ป๋าเต็ด ยุทธนา

มันเสี่ยงมาก! ป๋าเต็ด ยุทธนา เข็ดแล้วข้าวขาหมู เตือนคนไทยอย่าละเลยเรื่องอาหารการกิน

ป๋าเต็ด ยุทธนา
ป๋าเต็ด ยุทธนา

 ป๋าเต็ด ยุทธนา ฝากเตือนคนไทย อย่าใช้ชีวิตบนความเสี่ยง เลี่ยงของหวาน ของมัน ได้ยิ่งดี ฝากเป็นอุทาหรณ์ จากประสบการณ์ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้

     ป๋าเต็ด ยุทธนา

กลายเป็นข่าวใหญ่เต็มหน้าหนังสือพิมพ์และโลกโซเชียล เมื่อ ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม หัวเรือใหญ่ในการจัดงาน คอนเสิร์ต มันใหญ่มาก ที่มีอาการเกือบจะแย่ เพราะได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความใน Facebook ส่วนตัว ถึงเรื่องราวที่ตนมีอาการหัวใจวายเฉียบพลันและต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท ล่าสุดป๋าเต็ดมีอาการดีขึ้นแล้ว และออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงอาการดังกล่าว โดยเจ้าตัวเล่าตั้งแต่เริ่มมีอาการจนมาถึงโรงพยาบาลให้ฟังอย่างละเอียด

ป๋าเต็ด ยุทธนา

“ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงเป็นใย ตอนแรกที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จลงมาทำกิจวัตรประจำวัน คือจะลงมาชงกาแฟกิน พอลงมาถึงห้องครัวก็รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อซึม ทั้งที่เปิดตู้เย็นอยู่ อากาศไม่ร้อน แต่ยังไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอะไรมากนะ ก็ปิดตู้เย็น ไปเปิดเครื่องชงกาแฟ จังหวะนั้นเริ่มรู้สึกว่าแน่นหน้าอกมาก เหงื่อไหลเยอะขึ้น มีอาการวิงเวียนรู้สึกบ้านหมุน ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร คิดว่าคงขาดอากาศ เลยรีบเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ปรากฏไม่ดีขึ้น กลับรู้สึกแน่นหน้าอกมากขึ้น เหมือนมีคนมานั่งทับหน้าอก เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่เป็นหมอ ซึ่งก็ทำงานที่สมิติเวชที่นี่ด้วย ผมเล่าอาการให้ฟัง หมอเขาก็บอกให้ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และให้เขาตรวจคลื่นหัวใจทันที เพราะเชื่อว่ามีอาการผิดปกติในเรื่องหัวใจแน่ๆ ตอนนั้นผมวางสายปุ๊บก็ตะโกนเรียกภรรยาให้รีบขับรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด บ้านผมอยู่แถวสุขาภิบาล 3 คือก็มีโรงพยาบาลที่ใกล้กว่านั้น แต่พอตอนนั้นผมขึ้นมาบนรถแล้วภรรยาบอกอาการผมแย่มาก หน้าซีด เดินขึ้นรถยังจะแทบไม่ไหว มองไม่ค่อยเห็น ภรรยาเลยตัดสินใจมาสมิติเวชที่สุขุมวิทแล้วกัน เพราะมีประวัติเรารักษาที่นี่เป็นประจำ ถึงแม้จะไกลหน่อย แต่โชคดีที่มันวันหยุดยาว แล้วเส้นทางที่วิ่งมันสวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่จะออกนอกเมือง เลยมาถึงที่นี่ในเวลาประมาณ 20 นาที”

ป๋าเต็ด ยุทธนา

“ตอนแรกผมยังงงๆ ว่าตกลงเราเป็นอะไร แต่เพื่อนบอกให้มาตรวจคลื่นหัวใจเราก็มา ไม่ได้เป็นแผนกฉุกเฉินด้วยนะ เป็นแผนกหัวใจ จำได้ว่าเข้ามาตอนนั้นคนน้อย ผมอาจจะเป็นผู้ป่วยคนเดียว แล้วภรรยาอาจจะโทรมาแจ้งไว้ก่อน มาถึงปุ๊บเขาก็พาผมไปในห้องตรวจคลื่นหัวใจ เขาเอาเครื่องมือต่างๆ มาติดตามตัวแล้วต่อไปที่จอผมรู้สึกได้ว่า เหมือนพอเขาเห็นตัวเลขบางอย่างบนจอ ทั้งภรรยาและหมอที่ดู อาการเปลี่ยนเลย จากตอนแรกที่ดูชิลๆ มาก กลายเป็นทุกอย่างรีบหมด โทรสั่งนู่นนี่เต็มไปหมด ต้องเปิดห้องนี้ ติดต่อคุณหมอคนนั้น มันเหมือนดูหนังอยู่แล้วกลายเป็นกดกรอให้เร็วขึ้น มีคนเต็มไปหมด เอาอะไรมาติดผม แล้วยกผมเปลี่ยนเตียง และเข็นผมออกจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่ผมเขียนใน Facebook ว่าเหมือนรถเมล์สาย 8 เลย คือเหมือนจริงๆ นะ ผมไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงวิ่งสุดฝีเท้า จนตอนนั้นผมห่วงเรื่องหัวใจน้อยลง แต่ห่วงว่าเตียงจะคว่ำมากกว่า ช่วงเข้าโค้งแล้วเขาไม่ลดความเร็วเลย ก็ปลอดภัยนะครับ เชื่อว่าพนักงานท่านนั้นมีประสบการณ์ในการทำอะไรรวดเร็วอย่างนี้อย่างดี”

ป๋าเต็ด ยุทธนา

“ผมก็โดนเข็นมาที่แผนกหัวใจ ตอนแรกผมก็ยังงงอยู่ว่าเขาจะทำอะไร แล้วให้ผมเซ็นเอกสารเต็มไปหมด แล้วตอนนี้ผมจะต้องถูกทำอะไร คุณหมอไพฑูรย์ก็มาบอกผมว่ากำลังจะเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาเพื่อฉีดสี เพื่อดูความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ถ้าเกิดมันแย่ก็ต้องทำการบอลลูน พอรู้แค่นั้นผมก็โอเคครับ เริ่มทำได้เลยซึ่งทำอย่างรวดเร็วมาก พอกระบวนการนั้นเกิดขึ้น อาการแน่นหน้าอกก็หายไปอย่างรวดเร็ว เรียกว่าหายไปตอนอยู่บนเตียงที่ห้องผ่าตัดเลย หลังจากนั้นก็ออกมาพักที่ห้อง icu อาการดูปกติมาก แต่ว่าคุณหมอไม่ให้ขยับขาขวา ซึ่งเป็นช่องทางที่เครื่องมือเข้าไป เป็นเวลา 8 ชั่วโมง ผมถึงได้โพสต์ Facebook ว่าไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังผ่านช่วงเฉียดตายเลย รู้สึกแค่ว่าโชคดี ในทุกขั้นตอนมันมีความโชคดีอยู่มาก โชคดีที่มีเพื่อนเป็นหมอ โทรหาเพื่อนได้ ถ้าไม่มีเพื่อนเป็นหมอผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ อาจจะนั่งพักอยู่ที่บ้านเฉยๆ โชคดีที่ภรรยาตัดสินใจขับรถมาที่สมิติเวช โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทีมโรคหัวใจของสมิติเวชทำงานเร็วมาก เข้าขากันดีมาก ด้วยความที่หน้ามืดอยู่ แต่ผมก็เห็นว่ามีคนเยอะมาก แทบจะไม่มีที่ยืน เหมือนฝึกซ้อมกันมาอย่างดี ตัดสินใจเร็ว โชคดีที่มีคุณหมอเก่งๆ มาช่วยผม ตั้งแต่ผมเริ่มเจ็บ จนถึงโรงพยาบาล จนทำพิธีการบอลลูนใช้เวลาแค่ 40 กว่านาที ถ้ามันช้ากว่านั้นมันจะแย่เลยทีเดียว”

เคสนี้นอกจากเรื่องบุหรี่แล้วต้องระวังเรื่องอื่นอีกไหม
“เรื่องการกินก็สำคัญ ส่วนใหญ่ผมโดนดุเรื่องสูบบุหรี่ ทานอาหารที่มีไขมันเยอะ อาหารที่มีน้ำตาลเยอะ ผมทำทุกอย่างที่ไม่ควรทำ ถามว่ามีโรคประจำตัวไหม จริงๆ เป็นคนที่มีน้ำตาลสูงอยู่แล้ว มีไขมันในเส้นเลือดค่อนข้างสูงและเคยรักษาตัว แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็เหลวไหล ไม่มาหาคุณหมอ ไม่มาตรวจสุขภาพ มันเลยไม่ได้ยาที่จะต้องทานเป็นประจำ ตอนนี้เลยเป็นการเตือนครั้งรุนแรง ว่าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมมากๆ”

วินาทีนั้นคิดว่าจะรักษาทันไหม
“ตอนอยู่ในรถไม่คิดเรื่องเสียชีวิตเลยครับ แค่รู้สึกว่ามันต้องเป็นอะไรผิดปกติ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวมาถึงมือหมอก็คงจะหาย ไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย จนพอเขาเริ่มเข็นเข้าห้องผ่าตัด ถึงรู้สึกว่า เฮ้ย ซีเรียส ปกติตรวจแล้วให้นอนพัก เอายาไปกิน แต่ครั้งนี้ไม่ เข็นพุ่งเข้าห้องผ่าตัด ระหว่างเลี้ยวผ่านร้านกาแฟยังคิดว่ามีชารสใหม่ จะฝากภรรยาซื้อ เขาจะซื้อถูกไหมนะ ไม่ได้รู้สึกว่าอาการซีเรียสมากจนกระทั่งทำเสร็จแล้ว ถึงได้คุยกับคุณหมอ ในทีมทุกท่านที่ค่อยๆ เล่าให้เราฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วรู้สึกว่าเราเกือบตายเลย ถ้าสมมติว่าตอนเช้าที่ผมเหงื่อออก แน่นหน้าอก แล้วไม่โทรหาเพื่อนที่เป็นหมอ ก็ไม่คิดว่าจะมาโรงพยาบาล เต็มที่ก็คิดว่านั่งพักล้างหน้าล้างตา เอายาดมมาดม ซึ่งแปลว่า มีโอกาสเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ที่บ้าน คงมาโรงพยาบาลไม่ทัน”

ป๋าเต็ด ยุทธนา

“ช่วงที่ผ่านมา 3 วัน เหมือนผมเข้าเรียนโรงเรียนสุขภาพใหม่ เกือบทุก 3 ชั่วโมงจะมีคุณหมอแผนกหมุนเวียนมาพูดคุยกับผม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการแนะนำในการที่ต่อไปนี้จะต้องปรับเปลี่ยนชีวิตอย่างไรบ้าง เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลย เรื่องหนึ่งที่ทุกคนพูดตรงกันคือ เรื่องเลิกบุหรี่ ต่อมาจะมีเรื่องอาหารที่มีไขมันเยอะ น้ำตาลเยอะ มีเรื่องหนึ่งที่ผมขอไว้ ดื่มกาแฟต่อได้ไหม ดื่มกาแฟผมไม่ใส่น้ำตาลอยู่แล้ว หมอแต่ละท่านจะบอกไม่เหมือนกัน หมอแมน ถามครั้งที่ 3 ใจอ่อนลง ทานได้บ้าง แต่อย่าใส่น้ำตาล นอกนั้นก็เป็นเรื่องการออกกำลังกาย ซึ่งอันนี้ก็คงต้องปรึกษามากหน่อย เพราะช่วงแรกผมคงออกกำลังกายแบบออกแรงเยอะไม่ได้ วิ่งแบบพี่ตูนไม่ได้ อาจจะเริ่มแบบเบาๆ ก่อน แต่เอาเป็นว่าเหตุการณ์นี้ค่อนข้างเตือนเราทุกอย่าง มันส่งผลหมดเลยทุกสิ่งที่เราสนุกกับการทานอาหารอร่อย ข้าวขาหมูติดมันเยอะๆ ชอบมาก ทานก๋วยเตี๋ยวเรือต้องใส่กากหมู เราทานเนื้อกระทะก็อยากได้เนื้อที่มีมันแทรกอยู่ มันคือของอร่อยทั้งนั้นเลย คนที่มีอาการแบบนี้ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นคนรูปร่างใหญ่ บางคนก็รูปร่างปกติ แต่ว่าก็สามารถมีคอเลสเตอรอลสูงได้ มันดีกว่าแน่ถ้าเราค่อยๆ ปรับ ไม่ต้องรอให้โดนเตือนหนักๆ แต่อย่างที่บอกขณะที่พูดยังไม่กล้ารับปากคุณหมอ ต่อไปนี้จะทำได้ตามคุณหมอสั่งหรือเปล่า จะพยายามคิดสูตรว่าทานข้าวหมูไม่ติดมันให้อร่อย รับประทานก๋วยเตี๋ยวอย่างไรไม่ต้องปรุงแต่ยังอร่อยอยู่ ผมว่าต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะว่ามันเป็นวิธีที่ควรจะเป็น เพียงแต่ว่าเราไปทำอะไรที่มันเว่อร์โดยตลอด ซึ่งมันเลยทำให้เราติดกับการกินข้าวขาหมูต้องติดมันเยอะๆ กินนู่น กินนี่ ต้องเติมน้ำตาลเข้าไปอีก มันไม่จำเป็น หวังว่าจะทำได้”

ป๋าเต็ด ยุทธนา

หลังจากนี้จะกลับมาลุยงานอีกเมื่อไหร่

“ปลายอาทิตย์คงต้องเริ่มมีการประชุมอะไรที่ค้างคาอยู่ พยายามไม่เดินเยอะ ซึ่งงานส่วนใหญ่ผมคือนั่งในห้องประชุม แต่ก็จะพยายามเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานใหญ่ปลายปี Big Mountain แต่อาจจะเดินน้อยกว่าปีที่แล้ว”

ต่อจากนี้ต้องวางแผนชีวิตอย่างไรบ้าง
“ผมว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัว ถ้าเกิดเราเป็นอะไรก็จะรู้สึกเป็นห่วงครอบครัว เป็นห่วงลูก ก่อนหน้านี้เมื่อ 5-6 ปีก่อนผมเคยป่วยหนักมาทีนึงแล้ว แต่ไม่หนักถึงขั้นเฉียดตายแบบนี้ นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตั้งใจดูแลตัวเองมากขึ้น แปลว่าผมต้องปรับปรุงตัวอย่างรุนแรง บางอย่างไม่รู้เรียกสายไปหรือยัง เพราะเป็นไปแล้ว ก็คงทำให้ไม่เป็นเพิ่ม ใช้ชีวิตให้มีความสุขเหมือนเดิม เพียงแต่ปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง”

ป๋าเต็ด ยุทธนา


ภาพจาก Facebook : Yuthana Boonorm

Praew Recommend

keyboard_arrow_up