กว่าจะเป็นนักแสดงดาวรุ่ง! อิน สาริน สู้แต่เด็ก ทำงานทุกอย่าง

account_circle

ถ้าดูจากลุคภายนอกคงนึกไม่ถึงว่า อิน – สาริน รณเกียรติ จะเป็นนักสู้ตั้งแต่เด็ก ทั้งร้อยเครื่องประดับ ทำขนมขาย หาเงินใช้เอง ขณะที่เส้นทางการเป็นนักแสดง กว่าจะได้เป็นหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งสังกัดช่อง 3 เขาก็ต้องฝ่าฟันเช่นกัน

กว่าจะเป็นนักแสดงดาวรุ่ง! อิน สาริน สู้แต่เด็ก ทำงานทุกอย่าง

เส้นทางนักธุรกิจน้อย

“ที่บ้านอินมีวิธีการสอนที่ค่อนข้างโหดในเรื่องการทำงานหาเงิน คือท่านเลี้ยงดีมากนะ ซัพพอร์ตทุกอย่าง แต่พอจบชั้นม.6 ป๊ากับแม่ให้เงินมาก้อนหนึ่งแล้วบอกว่าจากนี้จะให้เฉพาะค่าเทอมกับค่าน้ำมันรถเท่านั้น อื่นๆต้องหาเอง ตอนนั้นอินงอแงมาก ตั้งคำถามบ่อยๆว่า ‘ทำไมต้องเป็นคนเดียวในหมู่เพื่อนที่ต้องหาสตางค์เอง’ แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ (หัวเราะ)  ที่จริงอินไม่ใช่คนแรกของบ้านหรอก เพราะพี่สาวที่โตกว่า 4 ปีก็เคยผ่านจุดนี้มาก่อน แต่เขาขยันทำงานมาก
ไม่เคยบ่นอะไร ตอนนั้นจึงรู้สึกเหมือนคนไม่มีพวก

“พอเรียนปี1 ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ อินนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนหลายอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจเครื่องประดับกับพี่สาว เราสองคนกับแม่บ้านช่วยกันนั่งร้อยกำไลถึงตี2 ตี3 เหนื่อย แต่ก็ประสบความสำเร็จ เพราะขายดีมาก ได้เงินก้อนใหญ่กลับมาใช้ แล้วยังทำบลูเบอร์รี่ชีสพายขาย โดยเปิดดูสูตรแล้วลงมือทำเองเลย มีแม่บ้านช่วยบ้าง เปิดเป็นพรีออร์เดอร์เล็กๆกับเพื่อนในคณะ นอกจากนี้ก็มีแบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนในตราสารหนี้ ได้ดอกเบี้ยรายเดือนมาใช้บ้าง

“ผ่านไปสักพักได้รับการชวนไปเป็นดีเจที่คลื่น GET 102.5 จัดรายการทุกวันจันทร์- พุธ ตั้งแต่ 4 โมงถึง 1 ทุ่ม ได้ชั่วโมงละ 700 บาท ถามว่าเงินพอใช้ไหม ก็พอนะ แต่เราก็อยากได้อยากมีเหมือนเพื่อน เวลาใครขับรถคันใหม่ อินที่
ยังต้องขับรถตู้คันเก่าไปเรียนก็อยากได้แบบเขาบ้าง ซึ่งมันก็ทำให้ต้องขยันหาเงิน

“ข้อดีของการทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก นอกจากทำให้โตเร็ว รู้จักรับผิดชอบวางแผน ยังทำให้อินต่อยอดได้มาถึงทุกวันนี้  อย่างเครื่องประดับเราทำเป็นแบรนด์hye ขายทางไอจี@hye.bkk ส่วนขนมอินต่อยอดมาเปิดร้านชื่อ Holiday Pastry  อยู่ที่ซอยเจริญนคร 10 ตรงข้ามกับไอคอนสยาม โดยหุ้นกับเพื่อนอีก 2 คน ต้องลงมือเองทุกขั้นตอน ทั้งเข้าครัว ดูสูตร เคยนั่งทำขนมไหว้พระจันทร์ถึงตี3 มาแล้ว ซึ่งวันนี้เรามีทีมแม่ครัวแล้ว ส่วนอินดูแลเรื่องแบรนดิ้งเป็นหลัก ตั้งใจว่าอยากให้เป็นร้านขนมที่อร่อยทุกเมนู กับดูเรื่องงานกราฟิกทั้งหมด อย่างไอจีอินทั้งถ่ายภาพ เขียนแคปชั่นเอง เราใส่ใจทุกขั้นตอน เพราะอยากให้ร้านมีคุณภาพ พอผลออกมาว่าร้านเราขายดีก็ชื่นใจหายเหนื่อย กำลังมีแผนเปิดอีกแบรนด์ในปีหน้า (ยิ้ม)

“ถึงแม้ว่าวันนี้จะทำธุรกิจได้ประสบความสำเร็จแล้ว แต่กลับใช้เงินเท่าตอนเรียนเลยนะ บางครั้งน้อยกว่าด้วย (หัวเราะ) อาจเป็นเพราะพอใจในสิ่งที่มีไม่ถือกระเป๋าแบรนด์เนมแล้ว ใช้กระเป๋าย่ามแทน บางวันกินข้าวไข่เจียว บางวันต้มบะหมี่ หรือนั่งกินข้าวกล่องกับพนักงาน แต่แปลกที่มีความสุข อาจเพราะเราใช้ชีวิตแบบนี้จนชินแล้ว”

งานหนัก เรียนหนักกว่า

“นอกจากสมัยเรียนจะทำงานหนัก  การเรียนสถาปัตย์ยังหนักมากขนาดที่ว่าถ้าอัพโหลดงานส่งอาจารย์ตอนตี1 ประมาณตี3 อาจารย์ตรวจแล้วส่งงาน กลับมาให้แก้ตอน 7 โมงเช้า (หัวเราะ)

“ที่อินเลือกเรียนด้านนี้เพราะที่บ้านทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ อาจเป็นแผนของทางบ้านที่อยากให้กลับไปช่วยธุรกิจ จึงผลักดันให้เรียนวาดภาพ ส่งเสริม ให้ส่งภาพเข้าประกวด ซึ่งบังเอิญว่าเราก็ชอบ จึงเลือกเรียนสาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) การเรียนสถาปัตย์สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างเรื่องกราฟิกดีไซน์ที่อินออกแบบร้านขนมก็ได้จากการเรียน ไปจนถึงเรื่องการจับคู่สี มิกซ์แอนด์แมตช์สิ่งต่างๆให้เข้ากัน  แม้กระทั่งเรื่องการแต่งตัวก็ช่วยได้

“ขณะเดียวกันพอมีสถานการณ์โควิดก็ทำให้กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านเยอะขึ้นครับ ธุรกิจที่บ้านเราทำเกี่ยวกับโกดัง ที่จอดรถ และอพาร์ตเมนต์ให้เช่ารวมถึงการพัฒนาที่ดินด้วย หน้าที่อินตอนนี้คือหากลุ่มลูกค้าและผู้เช่ารายใหม่ กับเริ่มดูแลโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ อย่างเรื่องการพัฒนาที่ดิน ถ้าเป็นสมัยคุณพ่ออาจสร้างอพาร์ตเมนต์ พอถึงรุ่นอินรู้สึกว่าที่ดินตรงนี้มีศักยภาพมากกว่านั้น จึงพัฒนาเป็นกึ่งๆคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อจะได้ต่อยอดเรื่องการค้าขาย

“เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ชีวิตของอินก็ยังเหมือนตอนเรียน คือแอ๊คทีฟตลอดเวลา ไม่มีวันเสาร์-อาทิตย์มา 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกเบิร์นเอ๊าต์เลยนะ เพราะสนุก และเราได้อยู่กับสิ่งที่ชอบทุกวัน”

คว้าโอกาส

“ที่จริงมีคนชวนอินเข้าวงการตั้งแต่เรียนมัธยม แต่ยังไม่มีโอกาสลอง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้รับการติดต่อเรื่อยๆ  แต่ความที่เรียนหนักมาก กระทั่งเรียนปี4 อินมาย้อนคิดอีกที ถ้าไม่รับโอกาสที่เข้ามาแล้วพลาดไปอาจเสียดายทีหลัง  ก็พอดีกับที่ทางช่อง 3 ติดต่อมาและได้ไปแคสติ้งเรื่อง ลูกผู้ชาย ไปแคสต์อยู่นานเลย แต่ไม่มีฟีดแบ็ก เงียบหายไป  จนช่วงเรียนปี4 เทอม 2 อินได้ทุนไปเรียนสถาปัตย์ที่เกาหลีเป็นเวลา 6 เดือน ปรากฏว่าทีมงานติดต่อให้กลับมาทดสอบอีกรอบ จึงต้องกลับมาแคสติ้งงานประมาณ 6 ครั้ง จนได้เล่นบทภูผาในซีรี่ส์ลูกผู้ชาย และบทพ่อเพิ่มในเรื่องทองเอก หมอยา ท่าโฉลง ซึ่งสองเรื่องนี้คาแร็คเตอร์ไกลตัวสุดๆ บทภูผาเป็นผู้ชายแข็งแกร่ง ส่วนพ่อเพิ่มเรียบร้อย  ต้องหัดพูดช้า ๆ เนิบ ๆ ต่างจากล่าสุดที่ได้รับบท ‘เต้าหู้’ ในเรื่องคุณหมีปาฏิหาริย์  ที่คาแร็คเตอร์ใกล้ตัวเอง  เพราะเป็นแนววัยรุ่น รับบทเป็นตุ๊กตาหมีที่อยู่มาวันหนึ่งกลายมาเป็นคนและได้มาเจอกับพี่ณัฐ (รับบทโดยจ๊อบ ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต) เป็นละครวายเรื่องแรกของช่อง ฉายในช่วงไพรม์ไทม์ ก็กดดันพอสมควร เพราะแฟนๆ รอดูเยอะ แต่ก็เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบ เพราะไม่ได้เสิร์ฟแค่ความจิ้น ยังเล่าถึงปัญหาครอบครัว สถานะทางเพศ การสืบสวนสอบสวน  และความรัก เรียกว่าครบรสครับ

“ในบทบาทนักแสดงอินยังต้องพัฒนาอีกมาก อย่างการร้องเพลงหรือเต้นที่ยังค่อนข้างล้มเหลว (หัวเราะ) แต่ก็ต้องทำให้ได้ครับ มีไปเรียนเต้นและร้องเพลงเพิ่ม เพราะเด็กรุ่นใหม่เขามีสกิลนี้ติดตัวมาเลย ถ้าจะยืนอยู่ในวงการนี้ให้ได้ก็ต้องมีทักษะบ้าง”

พอใจสิ่งที่มี

“ถ้าถามว่าอินอยากมีชีวิตแบบไหน จริง ๆ อินชอบชีวิตแบบนี้แล้วนะ อยากเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ อาจพูดเหมือนคนมีอายุ แต่มีความสุขที่ได้ทำสองงานที่รักมาก อย่างธุรกิจรู้เลยว่ามันคือตัวจริงของเรา ส่วนงานในวงการ
อินก็ชอบและคาดหวังมากเช่นกัน เพราะการเข้ามาอยู่จุดนี้อินแลกมาด้วยอะไรเยอะ อย่างเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ต้องทิ้งเกือบหมดและต้องใส่ใจการวางตัวมากขึ้น จึงตั้งใจทำงาน เพราะอยากมีชื่อเสียงมากกว่านี้ มีคนจดจำ ชื่นชอบ
และประสบความสำเร็จในบทบาทนักแสดง “เข้ามาทั้งที ขอทำให้สุดครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉ.975

Praew Recommend

keyboard_arrow_up