อวสานละครเลือดข้นคนจาง ปิดฉากจับใจคนดู “แหม่ม คัทลียา” พิสูจน์ฝีมือ! ไม่ใช่แค่เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง แต่เธอคือนักแสดงมืออาชีพ
ลาจอไปเรียบร้อยแล้วสำหรับละครเรื่องเลือดข้นคนจาง ที่ปิดฉากไปอย่างจับใจคนดู กับบทสรุปที่ทำให้ผู้ชมปาดน้ำตา ซึ่งหนึ่งในตัวละครสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “ภัสสร” ซึ่งรับบทโดย “แหม่ม คัทลียา” ผู้กุมความลับของตระกูลจิระอนันต์
สำหรับเรื่องนี้พี่แหม่มต้องเข้าฉากร้องไห้เยอะมาก จากเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากทะเลาะกับประเสริฐ, อาม่าคิดว่าเธอเป็นคนฆ่าพี่ชาย, ลูกชายคนเล็กโดนจับติดคุก กระทั่งฉากสุดท้ายที่สารภาพผิดกับพี่ชายตัวเองที่อยู่ในคุก ทำผู้ชมน้ำตาร่วงกันเป็นแถว เชื่อว่า 31 ปีในวงการบันเทิงพิสูจน์แล้วว่าฝีมือการแสดงระดับมืออาชีพของเธอ ไม่ได้เป็นรองเรื่องความสวยที่ถูกจัดว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงเลย วันนี้ แพรวดอทคอม จะพาไปพูดคุยกับเธอกันค่ะ
ตกลงใจรับบทนี้ทันทีทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นบท
เป็นที่ทราบดีว่านอกจากการเป็นนักแสดงแล้ว หน้าที่หลักอีกอย่างหนึ่งของพี่แหม่มก็คือการเป็นแม่ โดยที่ผ่านมาพี่แหม่มไม่รับงานละครติดกัน ด้วยกลัวว่าจะไม่มีเวลาดูแลลูกๆ แต่สำหรับเรื่องนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะเธอยอมรับงานละครเรื่องนี้ ทั้งที่ยังถ่ายละครอีกเรื่องหนึ่งยังไม่เสร็จ ด้วยเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวคือ อยากร่วมงานกับ “พี่ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์”
“ตอนนั้นพี่ยังถ่ายวิมานจอเงินอยู่ยังไม่เสร็จ แล้วปรากฏว่าทางพี่ย้งติดต่อมาก็รับเลยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บทและไม่รู้ด้วยว่าเขาจะให้เล่นเป็นตัวไหน ซึ่งโดยปกติแล้วพี่ไม่เคยรับละครหลายๆ เรื่องพร้อมกัน แต่พอเรื่องนี้ก็รับเลยแล้วค่อยไปเคลียร์อีกที เพราะเราเองอยากร่วมงานกับพี่เขาอยู่แล้วพอได้มาทำงานกับเขาก็มีวิธีการถ่ายอีกรูปแบบหนึ่ง คือเขาจะถ่ายคล้ายๆ หนัง และวิธีการทำงานของเขาก็จะเป็นในอีกระบบหนึ่ง เรายังไม่เคยเจอ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีและเราก็มีความสุข และดีใจมากที่รับเล่น เรื่องนี้ยังถือเป็นผลงานมาสเตอร์พีซอันหนึ่งของเราด้วยเหมือนกัน”
พิสูจน์ฝีมือการรับบทที่ต้องแสดงหลายชั้น
สำหรับคนที่ติดตามผลงานเรื่องนี้มาตลอดจะทราบว่าภัสสรเป็นตัวละครที่สำคัญมาก แม้เธอจะไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง แต่เธอก็ทราบถึงเรื่องราวทุกอย่าง เมื่อเป็นเช่นนั้นการแสดงที่ออกมาจึงต้องซับซ้อนมากกว่าเดิม
“คือพี่ว่าหลายฉากยากมาก เพราะตัวภัสสรเป็นคนที่ในแต่ละฉากมันจะมีหลายอารมณ์ในตัวเดียวกัน สมมติเข้าฉากกับอาม่า (ครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน) ก็จะมีทั้งความโกรธ ความน้อยใจ ความไม่เข้าใจ หรือแม้กระทั่งกับพี่กบ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) ตอนที่เข้าฉากด่ากันว่าเฮงซวย เราก็โกรธเขามากและในขณะเดียวกันเราก็รู้สึกน้อยใจ เพราะเราเองก็เป็นหนึ่งในลูกเหมือนกันทำไมถึงไม่ได้หุ้น เพราะฉะนั้นตัวภัสสรจะไม่ได้มีอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอย่างเดียว แต่จะหลากหลายอารมณ์มากในหนึ่งซีน เพราะฉะนั้นมันเรียกได้ว่าเป็นการแสดงแบบหลายชั้นเหมือนกัน มันก็จะยากแต่ก็โชคดีที่มีผู้กำกับมาคอยช่วย”
“ถามว่าฉากไหนที่รู้สึกยากเป็นพิเศษ ตอนที่เต้ย (แจ๊คกี้-จักริน กังวานเกียรติชัย) ลูกชายคนสุดท้อง เข้าคุกก็ยากมากคือมันก็ขยี้ แต่ว่าโดยเรื่องมันก็นำพาไปถึงจุดนั้น เพราะมันจะค่อยๆ สะสมมา และบ้านภัสสรก็จะโดนหนักสุด ไหนจะมีเรื่องลูกคนโตยังไม่เข้าใจแม่ ลูกคนที่สามก็โดนอัดเรื่องการเป็นดาราและโดนกล่าวหาว่าแม่เป็นฆาตกร คนเล็กก็ไปทิ้งปืนจนถูกมองว่าเป็นฆาตกรต้องติดคุกติดตารางไปอีก คือมันแบบพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกพระอาทิตย์ซ้อนเลยค่ะ”
ความสัมพันธ์ในฐานะแม่ กับ 4 ยอดกุมาร ที่ทำให้ผู้ชมยิ้มตาม
ถึงละครเรื่องนี้จะมีฉากดราม่าเยอะ แต่ก็มีฉากที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจหลายฉาก ซึ่งหนึ่งในฉากที่คนพูดถึงมากๆ ก็เห็นจะเป็นฉากของครอบครัว “ภัสสร” สมาชิกทุกคนล้วนรักใคร่กลมเกลียวกัน และไม่ใช่แค่ในจอเท่านั้นแต่ยังรวมถึงนอกจออีกด้วย
“(หัวเราะ) ใช่ค่ะ ตอนนี้ไปไหนมีแต่คนเรียกหม่าม้า มีคนอยากฝากตัวเป็นลูกสะใภ้เยอะ ยาวเป็นห่างว่าวเลยค่ะ (ยิ้ม) กับน้องทั้ง 4 ค่อนข้างสนิทเลยค่ะ ทั้งหน้าจอและหลังจอเขาจะเรียกพี่ว่าม้า ส่วนพี่ก็จะเรียกเขาว่าลูก ยิ่งพอถ่ายๆ มาเราก็จะรู้สึกว่าพวกนี้คือลูกเราแล้ว เจอกันหรือลากันทีไรก็จะกอดตลอด ก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน เวลาที่ไม่ต้องเข้าฉากเราก็คุยกันทั้งวัน ส่วนเรื่องที่คุยก็จะเป็นเรื่องถามไถ่ว่าชีวิตเป็นอย่างไร แล้วเรียนเป็นอย่างไร แล้วชีวิตนักศึกษาเป็นอย่างไร และการทำงานมีปัญหาอะไรไหม แล้วมีเรื่องความรักหรือเปล่า และเวลาเราเลือกผู้หญิงเลือกอย่างไร ก็เรียกว่าทำตัวประหนึ่งเป็นแม่ถามสารพัดเรื่องเลย”
“นอกจากที่หลายคนมองว่าน้องๆ เหล่านี้ได้ความเห็นหรือคำสอนจากเราอย่างเดียว ในทางกลับกันเราก็ได้ความรู้จากเขาด้วย เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนเพราะพวกเขาก็วัยรุ่น ซึ่งเดี๋ยวลูกเราจะเข้าสู่การเป็นวัยรุ่น เราก็จะได้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อลูกเราเข้าสู่วัยรุ่น อะไรแบบนี้ค่ะ”
“สำหรับน้องๆ แต่ละคนตัวจริงมีบางส่วนที่แตกต่าง บางส่วนที่คล้ายในละคร อย่างต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร) เขาจะมีความมุ่งมันที่จะต้องเอาความจริงให้ได้ ซึ่งในชีวิตจริงเขาก็เป็นคนจริงจัง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็จะมีความขี้เล่นสนุกสนานน่ารัก ส่วนกัปตัน (ชลธร คงยิ่งยง) ก็จะเป็นคนแบบน่ารักขี้อ้อน เติร์ด (ลภัส งามเชวง) เขาก็จะน่ารักอีกแบบหนึ่ง แจ็คกี้ (จักริน กังวานเกียรติชัย) ก็จะเป็นน้องนุชคนสุดท้องก็น่ารักอีกแบบหนึ่ง ทุกคนก็จะมีคาแร็คเตอร์ที่น่ารักน่าเอ็นดูอยู่แล้ว ทุกคนก็เอ็นดูไม่ใช่เฉพาะพี่”
เมื่อความรักที่มอบให้ลูกๆ ไม่เท่ากันคือจุดกำเนิดของโศกนาฏกรรม
“สำหรับพี่การเลี้ยงลูกอันดับแรกคือพยามยามเลี้ยงให้ใกล้ชิดที่สุด มีอะไรก็คุยกัน มีอะไรก็คอยสังเกตพอการเลี้ยงใกล้ชิดแล้ว มีอะไรที่ผิดปกตินิดหนึ่งเราก็จะเห็นก่อน เห็นได้เร็ว เพราะฉะนั้นมันก็จะแก้ปัญหาได้แต่เนิ่นๆ พี่ว่ามันสำคัญ ขณะที่ละครเรื่องนี้ก็สอนอะไรเราเยอะและในขณะเดียวกันเราก็เอาประสบการณ์หรือความรู้สึกบางอย่างใส่เข้าไปในละครด้วย ก็คือวินวิน ได้กันทั้งสองทาง พี่ย้งแกก็น่ารักมาก แกก็เป็นคนเปิดกว้าง บางไดอาล็อคพี่ย้งเขาก็จะถามว่าแบบนี้มันเมคเซ้นส์ไหม คือก็จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มันก็เป็นสิ่งที่ดี และในทางกลับกันพอมาเล่นเรื่องนี้เราก็ได้อะไรหลายอย่าง จากบทจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัว ก็นำกลับมาใช้ด้วย”
การกลับมาของแฮชแท็ก #แหม่มแท่ง คู่ขวัญอมตะ
“พี่ว่าด้วยจังหวะมากกว่า ด้วยเริ่มแรกเลยคือมาจากเมืองมายาก่อนหลังจากที่เราไม่ได้เล่นละครมานาน พอหลังจากเมืองมายาก็ต่อด้วยวิมานจอเงินและในระหว่างวิมานจอเงินก็มีละครเวทีเรื่อง คุณหญิงกีรติ Ladies of the Stage แล้วก็ วิมานจอเงินที่คู่กับพี่แท่ง พอจะถ่ายทำจบก็มีเรื่อง เลือดข้นคนจาง ติดต่อเข้ามาเราก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว กับเรื่องนี้แม้ไม่ได้เล่นคู่กันแต่คนก็ยังติดภาพคู่ขวัญสมัยก่อน แล้วพอเห็นว่าเล่นด้วยกันจากวิมานจอเงิน คนกำลังแฮ็ปปี้ อินๆ แต่กลายเป็นว่ายังไม่ฟินยังไม่อิ่ม เพราะตอนจบคู่เราหายไป พอมาเจอกันเรื่องนี้ร่วมเฟรมกันคนดูก็เลยชอบและมาอินกันต่อกับเรื่องนี้ บวกกับคนดูที่เขียนแฮชแท็กก็คงเป็นคนที่ดูพี่กับพี่แท่งสมัยก่อน จริงๆแล้วคู่ขวัญก็มีทุกยุค แต่บังอิญว่าพี่กับพี่แท่งได้มีโอกาสกลับมาเล่นด้วยกันอีกคนก็เลยชอบ”
“จริงๆ ต้องยกความดีความชอบให้พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ที่เก่งมาก มองขาดความเหมาะสมว่าใครเหมาะสมกับบทไหนพอแสดงออกมาคนเลยชื่นชอบ อาจจะเพราะกระแสเลือดข้นมันมาด้วย คนก็เลยไปหาว่าพี่เคยเล่นอะไรกันก่อนหน้านี้ ตอนนี้เลยได้แฟนคลับที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งไม่เคยดูละครพี่หรอก แต่พอชอบก็ไปย้อนดูผลงานเก่านึกออกไหมเวลาคนดูดูก็จะอินๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าก็มีแฟนคลับรุ่นลูกเล็กเด็กแดงเต็มไปหมด ตีตลาดทุกเพศทุกวัยจริงๆ”
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี
เลือดข้นคนจางทำให้เราได้เห็นฝีมือการแสดงที่พัฒนาไม่หยุดของนักแสดงรุ่นเก๋า หลายคนชื่นชมในฝีมือเธอ และหวังว่าปีนี้เธอจะได้รับรางวัล แสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี
“แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว แค่นึกกันหรือพูดกันว่าพี่แหม่มน่าจะได้รางวัลก็ขอบคุณมากๆ นี่เป็นรางวัลที่พี่ได้รับแล้วล่ะ เพราะอย่างที่บอกกระแสที่คนดูชื่นชม คนดูเขียนชม คนดูพูดถึง คนดูอิน คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวภัสสร แค่นี้คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับพี่แล้ว”
อย่างไรก็ตามเมื่อซักถามเกี่ยวกับผลงานชิ้นต่อไป พี่แหม่มเผยว่า “ตอนนี้ก็มีติดต่อมา แต่คิดว่าคงจะเป็นปีหน้า” เอาเป็นว่าแฟนคลับและแพรวดอทคอมก็จะติดตามทุกผลงานของนางเอกในดวงใจคนนี้ตลอดค่ะ