกระจ่างใสได้? มาหาคำตอบกัน

เติมความชุ่มชื้นเพื่อสุขภาพ
หลายคนมักกล่าวกันว่า น้ำคือชีวิต และแท้จริงแล้ว เราคงดำรงอยู่ไม่ได้หากไม่มีน้ำ เพราะน้ำไม่เพียงแต่สร้างปริมาตรส่วนใหญ่ในร่างกายของเราเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นส่งสารอาหารที่จำเป็นไปยังเซลล์ของเรา และกำจัดสารพิษและของเสียที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายของเรารักษาอุณหภูมิให้เป็นปกติ หล่อลื่นข้อต่อ และปกป้องเนื้อเยื่อที่บอบบางและอวัยวะสำคัญของเรา “การมีน้ำเพียงพอจะสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของร่างกายและความสามารถในการทำงาน แน่นอนว่าสุขภาพโดยรวมของร่างกายยังรวมถึงสุขภาพของอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของเราด้วย นั่นก็คือผิวหนัง ซึ่งผิวหนังเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ดังนั้น เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลและมีสุขภาพที่ดี ผิวหนังก็จะสะท้อนถึงสิ่งนั้น” Dr. Deanne Mraz กล่าว

สัญญาณบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำ
เนื่องจากการมีน้ำเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญมาก ร่างกายของเราจึงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะแจ้งให้เราทราบเมื่อเราต้องดื่มน้ำ นอกจากจะรู้สึกกระหายน้ำแล้ว คุณยังอาจเวียนศีรษะ พลังงานต่ำ ไร้เรี่ยวแรง หรือแม้แต่รู้สึกหดหู่อย่างไม่คาดคิด ในทำนองเดียวกัน สัญญาณของผิวขาดน้ำก็ค่อนข้างชัดเจนเช่นกัน คุณอาจเห็นว่าผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย หรือรู้สึกผิวตึง คันระคายเคือง ใบหน้าดูไม่สดใสและอ่อนเยาว์เท่าที่ต้องการ “ผิวที่ขาดน้ำอาจดูหมองคล้ำ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น เมื่อผิวหนังขาดน้ำ อาจทำให้สัญญาณแห่งวัยดูแย่ลงได้ หากคุณไม่แน่ใจว่าผิวขาดน้ำหรือไม่ ลองหยิกแก้มส่วนเล็กๆ ของตัวเอง หากผิวไม่เด้งกลับเร็วหรือมีริ้วรอยได้ง่าย ก็อาจขาดน้ำได้”

และใดๆ ก็ตามการดื่มน้ำไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ผิวอวบอิ่มและชุ่มชื้นได้ จึงควรใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผิวที่มีความชุ่มชื้นเพียงพอ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองจึงแนะนำให้มุ่งเน้นไปที่พื้นฐานด้านสุขภาพ เช่น โภชนาการที่ดี สุขอนามัยในการนอนหลับ และการบริโภคน้ำ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บเอาไว้ “การกินอาหารที่สมดุลและปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีร่วมกัน รวมถึงการปฏิบัติตามกิจวัตรการดูแลผิวที่ดีจะช่วยให้ความชุ่มชื้นและปกป้องจากความเครียดในแต่ละวัน เช่น ความเสียหายจากรังสียูวี” Dr. Marisa Garshick กล่าว

นอกจากนี้ทาง Dr. Deanne Mraz อธิบายอีกว่า เมื่อพูดถึงเรื่องการดื่มน้ำอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพผิวที่ดี หลักการง่ายๆ ก็คือ “ตั้งเป้าให้น้ำหนักตัวครึ่งหนึ่งมีหน่วยเป็นน้ำหนึ่งออนซ์” ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงหนัก 140 ปอนด์ (ประมาณ 63 กิโลกรัม) ควรตั้งเป้าดื่มน้ำ 70 ออนซ์ (ประมาณ 2,070 มิลลิลิตร) และวิธีที่ดีในการเพิ่มความชุ่มชื้นเพิ่มเติมคือสามารถเพิ่มอาหารที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น ผักและผลไม้สดได้ ซึ่งทางที่ดีควรดื่มให้เพียงพอเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกขาดน้ำ

และอย่าลืมกินสารอาหารที่จำเป็นให้ครบถ้วนด้วย “การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีและเปล่งประกาย นั่นหมายถึงการได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณมาก สิ่งนี้จะสนับสนุนเกราะป้องกันผิวหนังที่แข็งแรง ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของผิวและมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับความชุ่มชื้นของผิวหนัง การกินปลาที่มีน้ำมัน เช่น ปลาแซลมอน แมคเคอเรล ปลาซาร์ดีนและแฮร์ริ่ง ก็เป็นอีกวิธีที่ดี” Dr. Marisa Garshick เสริม

และเพื่อเสริมกิจวัตรด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมเช่น กรดไฮยาลูโรนิก กรดแลคติก กรดยูเรีย เซราไมด์ กลีเซอรีน และเปปไทด์ ซึ่งทราบกันว่าให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิว โดยทั่วไป วิธีที่ดีที่สุดในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณสามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้โดยการมองหาสารฮิวเมกแทนต์ ซึ่งเป็นส่วนผสม เช่น กรดไฮยาลูโรนิกและกลีเซอรีน ที่ช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ผิว

นอกจากสารให้ความชุ่มชื้นแล้ว ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสารทำให้ผิวนุ่มนวล เช่น เชียบัตเตอร์ ลาโนลิน และสควาเลน และการขัดผิวก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน “การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะช่วยเพิ่มการดูดซึมดีขึ้น ลองนึกถึงเรตินอลและ AHA ส่วนผสมจะออกฤทธิ์ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อผิวได้รับการสครับผิวเป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และอย่าลืมคำนึงถึงสภาพแวดล้อม อากาศแห้งที่มากเกินไปอาจทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นตามธรรมชาติได้ ในช่วงฤดูหนาว แนะนำให้ลองใช้เครื่องทำความชื้นในห้องนอนเวลากลางคืน และในห้องใดก็ตามที่ใช้เวลาอยู่เป็นส่วนใหญ่”

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ คุณจะเห็นผลลัพธ์บนใบหน้าอย่างแน่นอน ใช้สิ่งนั้นเป็นเครื่องเตือนใจให้ดื่มหรือจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวัน ผิวจะสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวม และน้ำก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความเป็นอยู่ที่ดี และพบว่าการดื่มน้ำมากขึ้น อาจช่วยปรับปรุงลักษณะผิวของผู้ที่ดื่มไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม “ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นว่าการดื่มน้ำเกินระดับหนึ่ง เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นที่เพียงพอจะต้องสร้างความแตกต่างต่อสุขภาพผิว”

Photo: Pexels


ไม่ใช่แค่กระดกให้หมดแก้ว แชร์ 4 ข้อผิดพลาด วิธีดื่มน้ำ ที่ทำให้ เสียสุขภาพ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up