กลายเป็นข่าวดังให้สื่อต้องวิ่งตามหาตัว กรณีที่หนุ่มเก้า-จิรายุ ถูกหลอกให้ไปโชว์ตัวที่ประเทศพม่า โดยไม่ได้เงินค่าตัวตามที่ตกลงกันไว้กับคนจัดงาน เท็จจริงเป็นอย่างไร คงไม่มีใครตอบได้เคลียร์ไปกว่าเจ้าตัว
“จริงครับ” เก้าตอบด้วยน้ำเสียงสุดเซ็ง “เรื่องเริ่มจากมีคนติดต่อมาว่าอยากได้ผมไปโชว์ตัว เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย ที่อำเภอเชียงตุง ประเทศพม่า โดยคนที่ติดต่อมา อ้างว่างานอีเว้นท์ดังกล่าว เป็นการร่วมมือกับองค์กรยูนิเซฟ จัดขึ้นมาเพื่อการกุศล มีการบริจาคคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กๆ ด้อยโอกาสด้วย ผมเลยตอบตกลงไปร่วมงาน ก็มีการทำหนังสือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน กำหนดข้อตกลงทุกอย่าง ทั้งค่าตัว และรายละเอียดงาน โดยเขาให้ผมเดินทางไปร่วมงาน ในวันที่ 27 มีนาคม”
คุณแม่ก้อยซึ่งอยู่ข้างๆ เสริมว่า “แต่ก่อนจะไปร่วมงานนี้ ก็มีปัญหาจุกจิกมาตั้งแต่ต้นแล้ว จนแม่เปรยๆ กับน้องเก้าว่าจะไม่ไปไหม เพราะตะหงิดๆ ในใจว่า ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน แต่พอเช็คไปกับคนรู้จักที่พม่า เขาก็บอกว่ามีงานนี้จริงๆ มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ว่า เก้า – จิรายุจะไปร่วมงาน แม่กับก้าวก็เลยตัดสินใจไปทำงานนี้ เพราะไม่อยากมีปัญหาหรือเป็นข่าวว่าเราเบี้ยวงาน อีกอย่างแฟนคลับที่พม่าก็มารอดูน้องเก้าเกือบ 5 พันคน ถ้าเปลี่ยนใจไม่ไปเดี๋ยวจะมีปัญหาไปกันใหญ่”
“ผมบอกแม่ว่า ยังไงก็จะขอรับผิดชอบงานในส่วนของตัวเองก็แล้วกัน” เก้าเล่าต่อ “แต่ปรากฎว่า พอเสร็จงาน ค่าตัวที่ตกลงกันไว้ ทางคนจัดงานก็จ่ายให้ไม่ครบ ให้มาแค่ 3 หมื่นบาท ซึ่งตอนที่เขายื่นเงินให้ ยังมีหน้ามาพูดแบบหน้าตาเฉยด้วยว่า มีเงินอยู่เท่านี้ ตั๋วเครื่องบินวันกลับก็ไม่ได้ ทำให้ผมกับแม่ต้องเลื่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เป็นวันที่ 29 มีนาคม จากเดิมวางแผนว่าจะกลับวันที่ 28 มีนาคม ทำให้ต้องยกเลิกงานอีเว้นท์ที่รับไว้อีกงานหนึ่ง เพราะกลับจากพม่าไม่ทัน”
คุณแม่ก้อยรับช่วงเล่าเสริม “พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ แม่ก็พยายามติดต่อทีมงานหลายครั้ง แต่ก็ติดต่อไม่ได้ หลังๆ ปิดโทรศัพท์หนีหายไปเลย วันนี้ แม่กับน้องเก้าเลยตัดสินใจออกมาชี้แจงกับนักข่าวว่า ไม่ได้เครียดเรื่องที่ถูกเบี้ยวเงินค่าตัว เพราะเงินน้อยมาก และตั้งใจจะไปช่วยงานการกุศลอยู่แล้ว แต่ที่กังวลคือกลัวเรื่องราวจะไปกันใหญ่ เพราะเพิ่งทราบมาว่าทางรัฐบาลพม่าไม่พอใจ เนื่องจากอีเว้นท์ที่จัดขึ้น เหมือนทางทีมงานจะไม่ได้แจ้งทางรัฐบาลก่อน เขาก็เลยเหมารวมไปแล้วว่าเก้ามีส่วนร่วมในการรวมตัวของชาวพม่าหลายพันคนครั้งนี้
“นี่แม่ก็ต้องให้ทนายความจัดการเรื่องทั้งหมดให้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ แค่ให้ทนายความตรวจสอบความจริงว่าเรื่องราวเป็นยังไง และอยากให้ทางคนที่ติดต่องาน มาคุยกันให้รู้เรื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องอยากจะได้เงินคืนเล้ย เพราะมั่นใจอยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่ได้ แต่อยากให้เคลียร์ให้เข้าใจกันทุกฝ่ายว่า ที่เก้าไปครั้งนี้ก็ด้วยเจตนาดีล้วนๆ”
เครดิตภาพ: อินสตราแกรม