ผิวดีไม่ต้องพึ่งหมอ บิวตี้ทริคง่ายๆ ของ เซเลบสาว “มูลี่ วัชรพล”

account_circle

นอกจากงานซีอีโอของแบรนด์เครื่องสำอาง และสกินแคร์สุดคิวต์อย่าง Everpink แล้ว มูลี่ – อัญชิสา วัชรพล ยังมีสไตล์ที่เก๋ชวนมอง รวมถึง บิวตี้ทริคง่ายๆ ที่สาวๆ ชอบความน้อยแต่มาก ต้องเลิฟฟฟ

Mulee’s Routine

มู่มีกฎเหล็กอยู่ว่า ทุกครั้งที่จะจับใบหน้าต้องมั่นใจว่ามือสะอาด เพราะฉะนั้นสิ่งทิ่มีติดตัวทั้งที่โต๊ะทำงานและในกระเป๋าคือเจลฆ่าเชื้อโรคของเดทตอล จะได้เช็ดมือสะดวก อย่างเวลาอาบน้ำ มู่จะไม่ล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า  แต่จะล้าง ระหว่างอาบน้ำ โดยเลือกทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อทำความสะอาดได้หมดจด มั่นใจว่าไม่มีสิ่งตกค้างแน่นอน

ส่วนบิวตี้รูทีนของมู่เริ่มต้นที่การลบเมคอัพด้วย Cleansing Balm ของ Dior กับอีกตัวคือ Clean It Zero ของแบรนด์เกาหลี Banila Co ติดใจเพราะนอกจากล้างได้หมดจดยังกลิ่นหอมดีด้วย หลังจากล้างหน้าเสร็จ มู่จะใช้เอสเซ้นส์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะเคยใช้แล้วปรากฏว่าหน้าแห้งและรูขุมขนใหญ่ขึ้นจึงเลิกเด็ดขาด

ส่วนตัวติดใจ Erb Seven Pollen Balancing Essence ที่เขาสกัดจากดอกไม้ไทย 7 ชนิด อ่อนโยนสุดๆ ช่วยให้ผิวหน้าบาลานซ์ เพราะมู่ผิวผสม คือแก้มไม่แห้งก็จริง แต่ก็ไม่ชุ่มชื้น ถ้าล้างหน้าด้วยโฟม ผิวจะแห้งตึง  ขณะที่ ผิวบริเวณทีโซนจะมันชัดเจน เอสเซ้นส์ตัวนี้ดีมากช่วยให้ส่วนที่มันไม่มันเกินไป และทำให้ส่วนที่ผิวแห้งมีความชุ่มชื้นอย่างเห็นได้ชัด รักมาก ใช้มาหลายขวดแล้ว

บิวตี้ทริคง่ายๆ

“มู่เชื่อเรื่องการเติมน้ำให้ผิว เพราะ ผิวที่ฉ่ำน้ำจะเกิดริ้วรอยยาก ฉะนั้นในขั้นตอนของการใช้มอยส์เจอไรเซอร์จึงเลือก Everpink ช่วยเติมน้ำให้ชั้นผิวที่อยู่ลึกลงไป ปกติแล้วคนมักจะเข้าใจว่าไฮยาลูโรนิก เป็นตัวเติมน้ำที่ดีให้ผิว ซึ่งก็จริงค่ะ แต่ไม่ใช่ที่สุด เพราะไฮยาลูโรนิกจะเคลือบแค่ผิวชั้นนอก เวลาเราล้างหน้าก็จะหลุดออกตามไปด้วย ซึ่งมอยส์เจอไรเซอร์ของ Everpink มีส่วนผสมของเพนตาไวติน (Pentavitin) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นผิว  ช่วยกักเก็บน้ำจนถึงผิวชั้นใน อยู่กับผิวนาน 72 ชั่วโมง แม้จะล้างหน้าก็ไม่หลุด

สำหรับเซรั่มตอนกลางคืนใช้ Face Oil ส่วนกลางวันจะเป็นเซรั่มเบาๆ อย่างของแบรนด์ Saturday Skin ก็เวิร์คมาก มีส่วนผสมของโพรไบโอติกเป็นแบคทีเรียชนิดดี รวมทั้งมีพรีไบโอติกที่เป็นสารอาหารของแบคทีเรียโพรไบโอติก สองตัวนี้จะช่วยสร้างความบาลานซ์ให้หน้าใช้แล้วผดน้อยลงมาก

สำหรับ ครีมกันแดดใช้ของ BRISUTHI (บริสุทธิ์) เป็นแบรนด์ออร์แกนิกไทย ตัวนี้มีกลิ่นลาเวนเดอร์ เวลาทาจะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ทิ้งคราบขาวและไม่อุดตัน แต่ถ้าอาบแดดมู่จะใช้ครีมกันแดดของนีเวีย SPF 30 ทาทับอีกชั้น  ตัวนี้ดีตรงที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ มู่จะทาบริเวณโหนกแก้ม เพราะตรงนั้นเกิดกระได้ง่าย รวมทั้งทาที่ตัวด้วย

อ้อ แม้จะรู้ว่าการไม่นอนตะแคง จะช่วยให้หน้าไม่เกิดริ้วรอย มู่เคยพยายามฝึกนอนตรงๆ ซึ่งทำยากมาก ถึงขั้น นอนไม่หลับเลย (หัวเราะ) ตอนนี้จึงอาศัยตัวช่วยใช้ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าไหมช่วยลดการเสียดสีผิวหน้า  เรียกว่าถ้าเผลอนอนตะแคงก็วางใจได้บ้าง

ไม่พึ่งคลินิกความงาม

บิวตี้ทริคง่ายๆ

บอกเลยว่าทั้งชีวิตนี้มู่เข้าคลินิกความงามไม่เกิน 5 ครั้ง รวมทั้งไม่นวดหน้า ไม่ทำทรีตเมนต์ใดๆ ด้วย เพราะสมัยวัยรุ่นเคยเข้าคลินิกกดสิวแล้วเจ็บมาก รู้สึกว่าคลินิกกับเราไม่ค่อยเวิร์ค จึงจบกันไป อีกอย่างคือมู่อยากให้ผิวเราปกป้องตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องอัดทรีตเมนต์เยอะๆ

ถ้าต้องตัดสินใจทำจริงๆ ก็คือช่วงที่ผิวแย่หนักๆ ชนิดที่ครีมที่ใช้เป็นประจำเอาไม่อยู่ แต่ที่ผ่านมาผิวมู่อยู่ได้ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นเพราะเราไม่รบกวนผิวมาก อย่างสครับหน้า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำเลยค่ะ เพราะคิดว่าถ้าสครับเม็ดใหญ่ไปอาจจะบาดผิวได้ จึงใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดที่ผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA หรือ BHA เช่น  แบรนด์ Herbivore ใช้ติดต่อแค่ 3 – 5 วันแล้วก็พักหน้าไปยาวๆ จะช่วยผลัดผิวอย่างอ่อนโยน

และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือ เราต้องเข้าใจผิว มู่พยายามหาโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ จึงศึกษาสกินแคร์เยอะ  เวลาซื้อโปรดักต์สักชิ้นจะดูส่วนผสมละเอียด นอกจากต้องไม่มีแอลกอฮอล์แล้ว สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของแพลงก์ตอนก็ไม่เวิร์คสำหรับมู่ เพราะเราแพ้กุ้งหนัก กลัวจะแพ้ที่หน้าด้วย จึงป้องกันไว้ก่อน แต่มีสกินแคร์แบรนด์หนึ่งที่มีส่วนผสมจากทะเลแล้วเวิร์คมาก นั่นคือ ลาแมร์ ตอนแรก ก็กล้าๆ กลัวๆ แต่ปรากฏว่าทาแล้วผิวดีจึงใช้มาตลอด

Make up น้อยแต่พอดี

มู่แต่งหน้าไม่เก่ง สมัยเด็กกว่านี้เคยลองแต่งเยอะๆ แล้วรู้สึกว่าแก่ ทุกวันนี้จึงแต่งน้อยมาก ถ้าไม่ออกงานก็ไม่ลงรองพื้นเลย ใช้แค่คอนซีลเลอร์ ชอบของ Nars ที่เป็นเนื้อแมตต์ ขั้นตอนต่อมาคือทาตาด้วยครีมแชโดว์ ปัดคิ้ว  ปัดขนตา แตะครีมบลัชที่แก้มนิดหน่อยให้ดูเป็นธรรมชาติ คือแตะตรงแก้มโดยไม่ลงมาเกินปีกจมูก ไม่อย่างนั้นแก้ม จะดูแดงเป็นพวงไปหมด เหมือนแต่งหน้าฉ่ำเกินไป

มู่ปลื้มโทนสีแทนๆ อารมณ์น้ำตาลแดง ส่วนลิปสติก  วันธรรมดาจะทาแค่ลิปมันอย่างเดียว ชอบของ Kosasport ดีมากค่ะ เนื้อเนียนและช่วยให้ปากไม่ลอก ที่สำคัญ คือ ชุ่มชื้นอยู่นาน บวกกับมู่ดื่มน้ำเยอะ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ก็ช่วยได้

บิวตี้ทริคง่ายๆ

สำหรับลิปสติกจะทาตอนออกงานเท่านั้น และไม่ทาแบบแมตต์ เพราะ จะตกร่องที่ปากทำให้ปากแห้งยิ่งกว่าเดิมนอกจากนี้มู่ยังชอบให้ผิวดู เป็นสีแทนบ่มแดดจึงขาดบรอนเซอร์ไม่ได้ ชอบของ Hourglass ทาแล้วผิวดูนวลเนียน อีกอันที่ชอบมากๆ คือ บรอนเซอร์จาก No7 เป็นแบบเนื้อครีม ทาแล้วเกลี่ยได้เลย มู่จะทาตรงแนวผม  โหนกแก้ม นิดๆ ให้ผิวดูฉ่ำแดดขึ้นมาหน่อย

สำหรับผิวตัว เวลาอาบน้ำมู่จะใช้ถุงมืออาบน้ำของ The Body Shop ถูตามตัวเหมือนสครับสัปดาห์ละครั้ง เพราะมู่อยากให้ผิวฟื้นฟูตัวเอง ไม่อยากไปรบกวนเยอะ อย่างครีมทาตัวจะทานานๆ ครั้ง เพราะไม่ชอบให้ตัวเหนียว

แต่ถ้าผิวแห้งมากก็จะซื้อกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งมีขายตามร้านเวชสำอาง มีลักษณะคล้ายเจล บีบผสมกับครีมบำรุงผิว ก็ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้เช่นกันค่ะ หรืออีกวิธีคือนำฮาดะ ลาโบะ ที่เป็นโลชั่นน้ำผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์ทาผิว ก็ช่วยกักเก็บน้ำได้ดีมาก และความที่ชอบตากแดด มู่จึงชอบใช้ Tanning Oil ของ Nuxe หรือไม่ก็บอดี้ออยล์ของ Ouai ดีมาก เช่นกัน

แต่สำหรับน้ำมันมะพร้าวที่บางคนใช้แล้วดี มู่ต้องขอข้าม เพราะมีปัญหาผิวอุดตันง่าย แล้วน้ำมันมะพร้าวทำให้อุดตันเยอะ มันจะไปอุดตันรูขุมขนกลายเป็นขนคุด”

เคล็ดลับความงามจากคุณยาย

บิวตี้ทริคง่ายๆ

มู่อยู่กับคุณยาย (คุณหญิงประณีตศิลป์  วัชรพล) ตั้งแต่เด็ก ท่านสอนว่าต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวสม่ำเสมอ จำได้ว่าคุณยายซื้อของ Shiseido รุ่น White Lucent มาให้มู่เป็นขวดแรก ซึ่งตอนนี้เขาเลิกผลิตไปแล้ว คุณยายดูแลผิวดีมาก ใช้ลาแมร์ตั้งแต่ยังไม่นำเข้าในเมืองไทยและใช้มาตลอด

จนเราเห็นผลว่าทุกวันนี้คุณยายยังไม่เหมือนคนอายุ 88 เลย ผิวท่านยังสวย ซึ่งคุณยายไม่เคยเข้าคลินิกเหมือนกัน เคล็ดลับที่ท่านสอนมู่คือ เวลาทาครีมต้องทาขึ้น และอย่าลืมทาบริเวณคอ อก กับหัวไหล่ด้วย

Multistyle

มู่แต่งตัวแล้วแต่อารมณ์กับกาลเทศะ บางวันอยากเท่แบบบอยๆ บางวันอยากชิล บางวันก็อยากได้ลุคสวย ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าชอบสไตล์ไหนเป็นพิเศษ อย่างตอนนี้อินกับสีสัน เพราะรู้สึกว่าเสื้อผ้าสีดำในตู้เยอะแล้ว จึงเลิกซื้อสีดำไปก่อนในลุควันทำงานมู่จะเน้นความคล่องตัว เพราะบางวันต้องไปโรงงานเลือกแพ็คเกจจิ้ง  นอกจากนี้ยังคำนึงถึงกาลเทศะ ถ้าวันไหนเจอแขกผู้ใหญ่ก็จะแต่งตัวสวยงาม อาจใส่เดรสบ้าง

จะซื้ออะไรต้องใส่ให้ได้เกิน 10 ครั้ง

บิวตี้ทริคง่ายๆ

จริงๆ เทคนิคการเลือกซื้อของไม่ยาก คือต้องชอบและดูดีสำหรับตัวเรากับต้องคิดว่าจะสามารถใส่ชุดนั้นได้มากกว่า 10 ครั้ง อย่างชุดเดรสลายพริ้นต์ของ DVF ที่ใส่มาถ่ายกับแพรว วันนี้เสื้อกับกระโปรงแยกชิ้นกันได้ จึงแมตช์ได้หลายอย่าง สามารถใส่ได้หลายงานหลายโอกาส จะไปต่างประเทศก็ได้ กินข้าว ชิลๆ ก็ได้ หรือใส่มาทำงานก็ได้ เรียกว่าคุ้มมาก ทุกครั้งที่ซื้อของมู่จะคิดว่า จะนำไปแมตช์กับชุดที่มีในตู้ได้อย่างไร มู่ไม่ชอบแต่งตัวแบบโททัลลุคชนิดที่ เสื้อผ้าเข้ากันจนเกินไป อย่างเดรสมู่เลือกที่จะใส่คู่กับบู๊ตแทนส้นสูงให้มีความคอนทราสต์สนุกๆ บ้าง

ไม่โป๊

โป๊สุดในชีวิตมู่คือคอลึก อย่างเกาะอก ชีวิตประจำวันจะไม่ใส่เลย ยกเว้นเวลาออกงานอาจมีเดรสเกาะอกบ้าง  และจะไม่ใส่ชุดค็อกเทลเดรสสั้น มู่มั่นใจที่จะใส่ปิดๆ มากกว่า อย่างเวลามีเดรสที่ดูโป๊หน่อยก็จะนำไปมิกซ์กับ  เสื้อผ้าชิ้นอื่นไม่ให้เผยผิวเกินไป เช่น ใส่เสื้อแขนยาวคอเต่าที่แนบผิว บางทีก็ใส่เบลเซอร์ทับให้ดูมีอะไรมากขึ้น

บิวตี้ทริคง่ายๆ

แบรนด์โปรด

ตอนนี้ปลื้ม DVF โดยเฉพาะ Wrap Dress (เดรสที่มีผ้าพันเอว) คัตติ้งเขาสวย ดีไซน์ดี ใส่วนไปได้เรื่อยๆ จนเพื่อนแซว อีกแบรนด์คือ Proenza  Schouler ที่เด่นเรื่องการใช้สีและเนื้อผ้าดี ส่วนแบรนด์ Jacquemus ชอบที่เขาเล่นดีไซน์กับรูปร่าง มีความเซอร์เรียล เช่น ชุดเดรสยาวเรียบๆ แต่ตรงสะโพกมีกระเป๋าใบใหญ่โผล่ออกมาชนิดที่สอดมือเข้าไปได้ ลูกเล่นเขาสนุกดีและเข้ากับหุ่นมู่ด้วย

ตอนนี้มู่ชอบลงทุนกับการแต่งตัวทุกอย่าง จากที่เคยลงทุนแค่รองเท้ากับกระเป๋า แต่ตอนนี้รวมถึงเสื้อผ้าด้วย  เพราะอยากให้ของอยู่กับเราไปนานๆ แม้กระทั่งเสื้อยืดก็ยังเลือก มู่ชอบของแบรนด์ James Perse เพราะซักแล้วไม่ยืด คัตติ้งดี อีกแบรนด์ที่ชอบคือ Isabel Marant ดีไซน์ดีงาม ตอนอยู่ลอนดอนไปซื้อจนเป็นเพื่อนกับคนขายเสื้อยืดของ Alexander Wang ก็ใส่สบาย คอตต้อนของเขานิ่มมาก

“มู่ว่าการแต่งตัวคือการลงทุนชนิดหนึ่ง ซื้อของสวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องคุณภาพดีและใส่ได้นานๆ ด้วย”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 954

Praew Recommend

keyboard_arrow_up