เพชรแท้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถเปล่งประกายงดงามออกมาได้อย่างเจิดจรัสเสมอ เช่นเดียวกับฝีมือการแสดงของ เฟรช อริศรา วงษ์ชาลี ไม่ว่าเธอจะสวมบทบาทไหน เธอก็ยังสามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
เพชรแท้ที่เปล่งประกาย
ไม่ง่ายเลยที่นักแสดงหนึ่งคนจะมีผลงานตราตรึงและประทับใจผู้ชม เพราะนอกจากบทต้องส่งเสริมแล้ว พวกเขายังต้องแสดงฝีมือให้เปล่งประกายออกมาอีกด้วย และหากไม่ใช่นักแสดงนำ หรือพระเอก-นางเอกก็ยากที่ผู้ชมจะมองเห็นได้ง่ายๆ แต่อย่างที่หลายคนบอก เพชรแท้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถเปล่งประกายงดงามออกมาได้อย่างเจิดจรัสเสมอ เช่นเดียวกับฝีมือการแสดงของนักแสดงสาวเจ้าบทบาท เฟรช อริศรา วงษ์ชาลี
เส้นทางในวงการบันเทิงของเฟรช
“คือต้องขอบคุณเพื่อน ตอนนั้นเพื่อนชวนไปสมัครเป็นนั
ผลงานที่ตราตรึงใจผู้ชม
ผลงานชิ้นแรกของ”เฟรช” คือการถ่ายโฆษณาของเครือข่าย “เวิลด์โฟน 1800” โดยผลงานนี้ยังเข้าตากรรมการอย่างผู้กำกับ “ตู่-นพพล โกมารชุน”ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการแสดงของเธอ โดยผลงานชิ้นที่ตราตรึงใจผู้ชมมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง “1+1 เป็นสูญ (Nothing to Lose)” ผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรกที่ “เฟรช”ได้ร่วมงานกับผู้กำกับดัง “แดนนี่ แปง” ทั้งยังได้รับรางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จากเวที “รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 12”
ไม่ใช่แค่ผลงานจอเงินเท่านั้น แต่เธอยังได้รับการชื่นชมในการเล่นละครจอแก้ว โดยผลงานของเธอมีมากมาย แต่ที่โดดเด่นก็คือ “เหยื่ออารมณ์” ซึ่งเธอรับบทเป็น “เอื้อย” สาววัยใสที่ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนจนตั้งครรภ์ กระทั่งจิตหลุดและลงมือฆ่าคนตาย ซึ่งนับเป็นบทที่ท้าทายเธอมากๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “เก็บแผ่นดิน”, “รักแปดพันเก้า”, “คือหัตถาครองพิภพ” , “ล่า” รวมถึงเรื่อง “นาคี” ที่เธอรับบทเป็น “คำปอง” ซึ่งผลงานนี้ยังส่งให้เธอคว้ารางวัล “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” จาก 2 เวทีใหญ่ “โทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 31” และ “นาฏราช ครั้งที่ 8”
มีละครออกอากาศ 7 วันรวด
“เฟรช”ไม่เคยห่างหายจากงานแสดงเลย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 42 ปี ของเธอ เรียกว่าเป็นยุคทองสุดๆ และได้ฉายา “เฟรช 7 วัน” จากผลงานแสดงที่ออนแอร์ติดต่อกันตลอดสัปดาห์ วันจันทร์-วันอังคาร ละครเรื่อง”กรงกรรม”, วันพุธ-วันพฤหัสบดี ละครเรื่อง “มายาเร้นรัก”และ “รักจังเอย” รวมถึง วันศุกร์-วันอาทิตย์ ละครเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด2” ซึ่งทุกๆ เรื่อง “เฟรช” ได้รับบทบาทที่แตกต่างกันออกไป
อีติ๋มตัวละครที่เต็มไปด้วยสีสัน
ดูเหมือนว่าหนึ่งบทบาทที่โดดเด่นที่สุดในปี 2019 ก็คือ “อีติ๋ม” โสเภณีสุดแซบในละครเรื่อง “กรงกรรม” โดยนักแสดงสาวได้พูดถึงตัวละครนี้ว่า เป็นบทบาทที่ท้าทาย เพราะเป็นการพลิกบทบาทจากบทของ “คำปอง” ในละครเรื่อง “นาคี” ที่เธอได้แสดงกับช่อง 3 ไปก่อนหน้านี้
“รู้สึกเป็นบทบาทที่ท้ายทาย “ติ๋ม” คือตัวละครนี้มีปมจากการกระทำของ “ย้อย” ซึ่งทำให้ครอบครัวของ “ติ๋ม”บ้านแตกสาแหรกขาด ตัวติ๋มก็เลยกลับมาแก้แค้น ซึ่งการพลิกบทบาทในครั้งนี้เราก็เต็มใจที่จะเปลี่ยน ซึ่งตัวเราเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่า เราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
นักแสดงที่ไม่เคยยึดติดกับบทบาทที่ได้รับ
ในรายการ “คุยแซบโชว์” ดาราสาวเจ้าบทบาทได้เปิดใจถึงการรับงานแสดงโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นบทแม่หรือบทโสเภณีไว้ว่าชีวิตคนเราไม่ได้มีอะไรถูกใจเราไปทุกอย่าง แต่เราเลือกที่จะเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้มากกว่า
“ถ้าเรารอบทจากเพื่อน, น้า หรือพี่ที่รู้จักกันในวงการ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีบทอะไรให้เราได้เล่นมากแค่ไหน แต่ถ้าสมมติเขามั่นใจว่าเราเล่นได้เราก็จะรับไว้ เฟรชมองว่าชีวิตคนเราไม่ได้มีอะไรถูกใจเราไปทุกอย่าง แต่เราเลือกที่จะเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้มากกว่า”
“ถามว่ากลัวไหมว่าคนจะติดภาพกับบทบาทที่แสดง คือจากที่ได้สัมผัสตอนแรกก็กังวลเหมือนกันตอนที่รับบทแม่ว่าเราอาจต้องเล่นบทนี้ไปตลอด แต่กลายเป็นว่าเรากลับได้รับบทที่หลากหลาย และท้าทายเพราะบางอย่างเราก็ไม่เคยสัมผัสกับชีวิตเรามาก่อน อย่างในเรื่อง “ล่า” ที่รับบทเป็นทนายความของ “พี่หมิว” (ลลิตา ปัญโญภาส) เป็นการเล่นละครที่บทยาวมากประมาณ 3 หน้ากระดาษ ซึ่งเฟรชถึงขั้นต้องปิดห้องซ้อมที่บ้านเลย”
คำดูถูกในวันนั้นกลายเป็นแรงผลักดันในวันนี้
ถึงแม้ทุกวันนี้เฟรชจะถูกชื่นชมว่าเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท แต่ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าเฟรชเคยโดนนักแสดงหญิงคนหนึ่งดูถูกเกี่ยวกับการแสดงของเธอด้วย
“นานมาแล้วเป็นช่วงแรกๆ ที่เฟชรเข้าวงการบันเทิง ตอนนั้นเป็นนักแสดงใหม่อาจจะทำอะไรไม่ถูกใจใครบ้าง ก็ไม่ได้เจตนาและไม่ได้ตั้งใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่แน่ใจว่ามาจากความที่เขาไม่ชอบเราหรือเปล่า คือไปแสดงเรื่องหนึ่งแล้ววันนั้นเราเทคบ่อย ซึ่งตอนที่ไม่มีคนอยู่นักแสดงคนนี้ก็เดินเข้ามาหาและบอกกับเราว่า “เมื่อกี้ทำอะไร เล่นไม่เป็นเหรอ?” เราอาจจะไปทำให้เขาเสียเวลาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้นที่ได้ยินคำนี้ทำให้เราช็อคขาอ่อน และเราก็แอบไปร้องไห้ แต่พอคิดได้ก็ลุกขึ้น เรารู้สึกว่าต้องทำให้ดีให้ได้”
เมื่อมีโอกาสต้องทำจนสุดความสามารถ
“แม้จะโดนตำหนิขนาดนั้น แต่เราก็ไม่เคยคิดจะออกจากวงการบันเทิง เพราะในเมื่อเรามีโอกาสเข้ามาแล้ว เราควรจะลองทำสิ่งที่เราตั้งใจให้สุดความสามารถ คนรอบข้างเราก็คอยช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็น “อาตู่” (นพพล โกมารชุน) หรือ “คุณยาย” (ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ) ดังนั้นหัวใจของเราก็เลยแข็งแรง
อ่านต่อ “เรื่องราวของเฟรชในวัยเด็ก” ที่หน้า 2