จับเข่าคุยกับผู้ชายที่ฮ็อตสุดๆ ในชั่วโมงนี้ “ไบรท์-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” อัพเดตการทำงาน เจาะลึกตัวตน คุยเฟื่องเรื่องความฝัน และการฟันฝ่าวงล้อมดราม่า
บอกเลยว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “ไบรท์-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ผู้ชายที่ขึ้นแท่นดาวรุ่งพุ่งแรงแบบแซงทางโค้งไปเรียบร้อย เพราะนอกจากจะโด่งดังเป็นพลุแตกในฐานะพระเอกเต็มตัวจากซีรีส์ เพราะเราคู่กัน 2gether The Series แล้ว ล่าสุดยังเพิ่งคว้าตำแหน่งนักแสดงนำในซีรีส์ฟอร์มยักษ์ F4 Thailand ที่กำลังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์กันอยู่ในตอนนี้อีกด้วย แพรว จึงไม่พลาดพาไปพูดคุยอัพเดตชีวิตของผู้ชายคนนี้กันค่ะ
จับเข่าคุย “ไบรท์-วชิรวิชญ์” ตัวตน ความฝัน และการฟันฝ่าวงล้อมดราม่า
เห็นว่าตอนนี้คิวงานแน่นเอี้ยดเลย
“ใช่เลย ผมว่านี่คือความสนุกของงานบันเทิง ที่เปิดโอกาสให้เราได้ลองทำอะไรหลากหลาย ผมชอบหมดทุกอย่างเลยนะ ทั้งถ่ายแบบ เล่นละคร ร้องเพลง มีอะไรให้เราได้ทำเยอะจริงๆ และก็เหมือนที่วินบอกคือเป็นงานที่เราได้มอบความสุขให้คนอื่น ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำคือพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ครับ อยากร้องเพลงให้ดีขึ้น แสดงให้ดี เล่นกีตาร์ให้เก่ง แต่งเพลงให้เพราะ คือมีความอยากเยอะอยู่ แต่ด้วยตารางงานที่แน่นมาก ทำให้ผมแทบไม่มีเวลา ต้องตื่นตี 5 ไปกองถ่ายให้ทัน 6 โมงเช้า ทำงานทั้งวัน กลับมาถึงบ้าน 3-4 ทุ่ม ซึ่งถ้าจะนอนเลยก็ยังหลับไม่ลง เพราะติดนิสัยนอนดึก กว่าจะได้หลับคือเที่ยงคืน ตี 1 แล้วก็ต้องตื่นเช้า ทำงานทั้งวัน เป็นอย่างนี้ตลอด จึงยังหาเวลาไปฝึกทักษะต่างๆ เพิ่มเติมไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมนะ เพราะช่วงนี้คือเวลาของงาน ก็ตั้งใจทำงานไปก่อน พอมีช่วงว่างค่อยกลับไปจดจ่อทำอะไรที่ชอบ
“ผมเคยเล่าหรือยังว่าผมเนิร์ดนะ ถ้าชอบอะไรจะลงลึก ทำให้สุดๆ ไปเลย อย่างดนตรีกับฟุตบอล ช่วงไหนว่างผมจะเตะฟุตบอลอาทิตย์ละสองวัน ล่าสุดที่เพิ่งค้นพบว่าชอบมากอีกอย่างคือการถ่ายรูป ผมเปิดอินสตาแกรมอีกแอ๊กเคานต์ (@isawitbefore) เพื่อลงรูปที่ถ่ายเองโดยเฉพาะ คิดว่าการถ่ายรูปน่าจะเป็นอีกสิ่งที่อยู่กับผมไปตลอดแล้วแหละ”
พอมีชื่อเสียงแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม
“ถ้าเป็นเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ผมแทบไม่ได้เข้าห้างหรือไปดูหนังเลย ถ้าจะไปก็มีเพื่อนไปด้วย มีบ้างที่มีคนสนใจ บางคนมอง บางคนขอถ่ายรูป ซึ่งผมโอเคอยู่แล้ว แต่ถ้ามาแปลกๆ เกินไปก็ไม่ไหว อย่างมีคนหนึ่งวิ่งตามมาจ่อกล้องเข้าที่หน้าผมแล้วบอกว่า ‘พี่ไบรท์โขกหัวกับกล้องหนูหน่อยค่ะ’ ผมถามย้ำว่า ‘อะไรนะ’ เขาก็พูดเหมือนเดิม นาทีนั้นผมอึ้ง งงมาก เลยเดินหนี ทุกวันนี้ก็ยังงงว่าจะให้ผมโขกหัวกับกล้องทำไม
“แต่ที่น่าประทับใจมีเยอะแบบเล่าไม่หมด ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ช่วยซัพพอร์ตผมทุกรูปแบบ บางคนใช้สินค้าที่ผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ เข้าไปช่วยกันแท็กออนไลน์ บางคนอุดหนุนสินค้าที่ผมทำ บางคนก็ช่วยโปรโมต ช่วยเขียนเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับผม หรืออย่างตอนที่ขึ้นคอนเสิร์ต V Live เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แฟนคลับซื้อกีตาร์ ซื้อไมค์มาให้ (ยิ้ม) ผมรู้สึกปลื้ม ดีใจที่ได้รับความรักขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเจอกันเลยก็มี เป็นการให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนจริงๆ”
ได้ยินว่าทำธุรกิจส่วนตัวด้วย เล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ผมทำแบรนด์เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ชื่อ Astrostuffs ซึ่งคำว่า Astro แปลว่า ดวงดาว มาจากที่ผมชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศ บวกกับผมเกิดวันเสาร์ โลโก้แบรนด์จึงใส่รูปดาวเสาร์มีวงแหวนเข้าไป เป็นแบรนด์ที่มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าผ้า กระบอกใส่น้ำ ตอนแรกผมไม่ได้กะว่าจะทำแบรนด์เสื้อผ้าจ๋า อยากทำข้าวของเครื่องใช้ที่มีความรักษ์โลกมากกว่า เช่น กระบอกน้ำ หรือกระเป๋าผ้าที่สามารถใช้งานได้ยาวๆ ซึ่งจะช่วยลดขยะด้วย แต่คิดอีกทีผมมีความชอบแฟชั่นและเสื้อผ้ามากเหมือนกัน ก็เลยลุยทำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม กระแสตอบรับดีครับ แฟนๆ ช่วยกันอุดหนุนเยอะ ซึ่งผมคิดไว้แล้วว่าคอลเล็คชั่นต่อไปจะมีลวดลายและแบบของเสื้อผ้าเยอะขึ้น ซึ่งผมออกแบบเองนะ โดยดูจากลายที่เราชอบจากหลายๆ แหล่งแล้วมาปรับเป็นตัวเรา ผมมีทีมงานอยู่ประมาณ 10 คน เขาจะนำเสนอไอเดียให้ หน้าที่ผมคือดู ปรับแก้ และตัดสินใจ กับดูเรื่องฟีดแบ็ก ซึ่งส่วนใหญ่ผลตอบรับจะมาทางผมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขอเปลี่ยนไซส์เสื้อ การออร์เดอร์ของ หรือคอมเมนต์ แผนต่อไปคือผมจะเปลี่ยนการเปิดขายแบบพรีออร์เดอร์ทางอินสตาแกรมมาเป็นการขายทางเว็บไซต์
“ผมยังมีอีกธุรกิจที่อยากทำมากๆ คือร้านกาแฟครับ เพราะผมชอบมาก เหมือนหาสถานที่ให้ตัวเองได้ดื่มกาแฟแบบที่ชอบแหละ (หัวเราะ) แล้วชั้นสองก็ขายสินค้าแบรนด์ของผม ตอนนี้เรียกว่าเป็นช่วงวัยรุ่นตั้งตัว อย่างวินก็ทำธุรกิจ โดยเราซัพพอร์ตกันและกัน เช่น น้องใส่เสื้อผมถ่ายโปรโมตบ้าง ผมใส่ของน้องแล้วโพสต์บ้าง เรียกว่าต้องช่วยกันดัน ถ้าไม่ดันกันเองแล้วใครจะดันครับ” (หัวเราะ)
เวลาเจอดราม่าหนักๆ ทำอย่างไรบ้าง
“เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้ผมเรียนรู้อะไรหลายอย่างนะ สิ่งหนึ่งคือสนใจตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น โดยเฉพาะควรให้ความสำคัญกับคนที่เราควรจะแคร์หรือคนที่รักเรามากกว่า อย่างเช่นครอบครัว บ้านผมไม่ใช่ประเภทเกิดปัญหาแล้วนั่งคุยกัน ส่วนผมเองก็เป็นแนวมีเรื่องเครียดแล้วไม่ค่อยบอกใครเหมือนกัน ซึ่งจริงๆ ครอบครัวก็รู้เพราะเห็นจากข่าว แต่แค่ไม่หยิบมาพูดถึง ส่วนแม่ใช้วิธีดูแลผมเหมือนเดิม โทร.มาคุยปกติ เพราะแม่รู้ว่าผมไม่ชอบให้โอ๋
“ช่วงนี้ผมได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เพราะแม่ออกจากงานแล้ว ก็มาอยู่กับผมที่คอนโดได้บ่อยขึ้น ซึ่งผมชอบให้แม่มาอยู่ด้วยกัน เพราะที่คอนโดมีฟิตเนสให้ออกกำลังกายด้วย แต่บางช่วงที่งานแน่นตั้งแต่เช้ายันมืด ผมกลับมา แม่ก็เข้านอนแล้ว แม่ก็เลยสลับกลับไปอยู่บ้านที่นครปฐมบ้าง”
จากงานทั้งหมดที่ผ่านมา ประทับใจงานไหนที่สุด
“งาน V Live Global Live Fan Meeting ครับ ตื่นเต้นนะ เพราะเป็นครั้งแรก ตอนอยู่บนเวทีก็มีช่วงหลุดบ้าง คือผมจำสคริปต์ไม่ได้ หัวว่าง เพราะตื่นเต้น แต่โชคดีที่วินจำได้ เรียกว่าได้น้องช่วยชีวิตไว้หลายรอบเหมือนกัน แต่สำหรับผมคอนเสิร์ตครั้งนี้เหมือนได้ทำตามความฝัน เพราะผมเคยวาดภาพไว้ตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักดนตรี อยากมีโชว์ พอครั้งนี้เราบิดตัวเองมาร้องเพลง โชว์ก็โอเคเลยนะ ผมชอบที่ได้ร้องเพลง แต่ผมว่าโชว์จะสุดกว่านี้อีก ถ้ามีแฟนๆ มาดูด้วยกัน (ยิ้ม) ตอนนี้เฝ้ารอมากๆ ที่จะได้ออกไปเจอผู้คน อยาก เล่นโชว์เต็มๆ ถือว่าครั้งนี้เป็นการซ้อมใหญ่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้วกัน”
มองภาพในอนาคตไว้อย่างไรบ้าง
“ผมอยากไปเที่ยวรอบโลก อยากทำให้ได้ก่อนอายุ 40 ปีด้วยซ้ำ ลุยให้เบื่อแล้วค่อยกลับมาอยู่บ้าน สถานที่ที่ผมอยากไปมากที่สุดในตอนนี้คืออเมริกา อยากไปอยู่นานๆ แล้วค่อยกลับมา พอผมถึงวัยกลางคน ตอนนั้นก็อยากเป็นคนที่มีความสุข มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่อยากให้มีใครมาเกลียดเรา อยากทำเรื่องดีๆ ถ้าทำได้ก็ทำ เหนื่อยก็พัก อยู่แบบไม่เดือดร้อนใคร อยู่กับตัวเอง กับครอบครัว หรือหมาที่บ้าน ถ้าถึงวันนั้นยังมีคนสนใจสิ่งที่เราทำในวงการบันเทิงคงเป็นเรื่องดี เพราะผมยังอยากแสดงไปเรื่อยๆ ครับ”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 962
ภาพเพิ่มเติม : bbrightvc
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เผยโฉมแก๊ง นักแสดง F4 ฉบับไทยแลนด์ คาด ไบร์ท-วชิรวิชญ์ สวมบท เต้าหมิงซื่อ
10 คำถามล้วงหัวใจ ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์’ หนุ่มสุดฮ็อตผู้ใช้เวลากว่า 8 ปี พิสูจน์ฝีมือ
จัดเต็มฉลองวันเกิด 41 ปี! 8 หนุ่มฮ็อตชวนจิ้นบนปก นิตยสารแพรว ก.ย. 63