ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

ใครว่าติสต์! “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” เปิดปากตอบชัดทุกเรื่องที่สาวๆ อยากรู้

Alternative Textaccount_circle
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

สำหรับพระเอกร้อยล้าน ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ได้รับคำนิยามมามากมายเหลือเกิน พระเอกสายติสต์ สายแฟชั่น สายฮา แต่ไม่ว่าจะสายไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนเทใจให้คือ ความเป็นกันเองอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลายของเขา

ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

ชีวิตในปีที่ 38

แพรว เปิดบทสนทนากับซันนี่ด้วยคำถามถึงชีวิตที่ผ่านมาจนถึงปีที่ 38 “ผมไม่เคยตั้งเป้าหมายไกล ไม่เคยกะเกณฑ์ว่าชีวิตต้องไปในทิศทางไหน ต้องมีเงินหรือประสบความสำเร็จแค่ไหนผมไม่รู้ว่าคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ ของแต่ละคนคืออะไร ผมแค่เข้าใจตัวเอง เข้าใจความรู้สึก และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญคือผมให้คุณค่ากับทุกอย่างในชีวิตและมีสติ

“เป้าหมายชีวิตของผมจึงเป็นแบบระยะสั้นที่เกิดจากการรู้และเข้าใจว่าตัวเองอยากทำอะไร ชอบอะไร อะไรดีหรือไม่ดี แล้วก็มุ่งไปในทิศทางนั้นเลย ชีวิตผมจึงค่อนข้างลอยไปมาเหมือนขนนกแล้วแต่ว่าลมจะพาไปทางไหน แค่ว่าผมเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อในความดี คล้ายๆ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด…เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อนั่นแหละครับ (หัวเราะ)

“โดยรวมแล้วชีวิตผมมีความสุขนะ อาจเพราะไม่ค่อยทำให้ตัวเองทุกข์ บางครั้งที่เจอเรื่องผิดหวัง เสียใจ ผมจะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้นดีเสมอ และเดี๋ยวเราก็จะเจอสิ่งที่ดีกว่าตามมาเองถ้าไม่เจอเรื่องแย่แบบนั้น เราก็อาจจะไม่เจอสิ่งที่ดีกว่า (ยิ้ม)

“ที่คิดแบบนี้น่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ชีวิตแหละ ย้อนกลับไปช่วงวัยรุ่น อายุประมาณ 18 – 19 ถือเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงของชีวิต ยอมรับว่าตอนนั้นอีโก้แรง จะไม่ยอมให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับชีวิตหรือให้เรื่องไหนมาชนะเราได้ ผมจะบอกตัวเองว่า โอ้ย… เรื่องแค่นี้กระจอก ตอนนั้นหัวดื้อไง อะไรที่จะทำให้ดาวน์หรือนอยด์เราต้องเอาชนะให้ได้ และไม่ฟูมฟายเด็ดขาด! คือคิดแบบมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ

“ถ้าเรื่องอื่นๆ ผมก็เป็นวัยรุ่นปกติทั่วไป ไม่ถึงกับตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง โชคดีตรงที่ผมมีความรับผิดชอบ รู้ว่าหน้าที่คืออะไร ผมรู้ตัวเองว่าในเมื่อเราเอาแต่เล่น ไม่ชอบอ่านหนังสือ วันๆ รอให้ถึงเวลาพักเพื่อจะได้ไปเตะบอล ฉะนั้นก็จะไม่สอบเอนทรานซ์ แต่ผมรู้ว่าต้องเรียนให้จบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่โอเค เพราะถ้าทำให้เขาเสียใจ ผมจะรู้สึกไม่ดีมาก ๆ

“พอถึงวันนี้ที่วัย 38 ผมก็อินกับการใช้ชีวิต พยายามจะเอาชนะความไม่ดีทั้งหลายให้ได้ ไม่อยากเป็นคนที่เวลาเจอเรื่องไม่ดีแล้วยอมแพ้…จนกลายเป็นคนไม่ดีไปด้วย แบบว่าทำดีแล้วไม่ได้ดีงั้นแย่เลยละกัน ผมไม่ยอมเด็ดขาด อย่างเวลาสัมภาษณ์หรือตอบคำถามต่าง ๆ ผมจะพยายามไม่พาดพิงใคร เพราะไม่รู้ว่าจะทำแบบนั้นทำไม หรือถ้าใครมาว่าผม แก้ปัญหาง่ายมากเลยครับคือไม่ทำแบบเขา ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น…จบ

“ตอนนี้ผมอยากพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น คิดถึงคนอื่นให้มากขึ้นเมื่อก่อนคิดว่าอยู่ถึงอายุ 60 ก็พอใจแล้ว คงไม่มีอะไรอยากทำแล้ว แหละ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตสวยงามกว่านั้น อยากเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นให้มีชีวิตที่ดีด้วย ซึ่งหวังว่าจะทำได้ในสักวันก็เลยอยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

“ฉะนั้นถ้าถามถึงเป้าหมายจริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตให้ดีนี่แหละครับ วันนี้ผมตอบจริงจังมากเลยนะ ยังไม่เล่นสักมุกเลย” (หัวเราะพร้อมปรบมือให้ตัวเอง)

ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

“รัก” ที่สุด

“เรื่องที่รักที่สุดคงหนีไม่พ้นการเป็นนักแสดงครับ เป็นอาชีพเดียวตลอด 15 ปีที่ผมอยากทำทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ไม่เคยขี้เกียจเลย อย่างเวลาไปถ่ายโฆษณาหรือถ่ายแบบก็ไม่รู้สึกดีเท่ากับเวลาถ่ายหนังนะ ภาพยนตร์คือโลกของผม มีช่วงหนึ่งที่ผมมีปัญหาชีวิต แล้วก็คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องนั้น แต่พอถึงเวลาไปเข้าฉากผมกลายเป็นตัวละครในเรื่องได้ทันที ทำให้รู้ว่าปัญหาพวกนั้นทำอะไรเราไม่ได้สักนิด เพราะผมรักการแสดงมาก จนไม่ยอมให้ตัวเองแสดงออกมาไม่ดี

“ที่ทำได้ขนาดนี้คงเพราะผมฝึกตัวเองมาตั้งแต่สมัยเริ่มแสดงแรกๆ ด้วยนิสัยตัวเองที่ติดเล่น เวลาเจอใครก็ต้องคุยเล่นกับเขาตลอด แต่พอเวลาเข้าฉาก ผมสามารถเปลี่ยนเป็นตัวละครนั้นๆ ได้เลย แล้วพอคัตปุ๊บก็กลับมาเป็นตัวเอง ซึ่งเต๋อ (นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ – ผู้กำกับ) บอกว่า แววตาคนเราเปลี่ยนกันได้ พอสั่งคัตปุ๊บ แววตาผมเปลี่ยนกลับมาเป็นตัวเองได้เลย

“ผมมีความฝันว่าอยากเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน แต่ถ้าถามว่าการแสดงของตัวเองพัฒนาไปขนาดไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแค่คิดว่าถ้าทำเป็นอาชีพมากว่า 10 ปีได้ก็ต้องดีขึ้นบ้างแหละ ถ้าแย่ลงก็อาจจะต้องเลิกไปทำอย่างอื่นแล้ว (หัวเราะ) ถ้าให้สังเกตตัวเอง ผมรู้สึกว่าเข้าใจเรื่องการแสดงมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนเวลาเจอบทใหม่ ๆ จะกลัวว่าเราจะทำได้ดีไหมจะไปเป็นตัวถ่วงใครหรือเปล่า แต่พอทำงานนานขึ้น ผมได้เรียนรู้ว่าถ้าเป็นตัวละครไม่มีอะไรผิดหรอก ทำไปเลย คัตก็เอาใหม่ พูดผิดก็พูดใหม่ เหมือนในชีวิตจริงที่เราพูดผิดๆ ถูกๆ ได้เป็นเรื่องธรรมชาติ ดังนั้นผมจึงรักทุกบทบาทของการแสดงไม่มีตัวละครที่ชอบที่สุด เพราะทุกบทที่เล่นคือช่วงชีวิตหนึ่งของผมตอนนั้นจริงๆ อย่างตอนนี้ผมก็ไม่สามารถย้อนกลับไปมีแววตาเหมือนตอนเป็นไข่ย้อยในเรื่อง เพื่อนสนิท ได้แล้ว เพราะผมผ่านประสบการณ์มามากขึ้น มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว”

ไม่ได้ “ติสต์” แค่ชัดเจน

หลายคนชอบบอกว่าซันนี่ติสต์ เข้าถึงยาก ซึ่งเขาขอแย้งว่าไม่จริง “ได้ยินหลายคนบอกว่าผมติสต์ พูดไม่รู้เรื่อง แต่ผมว่าตัวเองปกตินะ ถ้าเทียบกับตอนอายุ 20 คนที่รู้จักกันดีบอกว่าผมพูดรู้เรื่องขึ้นเยอะแล้ว (หัวเราะ) เมื่อก่อนเวลาออกงานจะโดนทีมพีอาร์โจมตีว่าซันนี่จะพูดรู้เรื่องไหม เขาจะขอร้องให้ผมพูดจาดีๆ ทุกครั้ง ตอนนี้พูดแต่ละครั้งจึงกินใจมาก (หัวเราะ)

“ข้อเสียจริงๆ ของผมจึงไม่ใช่เรื่องติสต์ แต่เป็นการเอาแต่ใจตัวเอง เพราะเพื่อนชอบตามใจ (หัวเราะ) อาจเพราะผมทำเฉพาะเรื่องของตัวเอง ไม่ได้ไปบังคับใคร สมมติว่าเพื่อนจะไปดูหนังกัน 6 – 7 คน แต่ผมไม่อยากดู ก็บอกว่าเดี๋ยวเดินเล่นรอ เพื่อนก็จะแบบเอาไงดี ต้องแก้สถานการณ์เพื่อผม (หัวเราะ) จึงทำให้คนมองว่าผมติสต์มั้ง ส่วนข้อดีเหรอ…น่าจะเป็นมองโลกในแง่ดี เพราะไม่รู้จะมองลบไปทำไม ไม่ช่วยอะไรเลย สมมติอยู่ในกองถ่าย การโมโหหรือเครียดไม่ช่วยให้คุณแสดงดีขึ้นนะ แต่ถ้าแฮ็ปปี้เราจะแสดงดีเอง

“คิดว่าตอนแก่ผมก็ยังคงเป็นแบบนี้แหละ น่าจะยังต๊องๆ เหมือนเดิมอาจจะช้าลงหรือนิ่งขึ้น แต่ถ้าว่ากันเรื่องความหล่อ มีแต่คนบอกว่าผมหล่อขึ้นทุกวันนะ (ทำเสียงเท่) นี่ยังงงอยู่เลยว่าเมื่อก่อนไม่หล่อเหรอ” (หัวเราะ)ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

ซันนี่สไตล์

“ผมเป็นเหมือนเดิมมาตลอดครับ ไม่ค่อยสนใจอะไร กินเละเทะทุกอย่างเพราะชอบกินมาก ซึ่งตั้งแต่เล่นเรื่อง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ผมคิดว่าการมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่กินอะไรอร่อยๆ จะอยู่ทำไม (หัวเราะ) แต่ก็พยายามรักษาสุขภาพด้วย กินแล้วก็ต้องแบ่งเวลาไปออกกำลังกายควบคู่กันไป

“ผมใช้วิธีเดินบนลู่ในฟิตเนสบ้าง แต่อะไรก็ไม่เวิร์คเท่าการไปต่างประเทศแล้วช็อปปิ้ง (หัวเราะ) เพราะผมสายช็อปอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ซื้อเสื้อผ้ากับโมเดลการ์ตูน เดินได้ทั้งวัน เวลาไปเที่ยวกลับมาผอมเพรียวทุกครั้ง ก็เลยเป็นข้ออ้างขอผู้จัดการไปเที่ยว บอกว่ากลับมาแล้วหุ่นดีเลยนะ (หัวเราะ)

“กับผมมีฝันว่าอยากไปเที่ยวรอบโลก อยากไปในที่ที่ไม่เคยไป อย่างตอนนี้อยากไปอเมริกาใต้ ซึ่งช่วงที่จะทำรายการ The Sun Hunter ซีซั่นหน้าผมแพลนไปอเมริกาใต้ ซึ่งทุกคนบอกว่าจะไม่ตายใช่ไหม (หัวเราะ) เข้าใจว่าเมืองค่อนข้างอันตราย ก็เลยเตรียมตั้งชื่อว่าซันฮันเตอร์เอกซ์ตรีม แบบขึ้นบนเขากระโดดลงมา โหด ๆ ไปเลย (หัวเราะ) แต่ก็ยังไม่ได้คิวจะไปถ่ายนะครับ รออยู่ (หัวเราะ)

“ส่วนชีวิตผมในแต่ละวันค่อนข้างเรียบง่ายนะ ถ้าวันไหนว่างก็นั่งเรื่อยๆ หิวก็กิน คิดอะไรออกก็ค่อยทำ ไม่ได้มองว่าไร้สาระหรือเป็นคนไม่เอาไหนนะเพราะเวลาทำงานเราก็ทำเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เวลาพักก็พักเต็มที่เหมือนกัน”ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

ความรัก…ใช้เหตุผลไม่ได้

ขยับมาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้และพยายามหาคำตอบจากเขาอยู่ตลอดนั่นก็คือ เรื่องความรัก “ผมไม่ได้กำหนดว่าต้องมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ แต่งงานตอนไหน เพราะความรักเป็นสิ่งที่ดี สวยงาม เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เจอใครที่ถูกใจเท่านั้นเอง และเรื่องแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมคนเดียว ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายเขารู้สึกอย่างไรกับเราตอนนี้ก็เลยยังเรื่อย ๆ อยู่ครับ ซึ่งผมไม่ได้ใช้คำว่ารอนะ แล้วก็จะไม่ฝืนไปยุ่งกับคนที่ไม่ใช่ด้วย

“ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าผมไม่แมน เพราะไม่เปิดตัวว่าคุยกับใคร แต่ผมว่า…ผมปกป้องเขาอยู่นะ ไม่อยากให้เขาโดนมองไม่ดี ไม่อยากให้ใครพูดถึงเขาว่าคนนี้เคยเป็นอย่างนี้อย่างนั้น เพราะเราไม่รู้ว่าจะแยกกันเมื่อไหร่ จริงไหม แต่กลายเป็นว่าผมไม่แมน เพราะว่าผมไม่บอกเรื่องตัวเองกับคนที่อยากรู้แค่นั้นเอง (ยิ้ม)

“ผมไม่มีสเป็ค ผู้หญิงที่ทำให้แพ้ทางได้น่าจะเป็นคนจริงใจ นิสัยดี น่ารัก เวลาที่เขาทำอะไรก็ทำให้เรายิ้มได้หมดเลย ซึ่งตอบเป็นข้อๆ ไม่ได้ ต้องเจอแล้วจะรู้สึกเอง (ยิ้ม) ซึ่งตอนนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาเลย ก็ไม่รู้ว่าทำไม (หัวเราะ)

“เพราะชีวิตผม ผมทำตามความรู้สึกทุกอย่าง ไม่เคยคิดด้วยหลักเหตุและผลเลย เพราะพวกนั้นมันผิดพลาดได้ แต่ความรู้สึกไม่มีผิดนะ สมมติว่าเราเลือกอยู่กับคนนี้เพราะว่าองค์ประกอบอย่างนู้นอย่างนี้ ผมว่าผิดพลาดแน่นอนเพราะโลกแกล้งเราอยู่แล้วครับ แม้จะวางแผนไว้แล้วก็ตาม แต่ถ้าใช้ความรู้สึกต่อให้พลาด คุณก็ทำมันอยู่ดีจริงไหม ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้ง คุณก็จะทำอยู่ดี… เพราะคุณรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”

ความจริงใจ = ความโรแมนติก

และเมื่อถามซันนี่ว่าคิดว่าตัวเองอบอุ่นไหม เขาก็ตอบแบบขำๆ ปนเขินว่า “นอกจากชื่อซันนี่ ในตัวผมก็ไม่น่าจะมีอะไรอบอุ่นหรอก (หัวเราะ) คนที่จะรู้ว่าผมอบอุ่นหรือเปล่าน่าจะต้องเป็นแฟนผมนะ (ยิ้ม)

“แต่ถ้าถามมุมโรแมนติก ผมว่าน่าจะเป็นความจริงใจที่มีให้กันมากกว่า ผมแทบจะไม่ทำเซอร์ไพร้ส์เลยนะ เพราะดูจงใจไป เหมือนพยายามทำดีเพื่อให้ได้ อะไรจากเขา ซึ่งผมเป็นแนวมาดื้อๆ ทำดื้อๆ คือถ้ารู้สึกอะไรก็บอกเลย ซึ่งถ้าผมรู้สึกดีกับใครก็อยากทำให้เขาตลอด เพราะไม่ได้ทำเพื่อหวังอะไรและไม่ได้ฝืนตัวเอง

“ในอนาคตผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นแฟนแบบไหน แค่อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนที่นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ ก็จะลดน้อยลง สัญญา” (ยิ้ม)


 

ที่มา : นิตยสารแพรว

Praew Recommend

keyboard_arrow_up