ปู-ไปรยา เปิดหมดเปลือก 14 ปีในวงการไม่มีผลงานเป็นที่จดจำ

Alternative Textaccount_circle

เปิดหมดเปลือกชีวิตหลังม่านของนางเอกโกอินเตอร์ ปู-ไปรยา 14 ปีในวงการไม่มีผลงานเป็นที่จดจำ ล่าสุดขอเดิมพันชีวิตพิสูจน์บทบาทนักแสดงมืออาชีพ ในละครเรื่อง บางกอกนฤมิต หวังเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ให้ได้ภาคภูมิใจในอาชีพสักครั้ง

ปู ในละครเรื่อง บางกอกนฤมิต

นับตั้งแต่มุ่งมั่นกับเส้นทางโกอินเตอร์สู่ฮอลลีวูด ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก แทบจะไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย ทำให้ห่างหายจากผลงานทางโทรทัศน์ไปนานถึง 3 ปี ล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เธอหมดสัญญากับต้นสังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ด้วยอยากรับงานอิสระและไม่ได้มีการไปเซ็นสัญญากับช่องอื่น เรียกว่าเป็นการจากกันด้วยดีอย่างไม่มีปัญหา

ล่าสุดเธอเตรียมรีเทิร์นสู่หน้าทีวีอีกครั้งกับผลงานเรื่อง บางกอกนฤมิต ของช่อง ONE 31 นอกจากจะเป็นการกลับมาครั้งแรกในรอบ 3 ปีแล้ว เรื่องนี้เธอยังพลิกคาแรคเตอร์เล่นร้ายอย่างที่สุดด้วย โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ.2561 ได้มีการบวงสรวงเปิดกล้องละคร และหลังจากเสร็จพิธีการ ปู-ไปรยาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะปูเปิดใจแบบหมดเปลือกว่านี่อาจเป็นละคร 1-2 เรื่องสุดท้าย จึงอยากใช้โอกาสนี้พิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่แค่ดาราแต่เธอคือนักแสดงมืออาชีพ

ทำไมถึงตกลงรับเล่นละครเรื่องนี้?

“จริงๆ ปูอยู่ในวัยที่อยากจะรับบทแบบนี้มานานแล้ว บางกอกนฤมิต เป็นละครที่ต้องรับบทร้ายแต่ในขณะเดียวกันมันก็มีที่มาที่ไป และเรารู้สึกว่าบทบาทนี้น่าจะทำให้ต้องพยายามมากขึ้น ซึ่งปูก็อยากให้งานออกมาดี”

ทำการบ้านหนักขนาดไหน?

“ที่บินกลับไปสหรัฐอเมริกาทุกครั้งก็คือไปเรียนการแสดง เรียนทุกวัน มีทั้งเรียนในคลาสที่เข้มข้นและเรียนแบบตัวต่อตัว”

ทำไมถึงเลือกไปเรียนการแสดงไกลถึงสหรัฐอเมริกา?

“จริงๆ ก็เรียนที่เมืองไทยด้วยนะคะ ตอนที่ช่อง ONE 31 ติดต่อมา สิ่งแรกที่ปูขอคือขอให้มีครูการแสดงประกบทุกฉาก ปูจะไม่เดินเข้าฉากโดยไม่มีครูการแสดง เราเรียนทั้ง 2 ที่เลยคือครูที่นี่และครูที่ต่างประเทศ”

ทำไมถึงคิดว่าจะต้องไปเรียนการแสดงเพิ่ม?

“ปูโตมากับละครและมีทุกวันนี้ก็เพราะละคร แต่สิ่งเดียวที่ปูขาดคือปูไม่เคยมองว่ามันคือศิลปะ กลับมองว่ามันเป็นงาน และอย่างที่บอกว่าที่รับละครเรื่องนี้เพราะมันไม่ได้ใช้คิวเยอะ พอคิวลงตัวและเป็นเรื่องสั้นเลยได้โอกาสมาเล่น อีกอย่างคือเป็นนิยายที่ปูอ่านแล้วปูชอบด้วยเลยอยากลองดู”

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเขาวาง “พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ไว้แล้ว แต่ปูมาเสียบแทน ในเรื่องนี้เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนไหม?

“ทราบตอนที่ข่าวออกและปูมองว่าจริงๆ มันไม่มีคำว่าเสียบแทน เนื่องจากว่าการทำงานอาชีพนี้ทุกคนมีสิทธิเลือกที่จะเล่นหรือไม่เล่น ถ้าสมมติปูไม่ได้รับละครเรื่องนี้แล้วมีคนอื่นมารับแทนปู มันก็ไม่ได้แปลว่าปูเลือกเยอะ มันเป็นแค่การที่อาจจะมีโอกาสที่มากกว่าซึ่งมันเป็นสิทธิ อีกอย่างปูรักพี่พลอยมากเหมือนเป็นเพื่อนของปูเลย และการที่ปูจะพูดถึงเขาก็ต้องระวังเพราะปูเข้าใจว่าการมาแทนใครมันสามารถนำไปเป็นประเด็นดราม่าได้ แต่มันไม่มีคำว่าแทน เพราะในทุกบทบาท ทีมงานก็มีตัวเลือกหลายคน ถ้าคนนี้คิวไม่ตรงเขาก็ต้องหาคนอื่นมาเล่น”

กับเรื่องนี้คิวก็ค่อนข้างไปๆ กลับๆ ระหว่างไทยและที่ต่างประเทศเหมือนกัน?

“ใช่ค่ะ ถ่าย 3 วันและก็บินกลับไปสหรัฐอเมริกา 8 วัน และค่อยกลับมาถ่ายที่นี่อีก 20 วันแล้วก็บินกลับไปใหม่ เรียกว่าไปๆ มาๆ ค่ะ”

ถ้าสมมติต้องมีคิวที่ต้องแทรกจะทำอย่างไร?

“ถึงจะเป็น ปู – ไปรยา แต่สตางค์ก็ต้องใช้ คือคิวที่แทรกมันไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ปูมองว่าการที่ต้องชัดเจนในเรื่องคิวล่วงหน้า เพราะมันจะได้ไม่มีข่าวออกมาทีหลังว่า เราไม่ได้สื่อสารตั้งแต่ต้น การไปต่างประเทศคือชีวิตของเรา วิถีชีวิตเราเป็นแบบนี้ ซึ่งการที่จะร่วมงานกันมันก็เหมือนกับว่า เราต้องมาเป็นครอบครัวกัน ดังนั้นต้องมีการพูดคุยกันตรงๆ ตั้งแต่ต้นว่ามีลิมิตตรงไหน และพอคุยกันลงตัว ถ้าเขาขออะไรทีหลังเราก็ต้องให้อยู่แล้ว เพราะมันคือผลงานของเรา ปูเองก็ไม่เคร่งขนาดนั้น”

ปูห่างหายการเล่นละครมานานถึง 3 ปีเลย?

“ค่ะ มันเป็นสิ่งที่รู้สึกเกร็งเหมือนกันนะ แต่อย่างที่บอกมันคงเป็น 1-2 เรื่องสุดท้ายที่ปูจะรับแล้วเลยบอกว่าที่กลับมาเคาะสนิมก็เพราะอยากจะทำให้เต็มที่ อยากให้คนชื่นชมและติดตามแค่นี้ปูก็ภาคภูมิใจแล้วเพราะปูก็มีโปรเจกต์อื่นๆ ที่ใฝ่ฝันและอยากทำต่อนอกเหนือจากละคร”

เรียกว่าเป็นผลงานท้ายๆ?

“ดูเรื่องนี้ก่อนว่าคนชอบไหม อย่างที่บอกไปปูมีตารางงานเมืองนอกด้วย และถ้าถึงจุดที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นยังไม่มีหนังให้ปู ปูก็จะกลับมารับงานละคร แต่ถ้าจุดนั้นเกิดขึ้นปูจะขอทำตามฝันของปูต่อไป”

อดีตพระเอก-นางเอก ช่อง 7 สีมาร่วมงานกับช่อง ONE 31 ยกแพ็ค

ทางนั้นต้องตัดสินใจร่วมกับเราไหม?

“คือที่ปูที่ต้องบินไปๆ มาๆ เพราะปูยังมีใบอนุญาตทำงานกับเอเจนซี่ ซึ่งถ้าปูไม่อยู่รับงานที่นั่นเขาอาจจะบอกว่าไม่ต้องทำงานที่นี่ก็ได้ เลยต้องบินไปๆ มาๆ ตัวเราก็ไม่มีปัญหา ปูชอบและยังรู้สึกโชคดีที่มีงาน อย่างที่บอกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โฆษณาตัวเดียวยังไม่มีเลยพี่ ตราบใดที่มีงาน ตราบใดที่บินไหว ตราบใดที่เขายังอยากได้เราอยู่ เราก็ทำไปอย่าคิดอะไรเยอะ”

งานที่ต่างประเทศเยอะขนาดไหน?

“ถือว่าเยอะมาก แต่ประเด็นคือการแข่งขันมันสูง อย่างที่บอกเราเพิ่งเรียนการแสดง แต่ปูชอบจริงๆ เรามีความสุข มันเป็นการต่อสู้เพื่ออาชีพตัวเองในเชิงศิลปะ ไม่ได้สู้เพื่อให้ได้โฆษณา มันเป็นความรู้สึกที่ต่างกันมาก ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้บางครั้งรับเล่นเพราะอยากได้กระแส แต่ที่นั่นปูไม่ได้เป็น ปู-ไปรยา เราเป็นใครไม่รู้และต้องสู้ด้วยความสามารถจริงๆ ซึ่งมันทำให้เรารู้ว่าเรายังมีความสามารถด้านอื่นๆ เช่นการเป็นนางแบบด้วย แต่การแสดงเราจะสู้กับคนที่เรียนมาเป็น 10 ปีมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่มันก็เป็นบทเรียนที่มีค่ามาก ปูไม่อยากจะแลกกับอะไรเลย การไปเริ่มต้นจากศูนย์ที่นั่นมันทำให้รู้สึกว่าที่นี่ ปู-ไปรยาเป็นคนที่โชคดีมาก”

คาดหวังกับผลงานเรื่องนี้มากขนาดไหน?

“คาดหวังมากค่ะ คือคาดหวังมากจริงๆ ไม่ได้คาดหวังกระแสนะ แต่คาดหวังเรื่องที่คนจะบอกว่าเราเล่นแล้วคนจะชอบสักเรื่อง ตั้งแต่เด็กจนโตปูขอเรื่องนี้ เล่นให้คนติดให้คนชอบขอแค่นี้เลยค่ะ”

แสดงว่าที่ผ่านมาเพราะแรงโปรโมท?

“ปูว่ามันไม่เชิงตรงค่ะ คนรู้แน่นอนว่าปูเซ็นสัญญากับสังกัดบ้านเกิดปูตอนอายุ 13 ได้เรียนรู้ภาษาไทยจากกองถ่าย เรียนรู้การแสดงกับกองถ่าย และมีทุกวันนี้เพราะกองถ่าย สำหรับเด็กคนที่ไม่ได้ใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักแสดง การเล่นละครมันก็คงไม่ดีอยู่แล้วเพราะนั่นไม่ใช่ความฝันของเขา แต่พอโตขึ้นปูรู้แล้วว่านี่คือสิ่งที่ปูชอบ นี่คือสิ่งที่ปูต้องการ ต้องการให้คนได้เห็นความสามารถของปูก็เลยขอใช้เรื่องนี้เป็นเดิมพัน ให้คนเห็นว่าปูเป็นคนที่พยายามไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ถอย”

ที่ผ่านมาเราตั้งใจไม่สุดสำหรับงานแสดงหรือเปล่า?

“ไม่ใช่ว่าตั้งใจไม่สุดค่ะ แต่เด็กที่ต้องเรียนรู้การทำงานไปด้วยตั้งแต่อายุ 14 ปีจนถึง 28 ปี ชีวิตอยู่กับกองถ่ายจริงๆ ที่ปูห่างหายไป 3 ปี เพราะรู้สึกว่าอยากจะเริ่มต้นใหม่ ถามใจตัวเองว่าชอบเป็นนักแสดงหรือเปล่า ถ้ารู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่ชอบถึงกลับมาเล่น ปูคุยกับคุณแมทอย่างลึกซึ้งก่อนจะมาเล่นว่า อะไรที่ทำให้ปูรู้สึกเครียดมาโดยตลอด เขาเลยบอกว่าอยากให้ปูกลับมารับเรื่องนี้ ถ้าจะเป็นเรื่อง 1-2 เรื่องสุดท้ายก็ขอให้ปูตั้งใจเล่นให้ดีที่สุด และปูจะได้มองกลับไปว่า คำว่านักแสดงยังใช้กับ ปู-ไปรยาได้อยู่เราไม่ใช่แค่เป็นดารา”

เรื่องนี้คาแรคเตอร์เล่นร้าย?

“ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวละครที่ร้าย แต่ปูเองก็เคยเป็นเหมือนเขาคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ว่าเราจะพยามยามเท่าไหร่แต่ทำไมเราไม่ได้ คนที่สวยกว่าดีกว่าได้ ทำไมฉันต้องสู้ต้องพยายาม ทำไมโอกาสนี้ไม่มาสักที และเมื่อมันมาแล้วทำไมมันถึงหายไปได้ทันที การกระทำของเขาหลายๆ เรื่องมันเป็นสิ่งที่ปูเคยผ่านมา และรู้สึกว่าพอเรามีความเข้าใจว่าคนมีทั้งดีและไม่ดี และเจตนาว่าทำไมถึงดีและไม่ดี มันทำให้ปูอยากเล่นเรื่องนี้มาก ไหนจะทำเสน่ห์ทำนั่นทำนี่มูเตรูก็พอเข้าใจนาง”

รับบท มาลัยวรรณ

เหมือนเราคิดได้ช้า?

“ไม่เคยเสียดายเพราะตอนเด็กๆ ทั้งทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย ปูดูแลครอบครัวและส่งตัวเองเรียนด้วย ความรับผิดชอบมันสูงมันไม่ได้เกี่ยวกับคิดช้า คนที่ไม่ได้อยู่ในจุดของปูไม่เข้าใจหรอกว่าการเป็นนักแสดงกับการเป็นดารามันมาพร้อมกับสิ่งที่เสียสละไปเยอะมากรวมถึงวัยเด็ก เลยบอกว่ามันพูดยาก แต่บ้านเกิดปูดูแลและประคองทำให้ปูได้มีทุกวันนี้ ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้พูดคิดได้และมีวันนี้ก็เพราะว่าบ้านเกิดปู”

ถ้าละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเราจะอยู่เมืองไทยยาวหรือเปล่า?

“ก็ไปๆ มาๆ ค่ะ”

แล้วถ้าไม่ประสบความสำเร็จ?

“เราจะมานั่งโทษประเทศไทย เพราะเราเล่นไม่เก่งมันก็ไม่ใช่เรื่อง มันต้องใช้สาระกับการตอบคำถามวันนี้นะ คือพี่ถ้าเล่นไม่ดีก็ความผิดตัวเองค่ะ คือนี่ก็คือบ้านเกิดหนู แต่ที่อยากกลับมาเล่นก็คือคุยกับแมทและเขาพูดกับปูว่าสุดท้ายอาชีพเธอเป็นอะไร ปูก็บอกว่าเป็นนักแสดง เขาเลยบอกว่าเธอก็ควรทำอาชีพนี้อย่างภาคภูมิใจ เราเลยกลับมาเล่น อยากทำให้ตัวเองภูมิใจ”

ได้เข้าฉากบ้างหรือยัง?

“ดีมากค่ะ มีความสุข เป็นครั้งแรกที่ได้ร้ายเหลือเกินชอบรู้สึกประทับใจ”

หลังจากนี้ 6 เดือนก็จะกลับไปแคสติ้งงานที่หรัฐอเมริกา?

“ล่าสุดก็ได้รับหนังเข้ามาเดือน 5 แต่ก็รับไม่ได้เพราะเราต้องการที่จะรับละครเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ปูคิดลึกแล้วว่าจะเล่นละครเพราะปูมั่นใจว่าอย่างน้อยนี่คือพื้นฐานของปู สร้างฐานให้แข็งแรงก่อนแล้วค่อยไปสู้ต่อที่ต่างประเทศ ถ้าเราห่างหายจากหน้าจอไปแค่กระแสงานเมืองนอกปูคิดว่าปูเอาไม่อยู่ยังไงปูต้องกลับมารับงานนี่ ปูคิดเรื่องนี้มาเยอะ”

กลัวเขาลืม?

“ปูไม่กลัวเขาลืม แต่ปูอยากทำอะไรที่มันหลากหลาย”

เป็นหนังระดับฮอลลีวูดเลยไหม?

“เป็นหนังระดับกลางค่ะ”

ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก

นางเอกช่อง 7 ที่ออกไปส่วนใหญ่โดนแท็กสตรอว์เบอร์รี่และหนึ่งในนั้นมีเราด้วย?

“ไม่เป็นไรชีวิตมันสั้น ปูผ่านข่าวผ่านอะไรมาเยอะมากในชีวิต ปูผ่านในจุดที่คนด่าและคนไม่ชอบมาแล้ว มันคือสัจธรรมเราอย่าลืมว่าวันหนึ่งเราอาจจะเป็นคนที่ทุกคนรักแต่วันข้างหน้า เราอาจจะเป็นคนที่ทุกคนไม่ชอบมันอยู่ที่การกระทำและนิสัยเรา แต่เราจงคิดดีทำดี ปูไม่สามารถทำให้ทุกคนรักปูได้แต่ก็เชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลของเขา คนมีสิทธิที่จะไม่ชอบ มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น นั่นเป็นเรื่องของเขา แต่ปูมีสิทธิที่จะมีความเมตตา มีสิทธิที่จะเข้าใจเขา อันนั้นเราอย่าลืมว่าเราเป็นบุคคลของประชาชน อาชีพนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพราะสังคม เราจงอย่าว่าเขาถ้าเขามีความคิดเห็นเกี่ยวกับชีวิตเรา จงรับและปรับปรุงตัว”

เรื่องดราม่ายังสะกิดปูได้อีกไหม?

“ปูเจอมาเยอะแล้วคืออย่างที่บอกชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้ามันโรยด้วยกลีบกุหลาบปูก็คงไม่ได้เป็นแบบนี้ ชิลล์มากไม่เป็นไร”

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up