รู้จัก “แปม - ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ” ผู้นำคลื่นลูกใหม่แห่งวงการฟุตซอล

รู้จัก “แปม – ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ” ผู้นำคลื่นลูกใหม่แห่งวงการฟุตซอล

Alternative Textaccount_circle

“แปม – ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ” ผู้นำคลื่นลูกใหม่แห่งวงการฟุตซอล ที่มาพร้อมภารกิจผลักดันนักกีฬาไทยสู่ระดับโลก ดีกรีประธานสโมสรบลูเวฟ ชลบุรี หนึ่งในสโมสรฟุตซอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประเทศ โดยเขารับตำแหน่งนี้ต่อจากคุณพ่อ “บิ๊กป้อม – อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ”

ลูกไม้ใต้ต้น

“ขณะที่เด็กคนอื่นอาจเติบโตในสนามเด็กเล่น ผมโตมากับเสียงเชียร์บน อัฒจันทร์และภาพคุณพ่อทุ่มเทสร้างทีมชาติไทย ย้อนกลับไปยุคที่ฟุตซอลไทยยัง ไม่เป็นที่รู้จัก คุณพ่อคือหนึ่งในผู้บุกเบิกและพาทีมชาติไทยไปชิงแชมป์โลกได้สำเร็จ ผมจึงมีโอกาสได้คลุกคลีกับนักกีฬาตัวจริง เห็นเบื้องหลังความมุ่งมั่นตั้งใจของ พวกเขา กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ฝังอยู่เงียบ ๆ ว่าบทบาทที่เหมาะกับผมอาจไม่ใช่ ในฐานะผู้เล่น หากเป็น “คนสร้างทีม” เหมือนคุณพ่อ

“หลังเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ (University of San Francisco) ผมเริ่มร่วมเดินทางกับทีมไปแข่งขันระดับเอเชีย ได้สัมผัสทั้งความพ่ายแพ้และพลังของคำว่า ทีม ทำให้ผมตัดสินใจชัดเจนว่าจะเข้ามาช่วยคุณพ่อจริงจัง ปีต่อมาผมเริ่มจากตำแหน่งรองประธานสโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ใช้เวลา 1 ปี เพื่อเรียนรู้ระบบและนำความรู้จากต่างประเทศมาปรับใช้ และในวัย 23 ปีผมก้าวสู่ตำแหน่งประธานสโมสร แต่สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจไม่ใช่แค่ใบปริญญา หากเป็นบทเรียนจากคุณพ่อ ผู้พาทีมชาติไทยไปชิงแชมป์โลกถึง 7 ครั้งใน 25 ปี ท่านสอนว่า ‘ไม่มีใครที่พาทีมไปถึงความสำเร็จด้วยตัวคนเดียวได้’ และพิสูจน์แล้วว่าจริง เพราะทุกชัยชนะ เกิดจากทีมเวิร์กที่แข็งแกร่งและหัวใจที่มีจุดหมายเดียวกัน”

คนไทยคนแรกใน FIFA MASTER IN MANAGEMENT

“ก่อนรับตำแหน่งประธานสโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ผมอยากเข้าใจการบริหารจัดการกีฬาอย่างแท้จริง และต้องการ ต่อยอดความรู้เพื่อกลับมาพัฒนาวงการกีฬาของไทย จึงเลือกเรียน FIFA Master in Management, Law and Humanities of Sport เป็นหลักสูตรปริญญาโทที่ได้รับการรับรองจาก FIFA จัดโดย CIES (International Centre for Sports Studies) สิ่งที่ทำให้หลักสูตรนี้พิเศษมากคือโครงสร้างการเรียนที่ครอบคลุมทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ ตลอดระยะเวลาประมาณ 10-11 เดือน ผมต้องหมุนเวียนไปเรียนแต่ละด้านใน 3 ประเทศ

“หลังเรียนจบผมพาทีมคว้าแชมป์ลีกตั้งแต่ปีแรกที่รับตำแหน่งประธานสโมสร โดยผลงานแรกคือการจัดรายการ Pre-Season Cup และคว้าแชมป์ได้สำเร็จ จากนั้นเราได้แชมป์ลีกอีกครั้ง และมีโอกาสไปแข่งรายการชิงแชมป์เอเชียในปี 2015 แม้ครั้งนั้นจะตกรอบ แต่เป็นโอกาสให้เราได้กลับมาทบทวนตัวเองและทำการบ้าน อย่างหนัก เพื่อวางแผนพัฒนาอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งยื่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันในปีถัดไป เพื่อจะได้พลิกเกมใหม่ในบ้านเราเอง

“ที่สุดในปี 2016 เราได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน AFC Futsal Club Championship และสามารถคว้าอันดับ 3 มาครอง ถือเป็นผลงานระดับเอเชีย ครั้งแรกในสมัยของผม แม้ปี 2017 จะตกรอบ แต่เราไม่หยุดพัฒนา จึงคว้าแชมป์เอเชียได้อีกครั้งที่เวียดนามในปี 2019 (ยิ้ม)

 “สิ่งที่ภูมิใจมาตลอดในการทำงาน 8 ปีคือการพาทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย คว้าแชมป์สโมสรเอเชียสมัยที่ 2 โดยผมส่งรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีไปร่วมแข่งขัน Youth Olympic Games เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่เรามีโอกาสได้เจอกับทีมระดับโลกอย่างสเปน ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าสำหรับนักกีฬาเยาวชนไทย เป็นผลงานที่ผมรู้สึกว่าช่วยเปลี่ยนชีวิตน้องๆ ได้ จึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ผมภูมิใจมาก

“ฟุตซอลเป็นกีฬาที่อยู่คู่คนไทยมานาน ผมอยากเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ช่วยผลักดันให้นักกีฬาไทยได้มีโอกาสไปเล่นในต่างประเทศ นอกจากนี้ผมยังอยากส่งเสริมให้เยาวชนไทยทำได้ดี ทั้งการเรียนและเล่นกีฬาควบคู่กันไป ปัจจุบันสโมสรจึงทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้นักกีฬาได้พัฒนาศักยภาพและทักษะของฟุตซอล รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการไปพร้อมกัน

เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ นักกีฬาทุกคนครับ”

ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในสกู๊ป The Gentle Men นิตยสารแพรว ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568


เรื่อง: Prince, Lutairat Ch
ภาพ : วรสันต์
IG : tachapa
t

Praew Recommend

keyboard_arrow_up