BNK48

เผยเบื้องหลัง BNK48 ปัญหาผู้หญิงหยุมหยิม กลุ่มเด็กเทพ ชราไลน์ และแฟนหนุ่ม

Alternative Textaccount_circle
BNK48
BNK48

“เอ๊ะ ละอองฟอง” Music Director ของ BNK48 เปิดเผย เบื้องหลังการปั้นเกิร์ลกรุ๊ปไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาผู้หญิงหยุมหยิม กลุ่มเด็กเทพ ชราไลน์ และแฟนหนุ่ม คือบทพิสูจน์ที่ต้องผ่านไปให้ได้

ปีที่ผ่านมาหลายคนคงได้เห็นกับตาแล้วว่า กระแสความนิยมของเกิร์ลกรุ๊ปสายเลือดไทย บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (BNK48) ท่วมท้นขนาดไหน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักได้ยินเพลงฮิตของพวกเธอเสมอๆ และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีการเปิดตัวน้องๆ รุ่นที่ 2 ออกมาอีกหลายสิบคน ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าจะเป็นการแย่งชิงตลาดกันเองหรือเปล่า รวมถึงอนาคตของน้องๆ รุ่นที่ 1 จะเป็นอย่างไรต่อไป 

และเมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ “เอ๊ะ – พงศ์จักร พิษฐานพร” หรือ “เอ๊ะ ละอองฟอง” Music Director ของ BNK48 ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังการปั้นเกิร์ลกรุ๊ป รวมถึงอุปสรรคและอนาคตของพวกเธอให้ได้ฟังอย่างตรงไปตรงมา

เอ๊ะ - ละอองฟอง
“เอ๊ะ ละอองฟอง” Music Director ของ BNK48

หลายคนบอกว่า BNK48 ที่ยังสามารถไปต่อได้เพราะมีเฮดเป็น “กัปตันเฌอปราง”?

“เหมือนหัวหน้าห้อง เขาเป็นตัวแทนวง วันนี้คนก็ไนซ์กับ BNK เพราะเฌอปราง แล้วเขาเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ เป็นไอดอลจริงๆ ไม่ว่าจะหน้าตาน่ารัก บุคลิกภาพ รวมถึงความคิด ซึ่งก็อยากให้มีทุกคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาโดดเด่นที่สุด อีกอย่างเขาเป็นกัปตันด้วย เหมือนกับหัวหน้าห้องที่ย่อมต้องออกงานเยอะอยู่แล้ว แต่จริงๆ เราก็พัฒนาน้องๆ คนอื่นด้วย”

ถ้ามือวางอันดับ 1 เป็นเฌอปราง ใครกันที่เป็นมือวางอันดับถัดมา?

“ก็อย่างที่เคยบอกไปว่า BNK48 มีกลุ่มเทพ ก็คือ เฌอปราง, เจนนิส, ปัญ, อร, โมบายล์, เนย ก็จะเป็น 6 – 7 คนที่อยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นก็จะออกข้างหน้าเยอะสุด”

เฌอปราง กัปตัน BNK48
กัปตันเฌอปราง

ในฐานะครูใหญ่ มองไว้ว่าน้องๆ ที่จะสามารถพัฒนาเป็นกลุ่มเทพต้องมีอะไรบ้าง?

“ก็ต้องพยายาม พยายามในที่นี้คือรักษาฐานแฟนคลับ คือมันมีหลายปัจจัยในการเลือกเซ็มบัตสึอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือพัฒนาการของเขา ความนิยมก็มีส่วนเหมือนกัน เด็กๆ จะมี Live ของเขา เขามีการสื่อสารกับแฟนคลับ เขาต้องแสดงคาแร็คเตอร์ออกมา งานจับมือเขาก็ต้องแสดงคาแร็คเตอร์ออกมาให้แฟนคลับได้เห็นและสนับสนุนเขา นี่คือสิ่งที่เขาต้องทำ เพราะฉะนั้นก็เลยมีความเครียดและกดดันในกลุ่ม เลยเป็นที่มาของเรื่องการเปรียบเทียบว่าคนนั้นมีแฟนคลับเยอะกว่าคนนี้ เอาจริงๆ ส่วนตัวน้องๆไม่ได้ซีเรียส แต่แฟนคลับไปเมาท์กันเอง เด็กก็เครียด เพราะเขาเสพสื่อออนไลน์”

วิธีการที่จะเลือกใครสักคนขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์?

“ต้องประกอบด้วยทัศนคติ แอตติจูด พัฒนาการ สกิล ความเหมาะสมกับเรื่องราวของเพลง และความนิยม บัตรจับมือมีผล มันจะบอกเลยว่าใครในช่วงนี้เป็นที่นิยม เพราะมันเป็นการทำงานร่วมกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน เด็กๆ ก็ต้องให้แฟนๆ สนับสนุนเขาเพื่อที่จะได้ไปอยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นติ่งอย่างเดียวไม่ได้ พยายามอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องทำทุกอย่าง สู้กันมากๆ เลย”

การรักษาชื่อเสียงและความนิยม เพราะวงการบันเทิงดังเร็วก็ไปเร็ว?

“พี่บอกเด็กตั้งแต่วันแรกที่ทำ BNK48 ยังไม่มีใครรู้จัก ยังเป็นสก๊อยกันอยู่เลย คือด้วยความที่เราอยู่วงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน เราก็เห็นวัฏจักร ของแท้เท่านั้นที่จะอยู่ได้ ของสดหมดอายุก็หายไป มันคือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นตอนนี้น้องๆ เหมือนสตรอว์เบอร์รี่ ทุกคนอยากจะกินเพราะมันสด แต่อย่าลืมว่ามันมีวันหมดอายุ มีเน่าได้ ถึงเวลานั้นก็มีแผงใหม่ขึ้นมาตั้ง”

กรุ๊ปเก่ามีใครที่มีแววเป็นตัวจริงบ้าง?

“หลายคนนะ พี่ว่าเกินครึ่ง โดยตอนนี้เราก็พยายามพูดคุยกับน้องๆ รุ่น 1 ไม่ใช่แค่มาเต้นหรือมาร้องเพลงเท่านั้น เราอยากให้เขาเห็นเป้าหมายในชีวิตชัดเจน บอกมาเลยว่าอยากเป็นอะไร ถ้ายังนึกไม่ออกก็ให้ไปคิดมา หรือครูช่วยคิดไหม เพราะเรามีหน้าที่ดันเด็กๆ คล้ายๆ เรียนมหาวิทยาลัยที่ปี 1 เราเรียนวิชาเบสิก ปีต่อไปก็ต้องเลือกวิชาเอกวิชาโทแล้ว ถ้าไม่เลือก จบไปก็ไม่มีงานทำ มันก็เหมือนกันเลย ตอนนี้ก็รีบเตือนรุ่น 1 ว่า ถ้าเขายังหาตัวเองไม่เจอ เขาจะกลายเป็นชราไลน์ ความน่ารักสดใสมันไม่ได้อยู่กับเขาตลอดไปนะ

“เอาจริงๆ นับหัวได้เลย ศิลปินผู้หญิงในเมืองไทยมีกี่คนกัน ดา เอ็นโดรฟิน, เจนนิเฟอร์ คิ้ม, นิว – จิ๋ว ฯลฯ แล้วถามว่าพวกเขาเก่งได้ครึ่งหนึ่งของพี่ๆ หรือยัง ถ้ายังไม่ได้ก็ต้องพัฒนาต่อไป บอกเลยว่าตอนนี้เป็นช่วงทำคอร์ดของรุ่น 1 อยู่ เขาจะไม่ใช่แค่สตรอว์เบอร์รี่ แต่จะเป็นสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ที่คนสามารถหยิบใช้ได้ตลอดเวลา ส่วนรุ่น 2 ตอนนี้ก็ลุยไปในวิชาเบสิกก่อน ลุยให้เต็มที่เพราะเขายังไฟแรงอยู่ ลุยให้รู้ว่ามันเป็นอย่างไรแล้วค่อยมาว่ากัน”

BNK48 รุ่น 1 คุกกี้เสี่ยงทาย
BNK48 รุ่น 1

มันยากขึ้นไหมกับการทำ BNK48 รุ่น 2 เพราะตอนที่รุ่น 1 เราขายความสดใหม่ ส่วนนี้เลยไปอยู่ที่รุ่น 1 หมดแล้ว ดังนั้นพอรุ่น 2 ออกมา มันก็ดูไม่ค่อยมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเลย?

“อาจจะเพราะแฟนๆ ยังไม่ค่อยได้รู้จักรุ่น 2 เพราะอย่างตอนรุ่น 1 ก่อนที่เขาจะเดบิวต์ เราได้ดูรายการ ได้ทำความรู้จักเขาก่อนที่จะออกเพลง แต่รุ่น 2 เพลงออกก่อน แล้วค่อยมาเล่าเรื่องทีหลัง ช่วงนี้ก็เหมือนเป็นช่วงเล่าเรื่องว่าเด็กๆ แต่ละคนเป็นยังไง สำหรับส่วนใหญ่ที่คนชอบรุ่น 2 ก็เพราะหน้าตา ดังนั้นต่อไปเด็กๆ ก็ต้องทำให้คนชื่นชอบเรามากกว่านี้ ต้องแสดงตัวตนและสื่อสารกับแฟนๆ มากขึ้น สำหรับอีกอย่างที่น่ากลัวมากเลยก็คือ การที่คิดว่าตัวเองป็อปปูลาร์ มันไม่ได้ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด 30 ปีเธอจะมาเต้นเหมียวๆ ไปตลอดก็ไม่ได้ มันคือเรื่องจริงของวงการบันเทิง

“ในอดีตโดโจหรือกามิกาเซ่ก็ปั้นนักร้องหญิงมาเยอะ ถามว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ล่ะ คือเด็กผู้หญิงมักมาพร้อมกับความน่ารักและความสดใส แต่พอวันหนึ่งมันหมดอายุไป ถ้าเธอไม่ใช่ตัวจริง เธอก็อยู่ไม่ได้นะ สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก พี่ออม – สุชาร์, ยิปโซ – รมิตา ฯลฯ เขาอยู่ได้เพราะอะไร ก็เพราะเขามีของ ผมก็เอาไปพูดในห้องให้เด็กๆ ฟัง เพราะเราค่อนข้างเป็นห่วง อยากให้เด็กอยู่ได้ ไม่ใช่อยู่แค่ตรงนี้อย่างเดียว”

“พี่เอ๊ะ” เชื่อว่าน้องๆ มีความสามารถ ไม่ใช่แบ๊วๆ ไปวันๆ?

“ไม่ใช่ มันคือความสามารถและความพยายามล้วนๆ อย่างที่บอก ความพยายามมันก็คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง เขาไม่ได้แข่งกับใคร แต่เขาต้องแข่งกับตัวเอง ซึ่งคนที่รู้สึกได้เลยก็คือแฟนๆ ที่ติดตามเขามาโดยตลอด จะเห็นว่าเขาไปได้ไกลแค่ไหน เพราะฉะนั้นเราก็ทำหน้าที่บ่มเพาะเขา ฝึกฝนเขา พาเขาไปให้ได้ แต่จะไกลแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”

ในฐานะครูใหญ่ หนักใจอะไรไหมกับลูกศิษย์ 50 คน?

“ห่วง 2 เรื่อง คือเรื่องของคุณภาพและความรู้สึก คือต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า วันแรกมันเริ่มจากโปรเจ็กต์ที่มันเป็นศูนย์จริงๆ วันนั้นเราเห็นเด็กๆ ตาเป็นประกาย แต่เราก็ไม่อยากให้วงการบันเทิงหล่อหลอมให้เขาเปลี่ยนจนไม่มีแววตาแบบนั้น ไอดอลต้องมีแววตาเป็นประกายตลอดเวลา คุณต้องส่งออกตลอดเวลา นั่นคือสิ่งที่คุณต้องมี ซึ่งการที่จะเป็นแบบนั้นได้ เราก็ต้องมีเป้าหมายในชีวิต ทางไปมันอาจจะเจอปัญหาไม่รู้กี่อย่าง เหนื่อยก็พัก ในขณะที่เป้านั้นมันก็ยังรอเราอยู่เสมอ ระหว่างทางถ้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เราก็อาจจะเลิกล้มความตั้งใจ เพราะเหนื่อย หมดกำลังใจไปก็ได้”

BNK48 รุ่น 2
BNK48 รุ่น 2

ทำไมต้องแบ๊วตลอดเวลา?

“มันก็เป็นคาแร็คเตอร์ของผู้หญิง อย่างที่บอกว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงเยอะ กับเด็กๆ พี่ก็บอกเขานะว่า ถ้าเธอไม่น่ารัก คนก็หมั่นไส้เธอ ตอนแรกๆ พี่ก็จะดูเองว่าอะไรคือความพอดี ปรับให้มันดูโอเค แต่อย่างที่บอกว่าเด็กเยอะ เราก็ไม่สามารถขีดเส้นให้เด็กอยู่ในเส้นนี้หมดได้ อาจจะมีอะไรที่เลยไปบ้าง เราก็ต้องตบๆ กลับมาให้ได้ มันคือสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ อย่าลืมว่าเราเข้ามาเป็นอะไร”

เรื่องมีแฟนต้องบอกน้องยังไงบ้าง?

“เราจะบอกเด็กทั้งโรงเรียนว่าห้ามมีแฟนก็เป็นไปไม่ได้ แต่เด็กต้องรู้ ถามว่าวันหนึ่งเขามีแฟน คนที่เปย์เธอ 1 แสนบาทเขารู้สึกอย่างไร จ่ายเงินเธอ 1 แสนบาทเพื่อไปจับมือเธอ 1 แสนบาทซื้อรูปเป็นแสนๆ วันหนึ่งเธอบอกว่าเธอมีแฟนขึ้นมา เขาจะอกหักไหม เขาจะเสียใจไหม ถ้าเธอเดินเข้ามาในนี้แล้ว เธอต้องแฟร์กับทุกคน เธอคือคนของทุกคน ไม่ใช่คนของใครคนใดคนหนึ่ง แม้ว่ามันไม่ใช่กฏหมายหรือข้อกำหนด แต่มันคือสิ่งที่เขาควรรู้ ถ้าฝืน สุดท้ายมันก็จะตีกลับมาหาตัวเด็กเอง แฟนคลับไม่สนับสนุนและต้องออกไปในที่สุด ซึ่งเมื่อเขาเห็นแล้ว เขาก็จะไม่ทำ”


 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up