ลงทุนเงินเพื่อดูแลตัวเอง ดีกว่าเก็บเงินไว้รักษาตัวเองยามป่วย หรืออาจจะสายเกินไป เมื่อคิดได้เช่นนั้น เหล่าบรรดาคนดังที่เคยเจ้าเนื้อสุดๆ จึงหันมาปั้นหุ่น ฟิตร่างกายต้านโรคกันเป็นแถว มีใครบ้างไปดูกันเลย
แจ็ค-เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์
จากคนไม่เคยออกกำลังกายเลยแม้แต่นิดเดียว แล้ววันหนึ่งเมื่อต้องทำขึ้นมา แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนทำไม่ได้ เช่นเดียวกับหนุ่มแจ็คแฟนฉัน ที่ต้องฝึกบังคับตัวเองให้มีวินัยสุดๆ แน่นอนว่าช่วงแรกต้องมีอาการท้อแท้ เพราะทั้งเพลีย และเหนื่อยสุดๆ แต่แจ็คก็กัดฟันอดทนทุ่มเทให้กับการออกกำลังจนกลายเป็นนิสัย เริ่มจากตื่นมาวิ่งตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน ผสมกับเข้าฟิตเนสยกน้ำหนัก โดยมีเทรนเนอร์มาช่วยเทรนให้อย่างใกล้ชิด เน้นลดพุงเป็นหลัก ใช้เวลาเบิร์นประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า โดยตั้งธงว่าวันหนึ่งจะออกทั้งเช้า-เย็น เชื่อไหมว่าภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือนเขาสามารถรีดน้ำหนักลงได้ถึง 26 กิโลกรัม จากเดิมที่หนักถึง 125 กิโลกรัม! ทำให้เขาดีใจ และภูมิใจในตัวเองมาก แถมมีสุขภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคลอเรสเตอรอล ความดัน และเบาหวานลดลงหมด ทำให้ตอนนี้แจ็คยังคงเดินหน้าลดน้ำหนักต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
ภาพ : jackfanchan
หนูแหม่ม สุริวิภา
เป็นอีกหนึ่งคนที่หันมาใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจัง เพราะหลังจากที่หนูแหม่ม ต้องเผชิญกับอาการปวดหลังมานาน เพราะใส่รองเท้าส้นสูงทำงาน ช่วงวัยรุ่นก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็ต้องปรับสภาพ รองรับน้ำหนักไปลงที่สะโพกและที่หลัง พยายามหายามากิน แต่ก็เป็นๆ หายๆ หนูแหม่มเลยหันมาออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 5 เดือน ตอนนี้อาการปวดหลังหายเป็นปลิดทิ้ง แถมน้ำหนักยังลดลงถึง 6 กิโลกรัม จากที่เคยหนัก 82 กิโลกรัม มาตอนนี้นางลดลงเหลือ 75 กิโลกรัมแล้ว เป้าหมายคือ 70 กิโลกรัม หนูแหม่มจึงเลือกที่จะออกกำลังกายด้วยวิธีการเดิน พร้อมกับการทำเวทเทรนนิ่งเพิ่มด้วย ต้องบอกว่าร่างการคนเรามหัศจรรย์มาก มื่อไหร่ที่คุณทำมันติดต่อกัน 60 วัน มันจะจำแล้วบอกให้คุณต้องทำ ต่อไปแบบออโตเมติกทันที เพราะฉะนั้นอย่าหยุดที่จะทำ ขอเพียงมีความมุ่งมั่นและความอดทน เพราะนั่นคือความสำเร็จของการลดน้ำหนักจ้า
ภาพ : mamsurivipa
จาตุรงค์ มกจ๊ก
ปิดท้ายด้วยตลกหุ่นล่ำ ที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะอยากมีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ไม่เป็นเบาหวาน หรือไขมันอุดตัน สองคืออยากโชว์ อยากอวดหุ่นดีๆ นักแสดงตลกรุ่นเก๋าจึงหันมาฟิตหุ่นในวัย 50 ปี และกว่าจะมีซิกแพคแน่นได้ขนาดนี้ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่หลายปี ช่วงแรกๆ ก็ท้อเป็นธรรมดา เล่นแล้วไม่ได้ผล เหนื่อยแทบตาย แต่พุงยังอยู่ เพราะหักห้ามใจให้เลิกกินไม่ได้ เป็นที่มาว่าต้องมุ่งมั่นทำให้ถูกวิธี เขาจึงลงทุนจ้างเทรนเนอร์มาช่วยเทรนจริงจัง โดยต้องหาเวลา ไม่ขี้เกียจ มีวินัยอย่างเคร่งครัด ผลที่ตามมาคือเขาทำจนทุกวันนี้กลายเป็นกิจจะลักษณะ เลิกงานปุ๊บเป็นต้องบึ่งรถไปฟิตเนสทันที โดยเฉลี่ยเล่นประมาณชั่วโมงครึ่ง บางวันก็ 1 ชั่วโมง 45 นาที หรือ 2 ชั่วโมง จากที่เคยหนักสุด 76 กิโลกรัม มาตอนนี้ เหลือ 63 กิโลกรัม ทำให้ดูหนุ่มและเด็กขึ้นกว่าเดิมเป็นกองเลย
ภาพ : jaturong_p
แฟนๆ แพรวดอทคอมเห็นอย่างนี้แล้ว มีกำลังใจกันนะคะ
เรื่อง : แพรวดอทคอม