The HOT LIST Cover

The HOT LIST

The HOT LIST Cover
The HOT LIST Cover

เมื่อโลกหมุนไปเร็วจนเหมือนจะยกกำลังสอง ธุรกิจใหม่ๆ มากมายเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนไป แพรว คัดธุรกิจฮ็อตน่าจับตามารวมไว้ให้ก่อนเป็นน้ำจิ้ม แล้วรอติดตามเหล่าเจ้าของธุรกิจมาแรงที่น่าสนใจจาก The HOT LIST ในเดือนกรกฏาคมนี้นะคะ

ภักดี อนิวรรตน์ : i-store self-storage บริการเช่าห้องเก็บของพรีเมียม

ด้วยความจำกัดของพื้นที่ในเมืองใหญ่ นับวันบ้านและคอนโดมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ  คุณภักดี อนิวรรตน์ เจ้าของ บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด จึงได้ไอเดีย เปิดบริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน (self-storage) ระดับพรีเมี่ยมหลากหลายรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ i-store self-storage ตามจุด Prime Location กลางเมือง

 “ปัจจุบันกรุงเทพก็เหมือนเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกที่มีความต้องการใช้บริการเช่าห้องเก็บของ เพราะบ้านและคอนโดนับวันยิ่งมีพื้นที่จำกัด หรือหากจะรีโนเวทก็ต้องหาที่เก็บเฟอร์นิเจอร์ เราจึงเลือกทำเลใจกลางเมืองอย่างสีลมและสุขุมวิท 24 เป็นแห่งแรก โดยเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยก่อน เพราะเขาคุ้นชินกับบริการนี้อยู่แล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ ทำการตลาดกับคนไทย

“จุดเด่นของ i-Store Self Storage มีความเป็นพรีเมี่ยมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเล การบริการ และโปรดักส์ ที่ออกแบบมาให้ลูกค้าใช้งานสะดวก ฝากของได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ลูกค้าสามารถเข้า-ออกได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านระบบคีย์การ์ดที่เป็นแบบกดลิฟต์ไปได้เฉพาะชั้นของตัวเอง มีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี สำหรับห้องฝากของ มีทั้งขนาดตั้งแต่ 0.5 – 18 ตารางเมตร ห้องสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ห้องเก็บไวน์ รวมถึงบริการรับฝากกล่องเก็บของส่วนตัวด้วย แค่สั่งผ่าน www.i-storego.com ก็จะมีเจ้าหน้าที่ i-Store Man นำกล่องสีน้ำเงินส่งให้ลูกค้าถึงบ้าน แล้วรับกลับมาเก็บไว้ที่สโตร์ ในแต่ละห้องจะมีทั้งแบบติดแอร์ และไม่ติดแอร์ หรือถ้าพรีเมี่ยมกว่านั้นคือมีระบบล็อคพิเศษ มี private cctv  เพื่อให้มั่นใจว่าของมีค่าที่เก็บไว้กับเราจะไม่สูญหาย

“ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นแบบบุคคลประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ และมีลูกค้ากลุ่มธุรกิจอีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เราตั้งเป้าหมายขยายให้ได้ 20 สาขา ใน 5 ปี ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และจะเพิ่มลูกค้า 10,000 ราย ให้เติบโตเป็น 10 เท่าของปีนี้ ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะเป็นเทรนด์ของเมืองใหญ่ทั่วโลกที่นับวันคนยิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง ธุรกิจเราจึงน่าจะตอบโจทย์เรื่องการช่วยเพิ่มพื้นที่ให้คนเมือง แค่ฝากของไว้กับเรา คุณก็จะสะดวกสบายมากขึ้นในพื้นที่ของตัวเองครับ”

ธีรณัฐ รุ่งสุวรรณ : โปรตีนทางเลือก ‘Sixtein’

จากปัญหาประชากรโลกเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มว่าโลกในอนาคตอาจเจอภาวะขาดแคลนอาหาร คุณธีรณัฐ รุ่งสุวรรณ จึงศึกษาและผลิตโปรตีนทางเลือกจากจิ้งหรีด ‘Sixtein’ พร้อมเตรียมบุกแข่งขันกับตลาดโลก

“หลังเรียนจบปริญญาโท 2 ใบจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผมอยากกลับมาเมืองไทยเพื่อสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน จนพบรายงานจาก FAO (Food & Agriculture Organization) ว่า แมลงจะเป็นโปรตีนแห่งอนาคต เนื่องจากจำนวนประชากรโลกจะเพิ่มจากประมาณ 7,000 ล้านคน เป็น 9,000 ล้าน ภายในปี 2050 ซึ่งแหล่งโปรตีนปัจจุบันจะไม่เพียงพอ แล้วการทำปศุสัตว์ต้องใช้ทรัพยากรในการเลี้ยงค่อนข้างมาก แมลงจึงจะเป็นโปรตีนที่มาแทนเนื้อสัตว์เดิม ใช้อาหาร น้ำ และพื้นที่น้อย ประหยัดต้นทุน รวมถึงเป็นโปรตีนคลีน ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีเร่งโต ซึ่งสภาพอากาศของประเทศไทยเหมาะกับการเพาะเลี้ยง มีตลาดแมลงรองรับ ผู้คนคุ้นกับอาหารจากแมลงมานานแล้ว จึงจุดประกายความสนใจ และมองว่าเราน่าจะสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้

“เราเลือกจิ้งหรีดพันธุ์สะดิ้ง เพราะเมื่อนำมาเป็นส่วนผสม จะไม่กลบรสชาติอาหาร โดยทำเป็นผงให้กินง่ายขึ้น สามารถใช้เป็นส่วนผสมได้ทั้งอาหารคาวและหวาน เช่น โปรตีนเชค, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, เนื้อสัตว์เสมือน เป็นต้น อีกทั้งยังมีคุณค่าทางสารอาหารสูง ทั้งโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย แคลเซียม ซิงค์ ฟอสฟอรัส  วิตามินบี พรีไบโอติก ฯลฯ ซึ่งผมคิดว่าอนาคตแมลงอาจกลายเป็นตลาดใหญ่ จากสถานการณ์ที่ทำให้ขาดแคลนโปรตีน อย่างช่วงไข้หวัดนกที่ต้องฆ่าสัตว์ไปมาก น้ำท่วม หรือเกิดภัยพิบัติต่างๆ ถ้ามีผงโปรตีนจิ้งหรีดก็ไม่ต้องกลัวอดตาย และยังสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน”

“ปัจจุบัน ผมเน้นส่งออกผงโปรตีนจิ้งหรีดเพื่อเป็นส่วนประกอบในการแปรรูปอาหารไปทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และหลายประเทศในยุโรป เราจึงเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยอาจจะต้องเร่งทำมาร์เก็ตติ้งให้คนเข้าใจและลดอคติต่อการบริโภคให้มากขึ้น อยากผลักดันให้ไทยเป็นฮับโปรตีนจากแมลง ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน สร้างอิมแพคให้กับประเทศครับ”

ปรียลักษณ์ น้อยอ่ำ :  BeNeat เสิร์ฟความสะอาดถึงบ้าน

ธุรกิจห้องพัก ที่ต้องหาแม่บ้านมาให้บริการในเวลาที่ต้องการและได้อย่างใจบางครั้งก็ยากเย็น เป็นจุดเริ่มต้นของ “BeNeat” ธุรกิจ Startup ที่นำโมเดลธุรกิจ Sharing Economy อย่าง Uber และ Airbnb มาปรับใช้ ให้บริการตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัย เวลา และความสะอาด

คุณปุ้ม-ปรียลักษณ์ น้อยอ่ำ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นว่า “ก่อนหน้านี้เคยปล่อยเช่าห้องพักคอนโด จังหวัดเชียงใหม่ ในแอพพลิเคชั่น Airbnb แล้วเจอปัญหาว่าแม่บ้านทำความสะอาดไม่ดี เพราะไม่ได้ผ่านการฝึก หลายครั้งต้องทำเพิ่มด้วยตัวเอง บางครั้งไม่สามารถเรียกมาในวันและเวลาที่ต้องการได้ ทำให้พลาดลูกค้าไป จึงหาข้อมูลตามเพจผู้ปล่อยเช่าห้องพัก พบว่ามีปัญหาคล้ายกัน จึงเห็นโอกาส และสร้างธุรกิจบริการทำความสะอาดออนไลน์ครบวงจร BeNeat ในปี 2016 เริ่มต้นที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน  

“ช่วงไม่กี่เดือนแรกที่เริ่มทำ ใช้ทุนตัวเองประมาณหลักแสน กระทั่งถึงจุดหนึ่งเงินเราใกล้จะหมดแล้ว ที่สุดจึงนำแผนธุรกิจไปเสนอขอความสนับสนุน จนได้ทุนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มา ทำให้เราสามารถไปต่อและเติบโตเรื่อยมา โดยโตปีละเกือบเท่าตัวในทุกๆ ปีที่ผ่านมา แล้วในปีเดียวกันเราก็ขยายพื้นที่ให้บริการมากรุงเทพฯ จากนั้นในปีถัดมาเริ่มขยายมาปริมณฑล และล่าสุดขยายไปที่ชลบุรีในปี 2022 ที่ผ่านมาค่ะ”

“เรามุ่งเน้นที่คุณภาพของแม่บ้าน โดยเริ่มจากสัมภาษณ์ทัศนคติ ตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีประวัติอาชญากรรม และมีการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น เป็นเวลา 1 วันเต็ม ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เน้น Soft Skill และการทำความสะอาดให้มีคุณภาพ โดยมีการสอบวัดผลหลังอบรม หากไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะไม่รับเข้ามา เพื่อให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยไว้ใจได้ ส่วนด้านลูกค้าที่มาใช้บริการจะต้องการลงทะเบียนสมัครสมาชิก ทำให้มีฐานข้อมูล มีทีมติดตามบริการของแม่บ้านด้วยระบบ GPS ผู้ใช้บริการสามารถเช็คได้ว่า แม่บ้านมาถึงหรือยัง และหลังจบงาน ทีมติดตามจะคอยถามความคิดเห็นและเรื่องความความปลอดภัย ปัจจุบันให้บริการที่ เชียงใหม่ ชลบุรี กรุงเทพฯและปริมณฑล นอกจากนี้ยังมีบริการนวดเพื่อสุขภาพเพิ่มเติมเข้ามา

“ในอนาคต ตั้งเป้าจะขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และอยากให้ BeNeat เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้สังคมดีขึ้น อย่างช่วงโควิด-19 ทีผ่านมา หลายคนตกงาน แต่ BeNeat ทำให้แม่บ้านยังคงมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวในยามวิกฤต เป็นความภูมิใจที่เราได้สร้างสิ่งดีๆ ตอบแทนสังคมค่ะ”

สิทธิชีพ สมเกียรติ : “มายด์ โวยาจ” มีรถเป็นบ้าน เที่ยวถึงไหนถึงกัน

เพราะคนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับ ไลฟ์สไตล์และชีวิตที่มีอิสระมากขึ้น ทำให้เกิดรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้วยความชอบเดินทางเป็นทุนเดิม คุณตู่ – สิทธิชีพ สมเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มายด์ โวยาจ จำกัด จึงหันมาเปิดธุรกิจให้บริการเช่ารถบ้าน อยากไปเที่ยวไหน ไม่ต้องมีแพลน ค่ำไหนนอนนั่นแบบฟรีสไตล์

“สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมชอบเที่ยวแบบกางเต็นท์ แต่พอมีครอบครัวก็หาโอกาสไปเที่ยวแบบนั้นค่อนข้างลำบาก จึงคิดถึงธุรกิจรถบ้าน ที่เราไม่ต้องวางแผนมาก นอนในรถได้เลย ผมเริ่มจากการซื้อมาขับเองก่อน พอคนเห็นแล้วชอบ ก็เข้ามาถามตลอด เพราะตอนนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ในเมืองไทย จึงตัดสินใจซื้อเพิ่มอีก 3-4 คันเพื่อขาย แล้วหันมาทำธุรกิจด้านนี้เต็มตัว โดยเปิดบริษัทมอเตอร์โฮม แอนด์ คาราวาน จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยี่ห้อ Auto Sleeper ในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2557 แล้วก็นำเข้าอุปกรณ์ ชิ้นส่วน เทคโนโลยี รวมถึงโนว์ฮาวต่างๆ เพื่อทำรถบ้านด้วย

“จากประสบการณ์พบว่า 10 ปีที่ผ่านมา ไลฟ์สไตล์การเที่ยวเปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนเจน X เจน Y และเจน Z อยากมีชีวิตอิสระ เพราะฉะนั้นการเช่ารถขับเที่ยว มีความแอดเวนเจอร์นิดๆ เป็นวิถีชีวิตที่ผู้คนเริ่มมองหามากขึ้น แต่รถบ้านจากต่างประเทศราคาค่อนข้างสูง ผมจึงเริ่มสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เกี่ยวกับรถบ้าน เพื่อให้ราคาจับต้องได้มากขึ้น รวมถึงทำรถบ้านให้เช่าด้วย โดยผมดีไซน์รถบ้านจากประสบการณ์ท่องเที่ยวของตัวเอง เช่น นั่งและนอนได้กี่คน เปิดแอร์ได้กี่ชั่วโมง ถังบรรจุน้ำกี่ลิตร ไฟและที่เก็บพลังงาน เรียกว่าต้องมีทุกอย่างครบอยู่ในรถ พร้อมใช้งานได้เลย ไม่ต้องเสียบปลั๊ก เติมน้ำใดๆ ตั้งแต่เปิดให้บริการปีก่อน ยอดการจองรถบ้านได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่เต็มตลอด ลูกค้ามักจะเช่า 5 วัน ส่วนใหญ่เดินทางไปเที่ยวภาคเหนือ และทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ ผมว่าเสน่ห์ของรถบ้านคือเดินทางไปที่ไหนไม่ต้องมีแพลนชัดเจน ไม่ต้องขนของขึ้นโรงแรม เป็นการท่องเที่ยวแบบอิสระจริงๆ”

ภัชศุ ฐิตะรภัส : Book a Table ให้เรื่องจองโต๊ะเป็นหน้าที่ของเรา

จากประสบการณ์สายปาร์ตี้ชอบสังสรรค์ ที่หลายครั้งต้องฟาล์วอดฟิน เพราะโต๊ะเต็ม ร้านไม่ว่าง  คุณแทน- ภัชศุ ฐิตะรภัส จึงปิ๊งไอเดียก่อตั้ง Book a Table (อาม่าจองโต๊ะ) ธุรกิจ ‘รับจอง’ เพื่อตอบโจทย์ยุคที่ผู้คนต้องการความสะดวกสบายขั้นสุดและเซฟเวลาอันมีค่า

“เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมทำงานเป็นผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศที่สถานี NBT รวมทั้งทำงานด้านมาร์เก็ตติ้งของบริษัทเอเจนซี่แห่งหนึ่ง ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ชอบออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน แต่งานเลิกไม่เป็นเวลา กว่าจะรวมตัวกันได้ ไปถึงร้านโต๊ะก็เต็มแล้ว เจอแบบนี้หลายรอบ ทำให้คิดว่าน่าจะมีใครไปช่วยจองโต๊ะให้แบบโปรเฟสชั่นแนล คือทั้งจอง เลือกโต๊ะ สั่งออเดอร์ให้ แล้วก็ปิ๊งไอเดีย ทำ Book a table โดยเริ่มจากทดลองรับจองโต๊ะให้เพื่อน แถวถนนข้าวสาร แล้วบังเอิญไปเจออาม่าชู ที่อายุ 74 ปีแล้ว อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น เกิดความคิดอยากชวนกลุ่มอาม่ามาทำธุรกิจนี้ด้วยกัน เพราะเป็นงานที่ไม่ได้ใช้แรง แค่จัดการจองโต๊ะเท่านั้น บวกกับผู้สูงอายุสมัยนี้ สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ดี ถ่ายรูปและโทรคุยกับลูกค้าได้ โดยให้ลองเริ่มที่ร้านท่าช้าง ถนนข้าวสาร ที่รู้กันว่าคิวโหดมาก คือร้านเปิด 6 โมงเย็น แต่ต้องไปรอคิวตั้งแต่เช้า อาม่าก็ไปจัดการให้ได้เรียบร้อย พอจบงานผมก็ให้เงินค่าตอบแทน  300 บาท อาม่าชูจึงไปบอกต่อเพื่อนๆ ละแวกนั้นให้มาลองทำ กลายเป็นจุดเริ่มต้น

 “ก่อนเริ่มงานผมต้องเทรนด์อาม่าล่วงหน้าเป็นเดือน ต้องเจอหน้ากันให้มั่นใจว่าไม่ใช่มิจฉาชีพ ซึ่งโชคดีที่ยังไม่เจอเหตุการณ์ไม่ดีอย่างที่กังวล ตอนหลังมีเด็กวัยรุ่นมาทำงานด้วย ซึ่งเรารับตั้งแต่อายุ 20 ปี ขึ้นไป  ทดลองทำได้ 1 ปี เรามีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 50-60 โต๊ะต่อคืน นอกจากย่านถนนข้าวสาร ขยายพื้นที่มารับจองร้านแถวสยาม เซ็นทรัลเวิลด์ ราชเทวี เอกมัย ทองหล่อ รวมถึงขยายไปที่ต่างจังหวัดอย่างเชียงใหม่และภูเก็ตด้วย

“นอกจากรับจองคิวร้านอาหาร เรายังรับจองสินค้าและรับจองบัตรคอนเสิร์ต รวมถึงมีบริการต่อคิวเข้าชมคอนเสิร์ตและรอหน้างานอีเวนต์เวลาจะมีศิลปินดังมาด้วย  ทุกวันนี้ลูกค้าของเราไม่ใช่แค่คนไทยแล้ว ลูกค้าต่างชาติก็มีเยอะ ทั้งจีน รัสเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดฯ มาเลเซีย ยุโรป อเมริกา พอเขาจองร้านอาหารแล้ว ก็อยากจะจองไนต์คลับ บางคนไม่รู้ว่า ควรไปกินอาหารร้านไหน หรือเที่ยวที่ไหน ตอนหลังเราจึงมีส่งแพลนแนะนำร้านไปให้ด้วย ถือเป็นการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับประเทศไปในตัวครับ”

เฮนรี่ เตียว : FICKLE LIFESTYLE เปิดพื้นที่ปลดปล่อยจินตนาการ

ในยุคที่ผู้คนติดอยู่กับโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไถหน้าจอมือถือจนใกล้จะกลายเป็นมนุษย์ไร้สกิลในด้านอื่นๆ ทำให้คุณเฮนรี่ เตียว นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ผู้ปั้นไอเดีย FICKLE LIFESTYLE คือ Activities Space ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้เข้ามาปลดปล่อยจินตนาการสนุกไปกับงานศิลปะ เล่นสาดสี ทำ DIY โดยไม่ต้องตัดสินผิดถูก หรือสวย ไม่สวย วางหน้าจอแล้วไปปล่อยจอยกัน

“ผมเป็นชาวสิงคโปร์เรียนจบมาทางด้าน Interior Design และชอบทำงานแฮนด์คราฟต์เป็นทุนเดิม ตอนอยู่ที่สิงคโปร์ผมเริ่มจากธุรกิจรองเท้าแตะแบบ Customize สามารถทำ DIY ได้ ซึ่งขายดีมาก แต่ผมมองว่าสิงคโปร์เป็นตลาดเล็ก จึงเริ่มหาทีมในไทยและแพลนจะเปิดที่ Terminal 21 กับเจเจกรีนในช่วงปลายปี 2019 แต่พอปี 2020 โควิดก็มา ต้องปิดร้าน สักพักเปิดได้แป๊บเดียวก็ต้องปิดอีก เราจึงต้องกลับมามองว่า ลูกค้าต้องการอะไร ทุกคนอยู่บ้าน อยากให้บรรยากาศในบ้านรู้สึกสบาย จึงผุดไอเดียขายเทียนหอม ซึ่งถือว่ามาถูกเวลา ขายดีมาก เมื่อรัฐบาลเปิดให้เดินเที่ยวได้อีกครั้ง ความชอบใน Workshop และงาน customize ในใจเราก็ยังอยู่ จึงเปิดเวิร์คช้อปเทียนหอมเป็นอย่างแรก

“ปรากฏว่าประสบความสำเร็จมาก ผมจึงคิดต่อโดยการมองหาเรื่อง DIY อย่างการทำพรมให้เป็นลวดลายของตัวเอง ซึ่งเมืองไทยยังไม่มี แต่ถ้ามีอุปกรณ์จะสามารถทำได้เองและสนุกด้วย รวมถึงการ DIY โคมไฟที่ลูกชายวัย 18 ปี ช่วยจุดประกาย จากที่เห็นเขาชอบซื้อโคมไฟมาแต่งห้องเอง คือเราเน้นของที่ผู้คนได้ซื้อโดยลงมือทำเอง เขาจึงจะรักมันและบอกต่อ ถือว่าขายประสบการณ์ไปในตัว

“ต่อยอดมาถึง ‘ห้องสาดสี’ ที่ฮ็อตฮิตมาก ได้ไอเดียมาจากข่าวต่างประเทศ ว่าโควิดทำให้เครียดมาก จนต้องสร้างห้องไว้ให้คนมาปาจานระบายความรู้สึก แต่ผมไม่อยากให้รุนแรงแบบนั้น จึงคิดว่า ปาสีดีกว่า อย่างน้อยยังได้อะไรที่สวยงามและสีสันยังทำให้รู้สึกมีความสุข ได้ปลดปล่อยจินตนาการ จึงเริ่มทำ ‘ห้องสาดสี’ ขนาด 70 ตารางเมตร ก่อน ผลตอบรับเวิร์คก็ขยายเป็น 1,000 ตารางเมตร จนสุดท้ายพื้นที่ไม่พอจึงต้องหาที่ใหม่ ปัจจุบันคือ รัชดาภิเษก ซอย14 โดยเรามีลูกค้าตั้งแต่อายุ 2-70 ปี ซึ่งทุกคนสนุกกันมาก

“ผมบอกลูกค้าว่า Art has no form, No right, No wrong ศิลปะคือสิ่งที่เราชอบ ทำแล้วสนุก แล้วเชื่อไหม กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ของการปาสี ออกมาสวยหมดเลย เพราะคนทำรีแลกซ์ เด็กๆ นี่สนุกกันมาก ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำดีๆ ของทุกคนที่มาทำกิจกรรมครับ”

ณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชากร : Joy Ride Thailand พาผู้สูงอายุไปหาหมอ

ในวาระที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ธุรกิจหนึ่งที่จะรองรับเรื่องนี้คือ “Joy Ride Thailand” บริการรถรับส่งพาผู้สูงอายุไปหาหมอ ของ คุณจอย – ณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชากร

“ก่อนหน้านี้จอยทำงานตำแหน่ง Corporate Marketing Manager บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ช่วงโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้ยอดขายตก ถูกกดดันจากหัวหน้างานอย่างหนักจนเป็นโรคซึมเศร้า ตอนไปโรงพยาบาลจังหวะที่เดินออกมาจากห้องตรวจ จอยเห็นผู้สูงอายุนับร้อยคนนั่งรอตามมุมต่างๆ บางมาคนเดียว บางคนนั่งรถเข็น แล้วมีผู้สูงอายุอีกคนเข็นรถให้ ทำให้จอยนึกถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ที่เคยระบายให้ฟังว่า ต้องพาแม่ไปหาหมอเพื่อเช็คอัพมะเร็งทุกสามเดือน พี่น้องทุกคนติดงาน แล้วเจ้านายก็ไม่ให้เขาลา แล้วก็เกิดความคิดอยากทำธุรกิจรับส่งผู้สูงอายุไปหาหมอ “จึงตัดสินใจลาออก แล้วเริ่มเปิดเพจ Joy Ride Thailand คอนเซ็ปต์ตามที่คิดมาตั้งแต่แรกคือ เราจะไม่เหมือนรถพยาบาล และไม่ได้เป็นรูปแบบบริษัทจัดหางาน แต่เราทำด้วยใจ และใส่ใจ ใช้เวลาสองเดือนเตรียมพร้อมกับธุรกิจใหม่ ซึ่งตรงกับช่วงประกาศล็อกดาวน์ แล้วมีลูกค้ารายแรกโทรเข้ามา โดยเสิร์ชหาจากทางเฟสบุ๊ก เขาขอให้ช่วยไปรับคุณพ่อที่รักษาโควิดหายแล้วที่โรงพยาบาล กลับมาส่งบ้าน เพราะเขาไปรับไม่ได้ ติดโควิดทั้งครอบครัว จากเคสแรก จึงเกิดไอเดียออกแพ็กเก็จ Welcome Home พาผู้ป่วยโควิดที่หายแล้วกลับไปหาคนที่คุณรักและคิดถึง จากนั้นลูกค้ารายที่สองและสามก็ตามมา

“จุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้จัก Joy Ride Thailand มากขึ้น คือจอยโทรศัพท์ไปเล่าถึงธุรกิจนี้ให้คุณชมพู่- อารยา เอ ฮาร์เก็ต ฟัง เพราะเคยทำงานด้วยกัน คุณชมพู่จึงให้ส่งข้อมูลไปเธอจะช่วยลงไอจีโปรโมทให้ ตั้งแต่นั้นมาสายไม่ว่างเลยค่ะ มีคิวทุกวัน ณ ตอนนี้ทีมงาน Joy Ride Thailand ทีมทั้งหมด 12 คน และมีคนสนใจสมัครเข้ามากกว่าพันคน เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราเพิ่งเปิด Joy Ride Academy แล้วรับพนักงานมาเพิ่มประมาณ 30 คน กำลังอยู่ในช่วงการฝึกงาน นอกจากนี้เรากำลังจะเพิ่มบริการสำหรับผู้ป่วยติดเตียง โดยจะทำ MOU (หนังสือบันทึกข้อตกลง) กับมูลนิธิเส้นด้าย เพื่อให้ช่วยเรื่องรถรับส่ง ส่วนเราส่งคนไปดูแล  

 “จอยบอกกับทีมงานเสมอว่า เราไม่ได้ทำหน้าที่แทนลูกหลาน แต่เราเป็นผู้ช่วย และทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้นเท่าที่จะทำได้”

เรื่อง : PoshPRM , Kidanan

ภาพ : นิตยสารแพรว , Joy Ride Thailand

Praew Recommend

keyboard_arrow_up