เช็คราคา! 7 น้ำหอม Louis Vuitton ลงสนามชิงมงฯความหอมคู่กาย เรื่องแพง ใครสน!

นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ Louis Vuitton ก็มุ่งมั่นเดินหน้าตามความฝันไปสู่ขอบฟ้าอันแสนไกล

หลังจากที่รังสรรค์กระเป๋าเดินทางทรงหีบที่ปัจจุบันกลายมาเป็นไอคอนของแบรนด์ Louis Vuitton ก็ได้ให้คำมั่นว่าจะอยู่เคียงข้างกายนักเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง แต่บางครั้งแค่เพียงหลับตาเราก็จะสามารถเดินทางไปสู่อีกด้านหนึ่งของโลกได้

อุปมาได้ว่าการเดินทางนั้นไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นความรู้สึก เป็นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องที่ช่วยหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตวิญญาณ เป็นความสั่นสะเทือนที่ทำให้หัวใจคุณเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เป็นความทรงจำที่จะจารึกในใจตลอดไป เป็นอารมณ์ที่จะเปลี่ยนการเป็นอยู่ และบัดนี้ความรู้สึกที่ค้างคาเหล่านี้ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์อันเลอค่านั่นคือ น้ำหอมหลุยส์ วิตตอง (Les Parfums Louis Vuitton)โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอม ฌาคส์ กาวาลิเยร์ แบลทรูด (Jacques Cavallier Belletrud) ซึ่งเป็นชาวเมืองกราส (Grasse) เมืองต้นกำเนิดน้ำหอมและเครื่องหนัง มาเป็นผู้รังสรรค์กลิ่น

ฌาคส์ กาวาลิเยร์ แบลทรูด ใช้เวลาหลายเดือนเดินทางไปทั่ว 5 ทวีป เพื่อเสาะหาความรู้สึกที่ไม่คาดหวังมาก่อน ความรู้สึกที่ได้จากการสูดกลิ่นหอมของวัตถุดิบสุดเอ็กโซติกที่มาจากต่างบ้านต่างเมืองและสุดจะหายาก จากนั้นเขาก็จินตนาการถึงการเดินทางแห่งการรับกลิ่นใน 7 รูปแบบ จนสามารถรังสรรค์ให้เป็น 7 เรื่องราวที่เอื้อให้เกิดแรงบันดาลใจจนกลายมาเป็นน้ำหอมสำหรับสุภาพสตรี เป็นที่มาของน้ำหอมหลุยส์วิตตอง 7 กลิ่น ที่ล้วนต่อเติมจินตนาการในห้วงการเดินทางที่ตอบทุกโจทย์ของผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมเบาสบายดังกลีบกุหลาบที่ลอยล่องกับ โรส เดส์ วองต์ส(Rose des Vents) แต่งเติมความเย้ายวน อันแสนหอมหวานจากดอกซ่อนกลิ่นอย่างตูร์บิวลองซ์ (Turbulences) ความปลาบปลื้มในค่ำคืนแรกกับ ด็องส์ ลา โป (Dans la Peau) การดื่มด่ำไปกับธรรมชาติกับ อะโปเช่ (Apogée) การเปิดเผยตัวตนกับ ก็งทร์ มัว (Contre Moi) ก่อนปิดท้ายสัมผัสแห่งอารมณ์ยามรัตติกาลไปกับ มาติแยร์ นัวร์ (Matière Noire) และการปะทุของประสาทสัมผัสไปกับ มิลล์ เฟอส์ (Mille Feux)
Louis Vuitton

แต่ขณะที่หลุยส์ วิตตอง ปราณีตกับกลิ่นน้ำหอมอย่างยิ่งยวด เรื่องของบรรจุภัณฑ์กลับเป็นสิ่งที่เข้าข่าย ‘สูงสุดคืนสู่สามัญ’ มิใช่ไม่ให้ความสำคัญ แต่คือมิติแห่งการคิดที่ผ่านการตกตะกอนมาแล้วเป็นอย่างดี ในยุคที่บางคนเชื่อว่าความหรูหรานั้นดูกันที่น้ำหนักของแก้ว แต่หลุยส์ วิตตองกลับออกแบบขวดน้ำหอมในมุมมองใหม่ ด้วยเชื่อว่าความหรูหราน่าจะอยู่ที่การทำให้ชีวิตประจำวันน่าอภิรมย์ขึ้นไม่ใช่หรือ
Louis Vuitton

ขวดใหม่นี้ออกแบบโดย มาร์ค นิวสัน (Marc Newson) ผู้เชื่อมั่นในความเรียบง่าย และขวดน้ำหอมขวดนี้คือสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ เส้นสายบนขวดนั้นเรียบง่ายและปราศจากการตกแต่ง ราวกับหยดน้ำ ประดับด้วยตัวหนังสือสีดำ แม้แต่การสลักแบรนด์ลงบนขวดก็ช่างดูเรียบง่าย จะมองเห็นก็เมื่อนิ้วสัมผัสหรือแสงตกกระทบเท่านั้น

ฝาขวดเป็นสีดำชวนให้คิดถึงผลงานโดยเอเมอรี่(Emery) ในศตวรรษก่อน แต่เมื่อถอดฝาที่ประดับด้วยตัวหนังสือ LV ออกมาก็จะเป็นหัวฉีดสเปรย์หรืออะตอมไมเซอร์(atomizer) อยู่ด้านใน และแม้จะเป็นการเชื่อมโยงกับอดีต ขวดน้ำหอมของหลุยส์วิตตอง ขวดนี้ก็เป็นการถ่ายทอดวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตเช่นกัน

Louis Vuitton

เล่าเรื่องขวดบรรจุแล้ว ก็ขอต่อไปที่กล่องแพ็กเก็จจิ้ง จากภาพคงเห็นแล้วว่าตัวแพ็กเก็จจิ้งทำด้วยกระดาษสีขาวและทองนี้คล้ายกับรูปทรงกระบอกของ เฌอ ตู อิล (Je, Tu, Il) ซึ่งเป็นน้ำหอมของหลุยส์ วิตตองที่เปิดตัวในปีค.ศ. 1928 และไม่มีจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน

และนี่คือราคาของน้ำหอมทั้ง 7 รุ่นของหลุยส์ วิตตอง  ซึ่งมีให้เลือกทั้งขนาด 200 มิลลิลิตร(13,200 บาท)และ 100 มิลลิลิตร(9,300 บาท)

Louis Vuitton

และเพื่อให้สมเครดิตแบรนด์นักเดินทาง ทางแบรนด์จึงมีขนาดสำหรับเดินทางบรรจุ 4 ขวด ขวดละ 7.5 มิลลิลิตร ที่ออกแบบมาให้ปิดฝาด้วยแม่เหล็ก และสามารถต่อกับหัวฉีดสเปรย์ได้พอดี ให้คุณเปลี่ยนขวดเล็ก ๆ เหล่านี้เป็นน้ำหอมสำหรับพกพาได้ทันที (9,300 บาท และรีฟิล 4 ขวด 5,200บาท)
Louis Vuitton

นอกจากนี้ หลุยส์ วิตตอง ยังได้รังสรรค์น้ำหอมเพื่อนักสะสมโดยเฉพาะ ด้วยการออกเซ็ท 7 กลิ่น ขนาดกระทัดรัด 10 มิลลิลิตรทั้งหมด 7 ขวด (9,300 บาท)

Louis Vuitton

พิเศษเหนือพิเศษ สำหรับเดอะ เลิฟเวอร์แบรนด์ตัวจริง นั่นคือกระเป๋าลายโมโนแกรม ซิกซ์เนเจอร์ของหลุยส์ วิตตอง ที่ดีไซน์ให้สามารถใส่น้ำหอมได้ครั้งละ 3 ขวด ให้ความรู้สึกเหมือนกระเป๋าใส่เครื่องสำอางของผู้หญิงในยุค 1920s (185,000 บาท)

Louis Vuitton

ขวดน้ำหอมของหลุยส์ วิตตองออกแบบมาให้เก็บได้นาน สามารถเป็นของขวัญให้รุ่นต่อ ๆ ไปได้ และสามารถนำไปเติมที่ร้านหลุยส์ วิตตองได้ ซึ่งที่ร้านจะมีเฟาน์เทนที่ออกแบบมาเพื่อขวดเหล่านี้โดยเฉพาะ เพียงกดครั้งเดียวก็สามารถเติมน้ำหอมใส่ขวดได้โดยไม่ต้องสัมผัสน้ำหอมโดยตรง ราวกับว่าเป็นแคปซูลจากอนาคต เพื่อเป็นการระลึกถึง เลส์ ฟงแตนส์ ปาร์ฟูเมส์ (Les Fontaines Parfumées) หรือ “น้ำพุน้ำหอม” โรงผลิตน้ำหอมของ ฌาคส์ กาวาลิเย่ร์ แบลทรูด ในเมืองกราสซึ่งให้บริการเติมน้ำหอมมากว่าศตวรรษ

มาถึงบรรทัดนี้ กับข้อมูลทั้งหมดที่เล่ามา เราแน่ใจว่าแม้ราคาที่ขานมาทั้งหมดจะเข้าข่ายใช้คำบัญญัติว่า ‘แพง’ ได้ แต่ถ้าเทียบกับความใส่ใจทุกขั้นทุกตอนที่ Louis Vuitton ทำการบ้านมา ที่สำคัญคือกระแสความ ‘อิน’ ที่พูดกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในห้วงเวลานี้ เรื่องแพงจึงไม่ใช่ประเด็นที่สาวๆ ผู้นิยมความหอมจะต้องสนใจ จริงมั้ย?

(พร้อมจำหน่ายในไทย 15 กันยายน เฉพาะที่หลุยส์ วิตตอง ดิ เอ็มโพเรียม)

 

ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up