จากจำนวนแฟนคลับ รางวัลที่ได้รับ รวมไปถึงสถิติที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ทำให้ “เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร” ขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยอย่างไร้ข้อสงสัย ไม่เพียงผลงานทั้งการร้องและเต้นที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถ แต่ยังมีความน่ารักมุ้งมิ้งแบบไม่อั้นของเขาที่ทำให้แฟนๆ ต่างเทความรักให้ผู้ชายคนนี้แบบหมดหัวใจ และนี่คือไทม์ไลน์เส้นทางสู่การเป็นซุป’ตาร์ของผู้ชายน่ารักคนนี้
พ.ศ. 2544
เป็นพิธีกรรายการดิสนีย์คลับ และได้พากย์เสียงภาษาไทยในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ พากย์เป็นเพอร์ซี่ วีสลีย์
“ผมมีความพยายามมาตั้งแต่เด็ก ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้นที่เริ่มเป็นศิลปินฝึกหัดที่แกรมมี่ ช่วงนั้นเหนื่อยมาก ทุกวันหลังเลิกเรียนจะนั่งแท็กซี่จากบ้านที่สุขาภิบาล 3 ไปถนนอโศก เพื่อซ้อมร้อง ซ้อมเต้น บางวันกว่าจะถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน ผมใช้ชีวิตแบบนั้นประมาณ 7-8 ปี กว่าจะได้ออกซิงเกิ้ลแรก แต่ความเหนื่อยตรงนั้นมีประโยชน์มาก เพราะทำให้เห็นว่ากว่าจะได้เป็นนักร้องไม่ใช่เรื่องง่าย และเมื่อทำได้ก้าวหนึ่งแล้ว ถ้าวันข้างหน้าเจอปัญหา แล้วทำไมเราจะไม่สู้ต่อล่ะ ถ้ายอมแพ้แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ในเมื่อลุยมาถึงขนาดนี้แล้ว”
พ.ศ. 2545
เข้าเป็นศิลปินฝึกหัดที่แกรมมี่ประมาณ 7 ปี จากนั้นจึงเดบิวต์ในฐานะสมาชิกวง G-BOYZ
“หนึ่งเหตุการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม คงเป็นวันที่เซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดกับแกรมมี่ เป็นเวลาหลายปีมากๆ ที่เราอยู่ตรงนั้น โดยไม่มีเงินเดือนนะครับ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่มีค่า เป็นเหมือนช่วงเวลาที่หล่อหลอมและค้นหาตัวเองขึ้นมาว่าเราอยากเป็นนักร้องสไตล์ไหน พอพูดเรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงตัวเองในวันนั้นว่า ไอ้เด็กคนนี้สู้จังเลย สู้ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้ออกอัลบั้มเป็นนักร้องหรือเปล่า ถ้าบอกตัวเองในวันนั้นได้ก็คงพูดว่าแกก็มีความพยายามดีเหมือนกันนะ”
พ.ศ. 2548
ออกซิงเกิ้ลเพลง “ไม่มีใครรู้” ถือเป็นเพลงแจ้งเกิดในวงการเพลงของเป๊ก
“ผมยังจำครั้งแรกที่ขึ้นเวทีในฐานะนักร้องได้ ตอนนั้นไปร้องเพลง ไม่มีใครรู้ ที่มหาวิทยาลัยแถวถนนพัฒนาการ จำความรู้สึกได้ว่าตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนเวที คนจะงงไหมว่าเราคือใคร เขาจะชอบเพลงหรือเปล่า แล้วเราจะพูดอะไรกับเขาดี”
พ.ศ. 2560
เข้าแข่งขันในรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ซีซั่นที่ 1 ในนาม “หน้ากากจิงโจ้” และเป็นผู้ชนะของกรุ๊ป D ซึ่งรายการนี้ทำให้กระแสของหน้ากากจิงโจ้และเป๊ก-ผลิตโชค เป็นที่พูดถึงอย่างมาก มีแฟนคลับติดตามจนเกิดเป็นชื่อเรียกแฟนๆ ว่า “นุช”
“หลังจากถอดหน้ากากจิงโจ้ จริงๆ ชีวิตผมไม่ได้ต่างไปจากเดิมมาก คงมีแต่เรื่องที่มีคนสนใจมากขึ้น แต่ผมพยายามใช้ชีวิตแบบเดิม เพราะไม่ได้อยากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ยังอยากร้องเพลงและทำสิ่งที่ตัวเองชอบเหมือนเดิม จึงไม่ได้เครียดกับกระแสที่พุ่งเข้ามา น่าจะเป็นความรู้สึกประหลาดใจมากกว่า เพราะว่าเมื่อ 4-5 เดือนก่อนแข่งรายการ The Mask Singer เพิ่งมีคนติดตามในอินสตาแกรมแค่ 25,000 คน แต่จู่ๆ มาจากไหนไม่รู้ กลายเป็น 1 ล้าน ช่วงแรกๆ ผมถึงให้สัมภาษณ์ว่าเป็นมือใหม่หัดดัง เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีแฟนคลับมากขนาดนี้ ไม่เคยมีคนเยอะๆ มาเฝ้ารอตามสถานที่ต่างๆ ผ่านไปสักพักจึงเริ่มรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรมากนะครับ แค่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาก็พอแล้ว เพราะผมมีแฟนคลับที่ค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่เด็กน้อยจนถึงรุ่นคุณย่า ผมจึงคิดว่าเขาน่าจะคาดหวังสิ่งที่ดีจากผม”
ออกซิงเกิ้ลเพลง “โทษที่เอาแต่ใจ (Sorry)” ขึ้นอันดับ 1 THAILAND MUSIC CHART SEP 2017
รางวัล MTV Fan Picks 20 (MTV ASIA) : Favorite Asian Music Videos Of 2017 และมียอดดาวน์โหลดใน iTunes ประจำสัปดาห์สูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2017
เพลง “นี่แหละความรัก (This is Love)” กับค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ขึ้นอันดับ 1 THAILAND MUSIC CHART MAR 2018
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเหลือเชื่อเหมือนกันนะ อย่างการเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ผมจำไม่ได้เลยว่าก่อนจะได้เล่นคอนเสิร์ต The Mask Singer 2 คือคอนเสิร์ตอะไร เพราะนานมากแล้ว เท่าที่นึกออกน่าจะเป็นคอนเสิร์ตเป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ หลังจากนั้นกระแสของผมก็แผ่วยาว แต่จริงๆ ผมไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเล่นคอนเสิร์ตที่มีคนเยอะๆ เท่านั้น เพราะช่วงที่กระแสเงียบก็เคยไปงานที่มีคนดูแค่ 20 คน แต่สนุกมาก เพราะผมรอคอยที่จะร้องเพลงให้ทุกคนฟังตลอด จะคอนเสิร์ตเล็กหรือใหญ่จึงไม่สำคัญ”
พ.ศ. 2561
ออกซิงเกิ้ลเพลง “First Lady” ขึ้นอันดับ 1 THAILAND MUSIC CHART JUN 2018
คอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองครั้งแรกในชื่อ Peck Palitchoke First Date Concert โดยสร้างสถิติขายบัตรหมดทั้ง 3 รอบอย่างรวดเร็ว
“สมัยก่อนมีงานจ้างหนึ่งครั้งผมก็แฮ็ปปี้แล้ว ครั้งนั้นเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ 3 รอบติด ทุกคนมาเชียร์กันสุดพลัง แล้วแฟนๆ ยังทำโปรเจ็กต์ให้เหมือนวัฒนธรรมของต่างประเทศ คือเวลาศิลปินร้องเพลงจะมีการแปรอักษร ตะโกนชื่อนักร้องหรือตะโกนบอกรัก เขาไปนัดแนะจังหวะกันเอง เป็นการเปิดสไตล์ใหม่ให้วงการเพลงไทย เพราะจริงๆ วงการเพลงบ้านเราซบเซามาสักพัก แต่แฟนคลับทำให้ทุกอย่างฟื้นขึ้น ผมสนุกและประทับใจมาก”
ออกซิงเกิ้ลเพลง “I’m OK” ได้รับรางวัล LINE TV AWARDS 2019 สาขา “LINE TV BEST SONG”
ออกซิงเกิ้ลเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกในชีวิต ชื่อว่า “Nobody Like You” ร่วมกับ Hollaphonic
“กว่าจะมาถึงวันนี้ ถ้านับตามจำนวนเพลงที่ออกมา นั่นเท่ากับจำนวนครั้งที่ผมบอกตัวเองว่าเอาใหม่เว้ย จนทางค่ายก็อาจคิดว่าจะเอาอีกแล้วหรือ คือผมต้องไปขอให้ช่วยออกเพลงให้หน่อย เขาก็แบบแพลนเต็มแล้วไม่มีเวลา อาจต้องปีหน้านะ แต่เราทำไปก่อน พอมีเวลาเมื่อไหร่ก็…พี่ช่วยหน่อยนะครับ (ทำเสียงอ้อน) แต่ผมจะไม่ได้เป็นศิลปินที่ได้โปรโมตแบบท็อปฟอร์ม อาจมีเฉพาะทางยูทูบ ไม่ค่อยได้ไปรายการใหญ่ๆ เท่าไหร่”
พ.ศ. 2562
ออกซิงเกิ้ลพิเศษเพลง “YOU ARE REAL”
ออกซิงเกิ้ลพิเศษเพลง “ไม่อยากให้กลับ” ร่วมกับ Hollaphonic
“เราได้เก็บประสบการณ์หลายๆ อย่างจากการร่วมงานกันมาใช้ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีของผม ทางทีม Hollaphonic ส่งมาให้เลือกอยู่หลายเพลง หลังจากเพลง Nobody Like You เป๊กชอบเพลงนี้ เพราะมีความใหม่ เป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในแบบที่เราสนใจ จึงจัดมาให้ต่อเนื่องอีกเพลงครับ”
คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ในชื่อ “PECK PALITCHOKE Concert #2 : LOVE IN SPACE” ทุบสถิติการขายบัตรทั้ง 3 รอบหมดภายใน 5 นาที (รอบละ 5,000 ใบ รวม 15,000 ใบ) โดยมีแฟนๆ ไปค้างคืนรอซื้อบัตรล่วงหน้า 4-5 คืน
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 945
ภาพ : @peckpalit