ณ วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก Richcars Rental (ริชคาร์เรนทัล) บริษัทเช่ารถหรู รถสปอร์ต และรถซูเปอร์คาร์ ที่ประสบความสำเร็จแบบยืนหนึ่งในตลาด คงต้องยกเครดิตให้กับสองหนุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ คุณเอ-กิตติคุณ หงษ์รัตนคุณ และ คุณช้าง-สหดล จรัสสุริยพงศ์ ที่ร่วมกันปั้นธุรกิจนี้ตั้งแต่เดย์วันจนทำให้ Richcars Rental ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมาตลอด 8 ปี

จากคู่แข่งกลายเป็นหุ้นส่วน
จริง ๆ แล้วทั้งสองคนรู้จักกันครั้งแรกในฐานะคู่แข่งทางธุรกิจ คุณช้างเปิดประเด็นนี้ให้ฟังว่า “เราทำธุรกิจด้านขายส่งอาหารญี่ปุ่น พวกข้าวปั้น ซูชิเหมือนกัน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมในเวลานั้น โดยไม่ได้ทราบมาก่อนว่า เราจบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเหมือนกัน ผมจบคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ส่วนคุณเอจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ เรื่องเกิดขึ้นจากมีการมาทับไลน์กัน คือร้านที่รับของผมไปขาย มีการรับของจากเจ้าอื่นมาด้วย ผมจึงถามเขาตรง ๆ ว่ารับมาจากไหน ทางเจ้าของร้านบอกว่า เป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเดียวกับผม จึงโทรไปเคลียร์เพื่อแบ่งโซนลูกค้ากันให้ชัดเจน”
ฟากคุณเอช่วยเสริมว่า “ตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่า มีรุ่นน้องที่ทำธุรกิจแบบเดียวกัน แต่ของผมขายดีกว่า (หัวเราะ) หลังจากนั้นปีกว่า คนที่ผลิตสินค้าให้ผมเกิดเลิกทำไป จึงนึกขึ้นได้ว่ามีรุ่นน้องที่ทำอยู่ จึงโทรไปคุยเพื่อให้คุณช้างผลิตให้ เพราะเขาจะผลิตตั้งแต่ต้นทางเลย จึงทำให้เราสองคนกลับมาคุยกันอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็มีการแชร์ไอเดียการทำธุรกิจกัน จนวันหนึ่งจำไม่ได้ว่าใครเริ่มพูดก่อน จึงชวนกันลงทุนเปิดบริษัทให้เช่ารถหรู เริ่มจากรถแค่ 1-2 คัน จำได้ว่ารถคันแรกคือ เบนซ์ C-Class
“ถ้าให้ย้อนกลับไป 8-9 ปีที่แล้ว ตลาดให้เช่ารถหรูในเมืองไทยยังเล็กมาก เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แล้วคนส่วนใหญ่จะติดภาพการเช่ารถตามสนามบินแบบรายวัน ราคาพันกว่าบาท และเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีลูกค้าหรือคนเช่า แต่เรากลับมองว่าถ้าลงทุนตอนนั้นน่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราขึ้นเป็นเบอร์ต้น ๆ ของตลาดได้ ทำให้ Richcars Rental เป็นเจ้าแรก ๆ ในธุรกิจนี้
“ตอนนั้นเราทำแบบลองผิดลองถูกไป แต่ก็พอไปได้ จึงเติบโตมาเรื่อย ๆ และวันนี้ทุกคนรู้แล้วว่า มีธุรกิจให้เช่ารถซูเปอร์คาร์ ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูง ถ้าให้พวกเราเริ่มทำธุรกิจให้เช่ารถหรูตอนนี้ ก็คงทำไม่ได้แล้ว ฉะนั้นคีย์ในการทำธุรกิจของเราคือ เริ่มทำในสิ่งที่คนอื่นมองว่า เป็นไปได้ยาก”

ลุยทุกปัญหา
เมื่อถามถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจนี้ ทั้งสองตอบพร้อมกันว่า “เยอะ”
“ตอนนั้นเราสองคนยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ตั้งแต่เรื่องสัญญาเช่าที่ไม่ค่อยรัดกุม เงื่อนไขแทบไม่มีอะไรเลย แค่มีบัตรประชาชน แล้วมีค่ามัดจำประมาณหนึ่ง พอมีประสบการณ์มากขึ้น เงื่อนไขก็เพิ่มขึ้นทีละนิด ซึ่งการเช่ารถมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะที่เราคาดไม่ถึง ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ล้วน ๆ อย่างเคยมีลูกค้าขับรถสปอร์ตของเราไปดริฟต์ (ขับรถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็เหยียบเบรกกะทันหัน แล้วดึงเบรกมือทันที) และทำโดนัท (ขับรถวนเป็นวงกลม) ในสนามแข่ง ที่ทราบเพราะบังเอิญว่ามีพนักงานของเรา ไปดูการแข่งรถในงานด้วย จึงรายงานกลับมาที่บริษัท จึงต้องใส่ไว้ในสัญญาว่า ห้ามนำรถไปดริฟท์ ไม่อย่างนั้นเราจะยึดรถคืนทันที หรือเคยมีลูกค้าต่างชาติขับรถลุยน้ำท่วมเพื่อทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียของตัวเอง จนรถดับแล้วยังส่งคลิปมาให้เราว่า เครื่องยนต์พังแล้วนะ ซึ่งในสัญญาตอนนั้นไม่ได้มีข้อห้ามไว้ คือถ้าเราไม่มีประสบการณ์ทางธุรกิจก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามีแบบนี้ด้วย
“อีกหนึ่งปัญหาคือ รถโดนขโมย แต่ก่อนเราคิดแค่ว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเรามาทำธุรกิจนี้ถึงได้รู้ว่า มีความถี่เยอะมาก ตอนที่รถเราโดนขโมยครั้งแรกคือ ตกใจและเครียดมาก แต่สามารถตามกลับคืนมาได้ แต่ช่วงหลัง ๆ น้อยลง อาจเพราะการรักษาความปลอดภัยของรถ ถือว่าบริษัทเราจัดเต็มมาก นอกจากมีระบบติดตามรถอัจฉริยะ (GPS TRACKING) แล้ว เราต้องมีการพึ่งตำรวจให้ติดตามรถช่วยด้วย เรายังคุยกันว่า การให้เช่ารถหรู อารมณ์เหมือนการลุ้นผลเอ็นซ์ทรานซ์ (หัวเราะ) ว่า วันพรุ่งนี้รถจะกลับมาสภาพไหน หรือจะกลับมาหรือเปล่า แต่ถึงแม้จะเจอเคสรถหายบ่อยครั้ง Richcars ก็ไม่ได้มีนโยบายถามเช็คลูกค้าซอกแซก ว่าทำงานอะไร เช่ารถไปไหน เพราะไม่อยากให้ลูกค้าดี ๆ ที่เหลือ 90% ต้องรู้สึกไม่โอเค ซึ่งตรงนี้เราก็เข้าใจผู้ประกอบการรถเช่ารายอื่นที่ทำแบบนััน เพราะความเสี่ยงมันสูงจริง ๆ และเค้าไม่ได้มีมาตรการการตามรถหายที่สู้เราได้
“ส่วนรถซูเปอร์คาร์ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการขโมย แต่จะมีการเฉี่ยวชน เพราะด้วยความแรงของรถ ทำให้เกิดการชนได้ง่าย จะใช้เวลาในการซ่อมหลายเดือนจนถึงเกือบปี ทำให้เราไม่มีค่าเช่า”

พร้อมบริการ
“จากรถ 2 คันในวันแรก ตอนนี้เราเพิ่มมาเป็น 120 คันแล้ว ส่วนประเภทและรุ่นของรถ เราจะปรับตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละปี บางปีกลุ่มลูกค้าต่างชาติเยอะ เราก็จะเน้นรถสปอร์ต บางปีกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาอยู่ระยะยาว ส่วนใหญ่จะใช้รถ SUV ปัจจุบันเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน จะชอบรถตู้ อย่าง Toyota Alphard นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่เป็นองค์กรที่เป็นบริษัท จะเน้นเช่าเป็นรายปี หรือหน่วยงานรัฐ จะเช่าเป็นงานอีเวนท์ เพื่อรับรองแขกจากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเราเคยจัดเป็นขบวนรถสำหรับผู้นำระดับประเทศมาแล้ว
“เคยมีคำถามว่า ทำไม Richcars Rental ถึงซื้อรถใหม่เข้ามาในพอร์ต ทำไมไม่ใช้วิธีคาร์แชริ่ง (การนำรถของคนอื่นมาเป็นพาร์ทเนอร์) แน่นอนว่าช่วงทำธุรกิจแรก ๆ อาจจะไม่ใช่รถของเราทั้งหมด แต่เราเจอปัญหา เวลาใช้รถคนอื่น แล้วเมื่อลูกค้าจะใช้ เกิดเสียขึ้นมาพอดี ผมต้องไปหารถรุ่นอื่นมาสลับให้กับลูกค้า ซึ่งในทางปฏิบัติไม่ควรทำ เพราะลูกค้าเลือกแล้วที่จะใช้รถรุ่นนี้ หรือ ถ้าลูกค้าเกิดขับแล้วทำให้รถมีรอย เจ้าของรถอาจจะไม่ค่อยพอใจ แต่ถ้าเป็นรถของบริษัท ลูกค้าขับไปเฉี่ยวชนเป็นรอยนิดหน่อย เราจะไม่มีการปรับเงินลูกค้า เพราะเราเป็นธุรกิจการบริการ ต้องมีความยืดหยุ่นให้กับลูกค้า ในขณะที่บางบริษัทเจ้าของหวงรถมาก หรือ เป็นเทคนิคขายถูกไว้ก่อนแล้วเก็บเงินทีหลังก็ไม่รู้ เค้าจะตรวจเช็ครอยหลังเช่าแบบละเอียดยิบ สะเก็ดหินโดน ใต้ชายล่างรถก็นับว่าเป็นรอย เช่าเสร็จแล้วโดนค่าปรับหลายจุด ก็จะสร้างความลำบากให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทเราไม่มีนโยบายทำแบบนั้น เวลาเราขายของผมก็ให้แอดมินบอกเลยว่า เราไม่ได้ขายถูกสุด แต่อยู่มาได้ 8 ปี มีลูกค้าเยอะที่สุด ให้ลูกค้าลองพิจารณาดูเองว่าเป็นเพราะเหตุผลใด”
“ก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันว่า จะขยายตลาดให้เช่าบิ๊กไบค์ เพราะลูกค้าถามมาเยอะมาก แต่มาคิดอีกทีว่า ถ้ามีอุบัติเหตุ ลูกค้าต้องบาดเจ็บ หรืออาจถึงชีวิต แล้วยังปัญหาเรื่องประกันภัย เพราะบิ๊กไบค์สามารถทำประกันรถแบบบุคคลได้เท่านั้น จะทำประกันเชิงพาณิชย์ไม่ได้ ซึ่งรถของ Richcars Rental ทุกคัน จะทำประกันเชิงพาณิชย์ นั่นหมายความว่าถ้าเกิดเหตุ สามารถเคลมได้ทั้งหมดแบบถูกต้องตามกฎหมาย”
“ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่ผู้เช่ารถต้องตรวจสอบคือ ผู้ให้บริการเช่ารถได้เลือกทำประกันถูกประเภทหรือไม่ ถ้ามีเกิดอุบัติเหตุแล้วใครจะรับผิดชอบ เพราะการทำประกันเชิงพาณิชย์ในไทยค่อนข้างยาก ถ้าบริษัทไม่ใหญ่พอก็มักจะไม่ทำ เพราะไม่คุ้ม ด้วยราคารถซูเปอร์คาร์ในบ้านเราค่อนข้างแพง ทำให้ทุนประกันสูงมาก อย่างรถเฟอร์รารี่ประกันรถแบบบุคคล ปีละ 2 แสนบาท แต่ประกันเชิงพาณิชย์ปีละ 4 แสนกว่าบาท หรือรถ BMW ปกติประกัน 4-5 หมื่นบาท ถ้าเป็นประกันเชิงพาณิชย์ประมาณ 1 แสนบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการเช่ารถหรู นอกจากราคาค่าเช่าที่จะต้องเช็ก ซึ่งแต่ละบริษัท ราคาค่าเช่าต่างกันแค่หลักร้อย หรือหลักพัน เราต้องคำนึงถึงเรื่องประกันของรถหรูที่จะเช่าว่าเป็นประกันเชิงพาณิชย์หรือไม่”
“รวมถึงอย่าเห็นแก่ของถูกเพียงอย่างเดียว ที่เค้าทำราคาถูกได้ก็ต้องลดต้นทุน เช่นใช้รถมือสองสภาพเก่า ๆ หรือใช้ยางเปอร์เซ็น (ยางมือสอง) ไม่มีทีม Roadside Service ตอนกลางคืน ตอบแชทช้า พนักงานไม่พอหรือบางรายหนักกว่านั้น ใช้รถหลุดจำนำ (ผิดกฎหมาย เป็นรถขโมยที่ขายกันในตลาดมืด) มาให้บริการปล่อยเช่า ซึ่งถ้าลูกค้าหลวมตัวไปเช่า ก็อาจจะวุ่นวายโดนข้อหา ต้องมาลำบากพิสูจน์ตัวเองในคดี”

มองความสำเร็จ
“ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ปีแรกที่เราทำจนถึงปัจจุบัน คือความเชื่อถือจากกลุ่มลูกค้า ช่วงแรก ๆ เวลาจองรถ แล้วต้องมีการโอนเงินจองรถล่วงหน้าประมาณ 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งลูกค้าจะถามว่า ขอโอนให้หน้างานได้ไหม เพราะตอนนั้นบริษัทเรายังไม่เป็นที่รู้จัก ลูกค้าจึงมีความกังวลว่าอาจจะถูกมิจฉาชีพหลอกเงินได้ แต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว ลูกค้าจะรีบโอนให้ทันที”
“แล้วจะมีลูกค้าแคปภาพมาถามว่า เพจนี้ของ Richcars Rental หรือเปล่า? เพราะมีเพจปลอมที่ขโมยรูปเราไปใช้ เพื่อหลอกให้ลูกค้าโอนเงินจอง ซึ่งเพจของเราจะมีผู้ติดตามหลักหมื่นหลักแสน แต่เพจปลอมจะมีแค่หลักร้อยเท่านั้น แล้วพวกนี้จะขโมยรูปเราไปด้วยการแกล้งมาทักว่าเป็นลูกค้าเพื่อขอภาพรถ พอเราส่งไปให้ เขาก็เซฟไปใช้ ฉะนั้นลูกค้าต้องระวังว่า เพจที่ติดต่อด้วยนั้นคือ Richcars Rental ตัวจริงหรือมิจฉาชีพ”
“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของเราถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เราจึงมีทิศทางที่จะไปต่อในอนาคต คือ การบุกตลาดรถเช่าระยะยาวให้มากขึ้น อย่าง กลุ่มลูกค้าองค์กร อาจเพราะเราเริ่มแก่แล้ว (หัวเราะ) ความโลดโผนน้อยลง ประกอบกับปัญหาของการเช่ารถรายวันมีมาก และความเสี่ยงสูง แต่ลูกค้าเช่าระยะยาว รายได้อาจไม่มาก แต่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ลูกค้ารายวันก็ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา อาจจะมีการปรับพอร์ตเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในเวลานั้นให้มากขึ้น อาจจะต้องมีการปรับรถบางรุ่นออกไป เพิ่มรถซูเปอร์คาร์มากขึ้น”
“นอกจากนี้เรายังได้พัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสะดวกให้กับลูกค้า ในกรณีรถมีปัญหา รถชน รถเสีย ยางแตก เราก็จะส่งพนักงานและทีมช่างเข้าช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง”
“สำหรับจุดหมายปลายทางของเราคือ การนำพาองค์กรเข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้วยโปรไฟล์ของบริษัทสามารถ ทำได้ เพราะยอดขายเติบโตขึ้นทุกปี Richcars Rental ถือเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในตลาดเช่ารถหรู แต่สิ่งที่เรา ต้องทำเพิ่มเติมคือ การทำโปรดักส์ของเราให้แมสก่อน ด้วยการขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น มีกลุ่มลูกค้าที่เช่ารถ ระยะยาวมากขึ้น เมื่อเป้าหมายแรกสำเร็จได้ เรื่องการเข้าตลาดหลักทรัพย์จึงจะเป็นสเต็ปต่อไป ถ้าใครที่สนใจในธุรกิจนี้ แล้วอยากร่วมลงทุนกับเราสามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้ครับ”