คุณชายอดัม

รัก 16 ปี จากเพียงกาย ไม่จากใจ คุณชายอดัม สูญเสียแฟนสาวจากโรคมะเร็ง

account_circle
คุณชายอดัม
คุณชายอดัม

อยู่กันจนถึงช่วงเวลาของสุดท้ายในชีวิตจริงๆ สำหรับ “คุณชายอดัม เฉลิมชาตรี ยุคล” และ คุณเมย์กี้ พิชชาภา ที่โรคมะเร็งพรากเธอจากโลกนี้ไปไกลแสนไกล เหลือไว้เพียงความทรงจำให้ทุกคนได้คิดถึง

ทั้งนี้ คุณเมย์กี้ได้เสียชีวิตจากอาการป่วยจากโรคมะเร็งเต้านม โดยเธอต่อสู้กับโรคนี้มานานถึง 3 ปี โดยมีครอบครัวและเพื่อนๆ ที่รักคอยเป็นกำลังใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “คุณชายอดัม เฉลิมชาตรี ยุคล” ที่เป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญอยู่เคียงข้างไม่เคยห่าง

คุณชายอดัม

ในวันที่ครอบครัวของคุณเมย์กี้ได้ตัดสินใจว่าจะยุติการรักษา และปล่อยให้เธอไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์นั้น คุณชายอดัมได้โพสต์ว่า

วันนี้เข้ามาหาเมย์กี้ได้ในที่สุดและใช้โอกาสโทรหาคนใกล้ชิด เพื่อนๆ ญาติพี่น้อง ให้มากล่าวอำลากัน ส่วนผมก็คงจะอยู่เป็นเพื่อนเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเป็นพ่อหม้ายนั่นแหล่ะครับ
เขาบอกกับผมเสมอว่าอยากได้จรวดแบบตอนจบ Goodbye Lenin ก็เลยขอให้พี่ป๊อบทำให้สำหรับเอาอัฐิไปใส่แล้วยิงจรวดที่ทะเลซักแห่ง เราคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งตลอดช่วงชีวิตว่า วันนี้ที่มาถึงจะเป็นยังไง แต่ถึงเวลาจริงมันก็หนักแหล่ะครับ หนักเราทั้งคู่แหล่ะ ….แต่เราก็หนักกันมา 15 ปีแล้ว
ปีที่ 16 มีฉันหนักคนเดียวแทนสินะ
แฟน คุณชายอดัม

ทั้งนี้คุณเมย์กี้ได้ทำเพจ มะเร็ง เพื่อนใหม่ อวัยวะชิ้นที่33 เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้ป่วยมะเร็ง, ใครที่เริ่มป่วย และคนที่สนใจโรคมะเร็งเต้านมนี้ โดยเธอได้โพสต์อัพเดตเกี่ยวกับอาการป่วย และวิธีการรักษาต่างๆ โดยมีตอนหนึ่งที่คุณเมย์กี้ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นโรคมะเร็งนี้ว่า

ร่องรอยจากการสู้มะเร็งครั้งที่1
– แผลยาวตรงรักแร้ถึงกลางเต้าได้จากไหน-
คุณเมย์กี้ แฟน คุณชายอดัม
เจอกันครั้งแรกครั้งนั้นเมื่อ 3ปีที่แล้ว
ประมาณสิงหาปี 60 ไม่มีอาการใดๆ ที่บอกมีปวด มีน้ำเหลืองไหล อะไรทำนองนี้ไม่เคยมีเข้ามาในสารระบบ ยังออกกองลุยแดดเกือบ 50องศาแบบชิลๆ พอเข้าเดือนกันยาเริ่มรู้สึกว่าคงใช่แล้วหละมั้ง เต้านมที่มีอาการคัดเป็นก้อนๆ เป็นปกติของผู้หญิงที่มีประจำเดือน อาการคัดนั้นเริ่มหายไป เจ้ามะเร็งเริ่มโผล่ตัวมาให้จับได้ เป็นคนชอบศึกษาเรื่องอาการเจ็บป่วยเพราะเอาไว้ดูแลคนรอบตัว ก็จะรู้ว่าถ้าจับไปแล้วเป็นกลมๆ ดิ้นไปมาได้เหมือนถุงน้ำนั่นคือซีสต์ แต่เมื่อไหร่จับแล้วขรุขระแข็งๆ เหมือนก้อนหินแห้งๆ นั่นคือให้สงสัยว่าเป็นเนื้อร้าย …
กลับจากออกกองที่กาญจนบุรี 5 วัน ไม่รู้อะไรดลใจให้นัดหมอเข้าไปตรวจ พี่เจี๊ยบที่อยู่ด้วยกันเมื่อ 5 วันที่ช่วยกันจับเจ้าก้อน ก็ดลใจไล่ให้ไปตรวจอีกทาง ตอนเจอหมอ หมอยังไม่คิดว่าจะเป็นอะไร ให้อัลตราซาวด์เบื้องต้นก่อน พอออกจากห้องอัลตราซาวด์เท่านั้นแหละ คุณหมอส่งไปห้องแมมโมแกรมต่อ เท่านั้นก็รู้เรื่อง พอมาเจอหน้าคุณหมอ คุณหมอหน้าไม่ค่อยดี บอกให้ชวนญาติเข้ามาฟังผลด้วย คงจะกลัวเราไม่ไหว บรรยากาศเหมือนเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลี ก็ชวนอดัมเข้ามา นั่งฟังอย่างตั้งใจ คุณหมอก็พยายามหาคำพูดที่ดีต่อใจที่สุด เราสองคนเองไม่อยากให้คุณหมอลำบากใจ เลยบอกว่า
“คุณหมอพูดมาได้เลยค่ะ เป็นขนาดไหน ต้องทำอะไรต่อ พวกหนูโอเค เป็นก็รักษาตามอาการได้เลยค่ะ” ออกมาจาก รพ. วันนั้น มีโอกาสที่โชคดีมากๆจากการที่อดัมไปช่วยงานศูนย์มะเร็งเต้านมที่หนึ่ง เลยได้ย้ายไปรักษาตัวในมือทีม อ.หมอ ที่เก่งและดูแลดีมากๆ …
มะเร็งครั้งนั้นไม่เล็กไม่ใหญ่
คุณเมย์กี้ แฟน คุณชายอดัม
แต่อยู่ในขั้นลุกลาม เลยได้เคลมประกันโรคร้ายที่ทำไว้พอดี ตามเงื่อนไขประกันในยุคนั้น มะเร็งอยู่ที่ตรงกลางหลังจุกเต้านมซ้าย 2.8 เซ็น ต่อมน้ำเหลือง 2ต่อม แผนรอบแรกคือผ่าตัดเต้านมออก ช่วง ตุลา60 สงวนไว้ไม่ได้เพราะอยู่ในตำแหน่งที่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ อ.หมอ เป็นห่วงความเป็นอยู่ของคนไข้ที่เป็นผู้หญิงมากๆๆ พยายามหาทางให้สภาพร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่เคสเรานั้นทำไม่ได้ เลยคว้านออกไปทั้งหมด เอาต่อมน้ำเหลืองออก 30 ต่อมเพื่อความปลอดภัย แผลก็เป็นตามในรูป จากรักแร้เป็นแนวยาวไปจนถึงกลางอก แต่อ.หมอ มือนิ่งและดีมากค่ะ แผลไม่เป็นตะขาบ เรียบเนียน อ.หมอ ผ่าแบบเหลือเนินอกตรงกลางซึ่งมีอันน้อยนิดอยู่แล้ว ไว้ให้เวลาใส่ชุดราตรีจะได้ยังใส่ผ่าลึกได้ … ผ่าเสร็จวันแรก เมย์กี้เดินไปเดินมาสบายมาก เลือดที่เดรนออกมาน้อยกว่าตอนมีดบาดซะอีก ก็ไร้เต้าแบบสวยๆกันไป
หลังผ่า 1 เดือน เข้าสู่การทำคีโม
ประมาณพฤศจิกายน 60 ลำดับที่ 2 ของการรักษาคือให้ยาเคมีบำบัด ที่เราเรียกกันชินหูว่า “คีโม” แต่ละขั้นตอนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วแต่อาการของโรค ของเมย์กี้ผ่าออกแล้วค่อยมาคีโม ขั้นตอนที่หลายๆ คนกลัว บางคนก็หนีจากขั้นตอนนี้ แต่ด้วยความสาวและกำลังใจดี เราตอบตกลงรักษาครบทุกขั้นตอน เกิดมาแล้ว ร่างกายพร้อม ก็ทำให้หมด เตรียมตัวดีทุกอย่าง คนรอบข้างดูแลดีมากๆ กำลังใจดีมากๆ ทุกคนให้หยุดงานไปเลย การรับคีโมไม่ยากสำหรับเรา เพราะร่างกายพร้อม เพราะยังใหม่ ยังครั้งแรก ยังตื่นเต้นที่ได้เห็นทุกขั้นตอน แต่สิ่งที่ยากคือการหยุดงาน การฝึกจิตให้เดินหนีงานและความเครียด นี่คือยากที่สุด ถึงวันนี้ก็ยังยากอยู่ สรุปผ่านการให้คีโมมาด้วยดี แมhมีค่าเลือดตกต้องหยุดให้บ้าง แต่ผ่านมาได้ ไว้จะมาเล่ารายละเอียดให้ฟังนะคะ
หลังจบคีโม เดือนกว่าๆ เริ่มฉายแสง
คุณเมย์กี้ แฟน คุณชายอดัม
กรกฎา61 เริ่มขั้นตอนฉายแสง ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำหน้ามาก เครื่องที่เมย์กี้ได้รักษาเป็นเครื่องที่ทำร้ายร่างกายน้อยมาก รังสีมุ่งตรงไปที่เป้าอย่างแม่นยำ ฉะนั้นผลข้างเคียงก็จะน้อยลงจากเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังพอมีให้เห็นเช่นรอยดำ(สังเกตได้จากที่คอด้านหลังในรูป) รอยฝ้า หรือการขาดน้ำ(dehydrate)ระหว่างรักษา ถือว่าเป็นขั้นตอนที่รักษาง่ายที่สุด แต่ที่ทรมานที่สุดคือ ต้องฉายติดต่อกัน 25วัน ต้องฝ่ารถติดกันทุกวันเพื่อไปนั่งรอคิว 1-2ชม. ทุกวัน มันหมดแรงตรงนี้หละค่ะ
ทั้งหมดคือการรักษามะเร็งเต้านมครั้งที่1 หลังจากนั้นก็มีแค่ยากดฮอร์โมนที่ต้องกินต่อเนื่องทุกวัน แต่ … มีครั้งที่1 เลยมีครั้งที่2 หลังจากรักษารอบนั้น มะเร็งเมย์กี้ดันไม่เหมือนคนอื่น แอคทีฟเก่งมากจนทุกคนงง ไม่ถึงครึ่งปีดันกระจายไปตับและกระดูก ทั้งๆ ที่มีการติดตามอาการอยู่ตลอด ทฤษฎีที่เคยมีใช้ไม่ได้กับเมย์กี้จริงๆ หลังจากนั้นเลยเริ่มการรักษาครั้งที่2 นั่นคือปัจจุบัน ไว้จะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ปรบมือนับถือมากๆ ยาวแสนยาว ไหนๆก็ไหนๆจะบอกว่า ปัจจุบันคนอายุน้อยเริ่มเป็นมะเร็งกันมากขึ้น อย่าแตกตื่น แต่อยากให้คอยดูแลตัวเองไว้ค่ะ
1. หมั่นสังเกตร่างกายตัวเอง (แต่อย่านอย อะไรนิดหน่อยก็มะเร็งแน่เลย อันนี้จะเครียดเปล่าๆ)
2. หมั่นสังเกตอึ อุจจาระบ่งบอกสภาพร่างกายได้อีกทาง
3. กินอาหารที่มีประโยชน์หมุนเวียนไปเรื่อยๆ อันนี้สำคัญมาก อย่ากินอาหารซ้ำๆ อ.หมอ ไม่เคยห้ามเรื่องการกินเลย กินได้หมดแต่ที่ย้ำตลอดคืออย่ากินซ้ำๆ
4. ดูแลให้ร่างกายสมดุลและแข็งแรงอยู่เสมอ การแข็งแรงอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ ต้องสมดุลด้วย เราเห็นคนออกกำลังกายหนักๆหลายคนที่อยู่ดีๆก็ป่วยหนัก มีให้เห็นมาหลายเคส ฉะนั้นต้องทำแต่พอดีให้สมดุลค่ะ
5. ฝึกจิตใจให้มีสติ มีความนิ่ง เครียดให้น้อย คนในเมืองใหญ่ๆจะทำยากหน่อย แต่สู้ๆนะคะ เมย์กี้ผ่านทุกอย่างมาได้เพราะมีสติและกำลังใจ ทุกคนเลยดูว่าเมย์กี้ชิลมาก
6. ตรวจร่างกายประจำปีสม่ำเสมอ มีอะไรจะได้เอ๊ะทัน แต่แค่ตรวจประจำปีอย่างเดียวไม่พอนะคะ ต้องย้อนกลับไปข้อ1 หมั่นสังเกตตัวเอง เพราะตอนเมย์กี้เจอมะเร็ง ก่อนหน้านั้น 7 เดือนก็ไปตรวจร่างกายมา แข็งแรงดีมาก แต่ช่วงนั้น รพ. ยังไม่มีนโยบายให้คนอายุไม่ถึง 35 ตรวจแมมโมแกรม เลยไม่ได้ตรวจ แต่ปัจจุบันหลายๆรพ. ปรับระบบใหม่นะคะ เพราะช่วงหลังคนอายุน้อยเริ่มเป็นกันเยอะ
วันนี้พอแต่นี้ก่อนนะคะ ยาวเหลือเกิน ไว้จะมาเล่าใหม่ ใครอยากรู้หรือมีคำถามอะไร ทักกันมาได้นะคะ พร้อมตอบเสมอ อยากให้ทุกคนแข็งแรงและรู้ทันมะเร็งค่ะ
แพรวขอเป็นกำลังใจให้กับคุณอดัม และ ครอบคุณเมย์กี้ด้วยนะคะ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up