ถือเป็นภาพยนตร์ม้ามืดที่มาแรงในตอนนี้เลยทีเดียวสำหรับ วิมานหนาม ผลงานล่าสุดจาก GDH ที่ได้กระแสตอบรับจากผู้ชมอย่างท่วมท้น โดยนอกจากผู้ชมจะพูดถึงฝีมือการแสดงของ 2 เจฟ ซาเตอร์ และ อิงฟ้า วราหะ แล้วอีกหนึ่งนักแสดงหน้าใหม่ที่ถูกพูดถึงอย่างมากคงหนีไม่พ้น “จิ่งนะ” ที่รับบทโดย เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย
สำหรับ หฤษฎ์ บัวย้อย เกิดวันที่ 19 ส.ค. 2542 ก่อนหน้านี้เคยโด่งดังบน TikTok ในฐานะคุณครูผู้สร้างตำนานครูภาษาไทยหล่อบอกต่อด้วย โดยในตอนนั้นเก่ง เป็นครูฝึกสอน วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา และในปี 2564 เก่ง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จากการประกวด Mister Chinese Chiangmai และในปีถัดมาได้รับรางวัลชนะเลิศ เทพบุตรยี่เป็งเชียงใหม่ปี 2565 และ รางวัล Mister yeepeng popular vote ในปี 2566 และหลังจากนั้นก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวโดยปัจจุบันเป็นนักแสดงภายใต้สังกัด Domundi โดยผลงานล่าสุดคือ ซีรีส์เขมจิราต้องรอด (Khemjira The Series) และ ภาพยนตร์ วิมานหนาม

4 เรื่องไม่ลับแต่อาจไม่รู้ของ เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย นักแสดงน้องใหม่มาแรงจาก วิมานหนาม
นิยามความเป็น “เก่ง”
“ผมดูนิ่ง สุขุม คนภายนอกมักจะคิดว่าหยิ่ง เพราะผมไม่ทักใครก่อน เรื่องจริงคือผมแค่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขายังไง แต่พอได้เข้าวงการบันเทิงก็ต้องปรับตัว ให้กล้าคุย กล้าเล่นมากขึ้น
“จุดเปลี่ยนที่ทําให้ผมอยากอยู่วงการบันเทิงคืออยากดูแลครอบครัวให้ดีขึ้น ตอนนี้อายุ 24 ปี รู้สึกว่าตัวเองควรจะเป็นเสาหลักของครอบครัวได้แล้ว ผมมีพี่สาว ซึ่งพี่ก็มีครอบครัวของตัวเองเหมือนกัน จึงรู้สึกว่าต้องแบ่งเบาภาระของที่บ้าน ทุกวันนี้ เวลาได้เงินมาจะส่งให้แม่ ซึ่งแม่บอกเสมอว่าเก็บเงินเอาไว้ใช้บ้าง แต่ผมไม่ค่อย ใช้อะไร เนื่องจากไม่ใช่สายช็อปปิ้ง ถ้าจะหมดเงินก็คือเรื่องกินอย่างเดียวครับ”

มุมลับ
“ผมเรียนจบคณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยพะเยา อยากเป็น ครูเพราะชอบอยู่กับเด็ก ชอบพลังความสดใสของเด็กที่เหมือนผ้าขาว เวลาเขา แสดงออกจะไม่มีฟิลเตอร์ โกรธคือโกรธ ดีใจคือดีใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ หน้าที่ ของครูคือการประคองว่าเด็กควรจะไปทางไหน เพราะเราไม่สามารถปลูกฝังหรือ สั่งได้ว่าเขาควรจะมีแนวคิดแบบใด เราเป็นแค่ไกด์นําทาง อนาคตถ้ามีโอกาส ผมก็ยังรักการเป็นครู แต่การเป็นนักแสดงคือสิ่งที่ชอบเหมือนกัน ด้วยความท้าทายและได้เปลี่ยนนิสัยให้ตัวเองกล้าแสดงออกมากขึ้นด้วย”

อินสุดใจ
“อินซีรี่ส์เกาหลีครับ เรื่องล่าสุดที่ดูแล้วร้องไห้คือ Queen of Tears เพราะ ผมเป็นติ่งคิมซูฮยอน เขาเล่นดีมาก ผมชอบดูซีรี่ส์แนวดราม่า ร้องไห้หนักๆ เหมือนได้ปลดปล่อย อีกเรื่องที่ทําให้น้ําตาไหลหนักเหมือนกันคือ Twenty-Five, Twenty-One ตอนนั้นรู้สึกหน่วงๆ เป็นสัปดาห์ พอมาเป็นนักแสดง การดูซีรี่ส์ไม่ใช่ แค่ความสนุกอย่างเดียว ต้องวิเคราะห์ไปด้วย ทั้งบท สีหน้า ท่าทาง มุมกล้องต่างๆ “เรื่องที่อินถัดมาคือการร้องเพลง สมัยเด็กผมเล่นกีตาร์ทั้งวัน แต่ไม่มั่นใจ ในเสียงตัวเอง คอมฟอร์ตโซนสําหรับผมคือร้องเพลงในห้องน้ําหรือห้องนอน แล้ว ตะโกนออกมาเพื่อให้เสียงไปถึง สุดท้ายก็คือเจ็บคอตลอด” (หัวเราะ)

เรื่องรัก ๆ
“พอโตขึ้นมุมมองความรักเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนมองว่าเป็นเรื่องของคู่รัก แต่วันนี้ความรักคือทุกอย่าง ทั้งครอบครัว แฟนคลับ เพื่อน รู้สึกว่าทุกคนคือ ความรัก ในฐานะผู้รับก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะตอนผมเป็นครู (ครูฝึกสอน ที่พะเยา) จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ให้ แต่วันนี้มีพี่ ๆ แฟนคลับให้ความรักกลับมา จึงเป็นความรู้สึกที่ตื้นตัน อย่างเวลาผมไปทํางานต่างจังหวัด แล้วพี่ ๆ แฟนคลับ นั่งรถตู้ 2 – 3 ชั่วโมงเพื่อมาเจอกัน ผมรู้สึกขอบคุณมาก จะตั้งใจทํางานให้เต็มที่ เพื่อตอบแทนให้เขามีความสุขครับ”
