เจนนี่ ปาหนัน

กตัญญูพ่อแม่จนได้ดี…ไขชีวิตสุดฮา “เจนนี่ ปาหนัน” สาวดอกหญ้าในป่าสะตอ!

เจนนี่ ปาหนัน
เจนนี่ ปาหนัน

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสายปาร์ตี้ สายครีเอทีฟ คงไม่พลาดที่จะรู้จักกลุ่มปาร์ตี้ Trasher ที่มีหนึ่งในสมาชิกหัวเรือเป็นสาวสะตอพลัดถิ่นนามว่า เจนนี่ ปาหนัน หรือ วัชระ สุขชุม 

จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเด็กชอบทำกิจกรรมตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้ค้นพบว่าตัวเองสนใจและชอบทำงานสายสื่อสารมวลชน แม้ไม่ได้เรียนจบตรงสายที่ตั้งมั่นสำหรับทำงานไว้แต่แรก แต่ด้วยความพยายาม ความรัก รวมถึงความที่เป็นคนเตรียมพร้อม คว้าโอกาสที่เข้ามาอยู่ตลอด ก็ทำให้ชื่อของ “เจนนี่ ปาหนัน” กลายเป็นที่รู้จักของใครหลายๆ คนในฐานะผู้มอบความสุข ผู้สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้อื่น แต่เมื่อมองลึกลงไปแล้ว เจนนี่มีหลายบทบาทในชีวิตเลยทีเดียว ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงในฐานะครีเอทีฟ หนึ่งในกลุ่ม Trasher ที่ทั้งทำคลิปวิดีโอล้อเลียนและเป็นหัวเรือจัดปาร์ตี้ใหญ่ จนกระทั่งชื่อเสียงโด่งดังขยายกว้างยิ่งขึ้นในบทบาทพิธีกรรายการเทยเที่ยวไทย

ภาพลักษณ์ภายนอกที่หลายคนคิดจะตรงกับตัวตนแท้จริงของ เจนนี่ ปาหนัน อย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า วันนี้ Exclusive Talk ได้พาเธอมานั่งคุยและทำความรู้จักเจาะลึกทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่เรื่องการทำงาน ชีวิต ครอบครัว แอบกระซิบบอกนิดๆ ว่า ในมุมของการเป็นลูกคนโตของบ้าน เจนนี่เป็นคนที่น่ารักและมีความคิดดีเลยละ

เจนนี่ ปาหนัน

อัพเดตผลงานปัจจุบันกันก่อนเลยค่ะ ตอนนี้มีผลงานอะไรให้แฟนๆ ได้ติดตามกันบ้าง

เจนนี่ : สวัสดีค่ะ เจนนี่ ปาหนัน นะคะ ตอนนี้ก็ทำรายการของ GMM TV มีรายการเทยเที่ยวไทย ออกอากาศทุกวันเสาร์  5 ทุ่ม ทางช่อง ONE 31 รายการชวนเล่น Challenge อันนี้เป็นรายการออนไลน์ของทาง GMM TV รายการ Team Girl ออกอากาศทุกวันเสาร์ บ่ายโมง ทางช่อง GMM 25 และมีละครที่เพิ่งอวสานไปคือเรื่องนางแค้น

ที่ผ่านมาคนมักจะมองเจนนี่ ปาหนัน เป็นคนสนุกสนาน ชอบปาร์ตี้ ตัวตนจริงๆ เป็นคนอย่างไร

เจนนี่ : อุ้ย…ตัวตนเจนนี่เป็นคนอ่อนหวาน เรียบร้อย (หัวเราะ) จริงๆ เราเป็นคนหลายบุคลิก นอกจากจะเป็นคนสนุกสนานร่าเริงแล้ว จริงๆ มีมุมที่เป็นคนเครียดๆ เป็นคนขี้เหงา เป็นกะเทยขี้เหงา ฟีลแบบดอกหญ้าในป่าปูน สาวสะตอพลัดถิ่น ฟีลแบบเป็นคนต่างจังหวัดในกรุงเทพฯ ก็จะมีฟีลที่เราไม่ได้อยู่กับครอบครัว ก็จะมีด้านเหงา มุมเหงาของเรา ซึ่งหลายๆ คนจะคิดว่าเราเป็นคนตลก บางทีเข้าหาเราในตอนที่เรากำลังเครียดๆ หลายคนจะไม่ค่อยรู้ เจอเราปุ๊บก็จะเข้ามาตลกกับเราเลย แต่จริงๆ มีมุมซีเรียสเยอะเหมือนกันนะ

เทยเที่ยวไทย
ป๋อมแป๋ม – กอล์ฟ – เจนนี่ – ก๊อตจิ

เทยเที่ยวไทย

หลายคนรู้จักชื่อของเจนนี่มากขึ้นจากบทบาทพิธีกรรายการเทยเที่ยวไทย ถามถึงความรู้สึกวันแรกที่ได้เข้ามารับหน้าที่ตรงนี้หน่อยว่า จากวันแรกจนถึงปัจจุบันรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะช่วงแรกทราบว่าเครียดและกดดันมากเหมือนกัน

เจนนี่ : (ยิ้ม) คือ…เอาจริงๆ เทยเที่ยวไทย หน้าที่การเป็นพิธีกรคนที่ 4 ของรายการเทยเที่ยวไทย ตอนแรกเรามีความรู้สึกว่าไม่ได้อยากจะรับหน้าที่นี้สักเท่าไหร่ เพราะมีความรู้สึกว่าเทยเที่ยวไทยเป็นรายการที่ประสบความสำเร็จแล้ว และมีภาพจำที่หลายๆ คนจำว่ามีพิธีกร 3 คน จำเทยเที่ยวไทย 3 เทยได้แล้ว เราก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าฉันเข้ามา ฉันจะทำได้เหรอ ฉันจะมีความสามารถเท่าพี่ๆ เขาเหรอ พี่ๆ 3 คนเขาเก่งมากเลย

ความรู้สึกแรกคือเรากดดันมาก แม้กระทั่งตั้งแต่ตอนเริ่มคุยกันว่าอยากให้เราเป็นพิธีกร จนถึงกระทั่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรแล้ว ในช่วงแรกๆ ยังมีความรู้สึกกดดัน ไม่มั่นใจในตัวเอง เรายังติดกับภาพการเป็นครีเอทีฟรายการเทยเที่ยวไทยอยู่ ซึ่งหลายๆ คนที่เป็นแฟนรายการก็น่าจะรู้ คือเราทำหน้าที่ครีเอทีฟมาก่อน

จากตรงนั้นที่กดดันมาก จนเรามีความรู้สึกว่า เออ มันเป็นหน้าที่ที่เราได้รับมาแล้ว ถ้าเราทำให้มันเต็มที่ อย่างน้อยผลดีมันเกิดขึ้นที่ตัวเรา เราก็เลยเอาวะ แหม่! (ตบฉาดที่เข่าตัวเอง) งานคือเงิน เงินคืองานเนอะ ถ้าเธอทำได้ดีนะเจนนี่ เดี๋ยวเงินก็จะเข้ามาหาเธออีกเยอะแยะมากมาย เราก็เลยพยายามทำไปเรื่อยๆ จนวันนี้ก็มีคนหลายคนที่ยอมรับเราในหน้าที่ของการเป็นพิธีกรแล้วเหมือนกัน

เจนนี่ ปาหนัน

ผลลัพธ์ที่ออกมาเห็นได้ชัดเลยว่ามีคนรักเจนนี่มากจริงๆ ทั้งมีฉายาสมิหลา J มีคนร้องแร็พภาษาใต้ตามด้วย เกินคาดจากที่เราคิดไว้มากไหมคะ

เจนนี่ : (ยิ้ม) เราเกินคาด จริงๆ แล้วเราเข้ามาเป็นพิธีกรเทยเที่ยวไทย เราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคาแร็คเตอร์ใหม่หรือมีชื่อเรียกใหม่อีกชื่อหนึ่ง แค่รู้สึกว่าเราทำหน้าที่ให้ได้ดีเท่ากับพี่ๆ เขาทำ เราไม่คิดที่จะ เออ…ฉันต้องดีกว่า ความคาดหวังคือถ้าทำแล้วต้องดีในระดับเขา ดีขึ้นไปอีกมันเป็นผลพลอยได้ แต่อย่างน้อยเราต้องให้ได้ในระดับเขา

จนเราทำไปเรื่อยๆ มันก็เป็นช่วงระยะเวลาหรือเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ในตอนนั้น ที่อยู่ๆ เราได้เป็นสมิหลา J อันนี้เราดีใจที่เรามีคาแร็คเตอร์ใหม่ เหมือนคล้ายๆ ว่าสมความตั้งใจของพี่ป๋อมแป๋ม (นิติ ชัยชิตาทร) ที่เขาอยากให้เรามาเป็นพิธีกรรายการเทยเที่ยวไทย แล้วอยากให้รายการเทยเที่ยวไทยมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นจากการที่เราเข้ามา พอเราสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เกิดสมิหลา J เป็นแร็พเปอร์จากแดนใต้อย่างนี้ ก็รู้สึกค่อนข้างจะภูมิใจที่เราสามารถทำให้หลายคนสมหวังได้

เจนนี่ ปาหนัน

อีกบทบาทสำคัญที่เหมือนเปิดตัวให้คนเห็นหน้าเจนนี่ ปาหนัน ก็คือการทำคลิปวิดีโอล้อเลียนแนวสร้างสรรค์ และเป็นหนึ่งในผู้จัดปาร์ตี้ Trasher ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่ ตอนนี้ทำมากี่ปีแล้ว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเริ่มต้นกันมาได้อย่างไร

เจนนี่ : จริงๆ จุดเริ่มต้นแทรชเชอร์เริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2007 – 2008 แล้ว ซึ่งเป็นพี่ๆ ที่คณะโบราณคดี ศิลปากร เขาเริ่มทำปาร์ตี้ก่อน คือเขามีความรู้สึกว่าเวลาไปสังสรรค์ไปเที่ยวกันอย่างนี้ เพลงในแต่ละที่มันมีหลายแนวหลายแบบ แต่มันไม่ค่อยมีเพลงในแบบที่พวกเราชื่นชอบ คือพวกพี่ๆ เขาจะโตมากับเพลงยุค 90 เพลงป็อปสากล บริทนีย์ สเปียร์ส, *NSYNC, Backstreet Boys อะไรอย่างนี้ ซึ่งมันไม่มีในผับ เวลาไปข้าวสารเราก็จะเร็กเก้ ไปทองหล่อเราก็จะ EDM ก็กลายเป็นว่าพี่เขาก็เลยจัดปาร์ตี้ขึ้นมาเพื่อให้มีพื้นที่ให้คนที่ชื่นชอบเพลงคล้ายๆ กัน เลยเกิดเป็นปาร์ตี้แทรชเชอร์

จัดไปสักพักหนึ่งเริ่มมีความรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว จะทำยังไงให้คนรู้จักปาร์ตี้เรามากขึ้น ประจวบเหมาะกับตอนนั้นในปีประมาณ 2011 – 2012 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ยูทูบเพิ่งเกิด มีคนต่างชาติเขาทำเอ็มวีล้อเลียนกัน ซึ่งเขาเห็นกะเทยฟิลิปปินส์ทำคลิปล้อเลียน เราก็เลยมานั่งคิดและมีความรู้สึกว่ากะเทยไทยเราก็ทำได้นี่ ไม่น่ายากเกินความสามารถกะเทยไทยนะ ก็เลยทำคลิปวิดีโอล้อเลียนขึ้นมา แล้วเอาเจนนี่มาเล่นเป็นนางเอก (ยิ้ม) เอ้อ…เป็นอั้ม – พัชราภา เป็นแอมบาสเดอร์ของสังกัดไรงี้ จนเราก็ได้เข้ามาทำวิดีโอกัน

จากวันนั้นถึงวันนี้ที่ทำวิดีโอมาก็เป็นระยะเวลาประมาณ 5 – 6 ปี แต่ไม่ได้ทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ตอนทำคิดแค่ว่าเราน่าจะทำได้นะ ก็เลยทำกันขึ้นมา พอทำปุ๊บมีผลตอบรับที่ดี มีคนดู มียอดวิวที่บางตัวก็เกินล้านวิว เราก็เลยตกใจ กลายเป็นว่าก็ทำมาเรื่อยๆ คนก็จะจำได้ว่า เออ คนนี้ ไปโรงเกลือก็ เออ…ไอ้ตัวดำๆ คนนี้ใช่ริฮานน่าเมืองไทยเปล่านะ เอ๊ะ นี่ทำคลิปริฮานน่าหรือเปล่า มันก็เลยกลายเป็นว่าตัวผลงานวิดีโอของเจนนี่เป็นจุดเริ่มต้นให้คนรู้จักเราขึ้นมา

เจนนี่ ปาหนัน

ทำมาหลายบทบาท ล่าสุดคือนักแสดง แตกต่างจากบทบาทอื่นๆ อย่างพิธีกรมากน้อยอย่างไร แล้วเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เจนนี่ : (หัวเราะ) คือก็ไม่ได้คิดว่ากะเทยตัวดำๆ จะมาเป็นนักแสดง คือจริงๆ มันเป็นบทบาทหนึ่งที่อาจจะไม่ได้แตกต่างจากที่เราทำอยู่มากนัก เวลาเจอเพื่อนเราก็ตอแหลใส่กันอยู่ (หัวเราะ) เราก็เป็นกะเทยที่โอเวอร์แอ๊คติ้งกว่าคนอื่นอะไรอย่างนี้ เราก็เลยมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้แตกต่าง แต่พอได้ไปแสดง มันจะมีความใส่ใจดีเทล การลงรายละเอียดของการแสดงมากขึ้น

ซึ่งเราเคยทำ MV Parody (คลิปวิดีโอล้อเลียน) เราก็เลยมีความรู้สึกว่าจริงๆ มันยาก หลายคนจะบอกว่า เนี่ย เจนนี่ไปเล่นเป็นตัวเองนั่นแหละ เรามีความรู้สึกว่าจริงๆ มันไม่ใช่ หลายอย่างเราไม่ได้ทำในชีวิตประจำวัน มันก็เลยมีความยากขึ้นมา แต่ถ้าถามว่ามันแตกต่างไหม มันไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เราเคยทำ ก็เลยมีความรู้สึกว่า เราพยายามขึ้นมาอีกหน่อยก็สามารถทำได้

เจนนี่ ปาหนัน

บทบาทเจ๊มดแดงในละครนางแค้นที่ผ่านมา ไม่ได้เหมือนตัวตนเจนนี่ ปาหนัน ซะทีเดียว

เจนนี่ : ในนางแค้นรับบทเป็นเจ๊มดแดง ซึ่งเป็นตัวละครที่จะคล้ายๆ สร้างสีสันให้ตัวละคร จะโผล่ไปอยู่ทุกที่ที่มีเหตุการณ์ จะไม่ใช่ฟีลตัวประกอบทั่วไป คือทางผู้กำกับเขาพยายามใส่เนื้อเรื่องให้ตัวเจ๊มดแดงด้วย คาแร็คเตอร์จะค่อนข้างเป็นกะเทยที่มีความเป็นกะเทยเลย กะเทยนางโชว์ กะเทยที่พยายามแสดงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายคนคิดว่าตัวเราเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆ เราไม่ใช่กะเทยอย่างนั้น เราจะเป็นฟีลถ้าเห็นในรายการหรือเห็นในสื่อต่างๆ จะเป็นกะเทยที่ค่อนข้างแมน หลายคนจะคิดว่า เอ้อ อีนี่เป็นกะเทยได้ไงวะ นั่งอ้าขาโน่นนี่ ไม่ได้แว้ดๆๆ ไรงี้ เราก็เลยค่อนข้างจะต้องใช้ความพยายามในการแสดงเยอะอยู่เหมือนกัน

เจนนี่ ปาหนัน

ทำงานทุกวันแบบนี้ มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

เจนนี่ : หูย…ก็นอนให้เต็มที่อย่างเดียวเลยอะ มีความรู้สึกว่านอน นอน นอน มีเวลาว่างเราก็นอน หลายๆ คนมีวิธีการดูแลตัวเองไม่เหมือนกัน เราพยายามสอบถามคนอื่นอยู่ว่า แกๆ ดูแลตัวเองยังไงวะ ก็มีคนแนะนำว่ากินวิตามินสิ เธอๆ  กินอยู่เท่าไหร่ ฉันกินอยู่ 10 กระปุก (ทำหน้าตกใจ) บ้าหรือเปล่า กินแทนข้าวเหรอ หลายคนก็บอกออกกำลังกายสิ ซึ่งด้วยข้อจำกัดของเราคือ เราพยายามลองกินวิตามิน แต่เราเป็นคนขี้ลืม แล้วเวลาเราทานอาหารจะไม่เป็นเวลา ก็เลยทำให้ขาดๆ หายๆ ในการทาน มาออกกำลังกายก็มีเวลาออกกำลังกายอยู่ อย่างเริ่มออกวันนี้ แล้วจะว่างออกอีกทีประมาณ 3 สัปดาห์กว่าอย่างนี้ มันก็เลยกลายเป็นไม่ต่อเนื่อง ทุกวันนี้ที่เราทำได้คือนอนให้เต็มที่

นอนประมาณกี่ชั่วโมงต่อวัน

เจนนี่ : วันหนึ่งนอนไม่เท่ากันเลย ซึ่งเฉลี่ยแล้วถ้าปกติจะนอนประมาณ 6 ชั่วโมงมั้ง ถ้าเวลาปกตินะ ถ้ามีเวลาเราจะพยายามบังคับตัวเองนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงให้ได้ เป็นมั้ย ที่แบบตอนเย็นปุ๊บ เราก็นับเวลาละว่านอนตอนนี้ฉันจะได้นอนกี่ชั่วโมง อุ้ย 7 ชั่วโมง อะ นอนๆๆ (หัวเราะ) ต้องนับเวลานอน (ทำท่านับนิ้วสุดฤทธิ์) แบบ 5 ชั่วโมงเองอะไรอย่างนี้

เจนนี่ ปาหนัน

ถามถึงสไตล์การแต่งตัวกันบ้าง ถ้าติดตามผ่านอินสตาแกรมจะรู้ว่าเจนนี่เป็นคนแต่งตัวเก่งทีเดียว

เจนนี่ : จริงๆ เราไม่ได้มีสไตล์การแต่งตัวที่ชัดเจนหรือสามารถเรียกได้ว่าเจนนี่สไตล์ คือเรารู้สึกว่าเราเป็นคนหน้าตาไม่ดีอะ เวลาจะไปไหนก็ควรทำตัวเองให้ดูดี จะให้แบบศัลยกรรมก็ไม่เอาอะ เรากลัวเจ็บ มีความรู้สึกว่าเราก็คงไม่สวยขึ้นมากหรอกมั้ง เน้นขายแปลกๆ ดีกว่า แต่ก็พยายามทำตัวเราให้ดูดี อย่างหนึ่งเลยก็คือการแต่งตัวมันช่วยได้ ก็เลยมีความรู้สึกว่าเราควรแต่งตัวให้ดี พยายามมองหาอะไรที่ใส่แล้วสวย ก็นำมาแมตช์ใส่ แต่สไตล์ก็จะไม่ได้ต่างกันนัก บางทีฉันก็เป็นสาวหวานเหมือนวันนี้ (ที่กำลังนั่งสัมภาษณ์) บางวันก็เป็นแม่ทุมใส่ชุดยาว บางวันก็ห้าวๆ โน่นนี่ ไม่ได้มีสไตล์ที่ชัดเจน

กิจกรรมโปรดสำหรับการพักผ่อนต้องยกให้นวดไทย 

เจนนี่ : สิ่งหนึ่งที่ชอบทำแล้วมีความรู้สึกว่าอันนี้คือพักผ่อนสำหรับฉัน เป็นรีแล็กซ์ไทม์เลยก็คือการนวด นวดไทยอะ กดจุดไปเลย แบบพี่คะ เอาแรงๆ (เน้นเสียง) พี่คะ ใช้ศอก พี่คะ ขึ้นเหยียบ ทุกครั้งที่เราได้นวดจะเหมือนกับฟื้นฟูร่างกายของเราว่า อ๊า (ทำหน้าฟิน) พอละ ไปข้าวสารกัน (หัวเราะ) แล้วก็เต้น แล้วก็เมื่อยอีก วันรุ่งขึ้น เอ๊…ฉันไปนวดมาทำไม

เจนนี่ ปาหนัน

ช่วงที่เริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงในตำแหน่งครีเอทีฟ เจนนี่มีวิธีผลักดันตัวเองหรือข้ามอุปสรรคมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เพราะก็ไม่ได้เรียนจบทางสายนี้มาโดยตรง

เจนนี่ : จริงๆ พูดถึงงานในสายสื่อ นี่เป็นงานในความฝันของเราตั้งแต่เด็ก นอกจากฝันว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตสแล้ว ก็จะเป็นครีเอทีฟเนี่ยแหละ แต่ว่าโอเค แอร์โฮสเตสยังไม่รับกะเทยเนอะ เราก็เลยทำงานสายสื่อ มันเป็นความฝัน อย่างน้อยคือเรามีความรู้สึกว่าถ้าเราฝัน เราอยากทำให้ได้ ในช่วงแรกๆ เราพยายามสมัครงานเกี่ยวกับการทำงานสายสื่อ สายครีเอทีฟหลายๆ อย่าง หลายๆ ตำแหน่งนะ แต่พอเราไม่ได้จบมาตรงสาย ก็เลยทำให้เป็นปัญหาอยู่หลายปีมาก

คือเราว่างงานอยู่ประมาณ 3 ปี อายุ 22 – 23 – 24 ประมาณนี้ที่ว่างงานอยู่ จนโชคดีได้มาเจอพี่ๆ แทรชเชอร์เรียกมาถ่าย MV Parody ต้องบอกว่าจริงๆ เราเป็นคนที่โชคดีกว่าใครหลายๆ คนเยอะมาก คือเราเป็นคนที่มีโอกาสดีๆ เข้ามาเยอะมาก แล้วเป็นคนหนึ่งที่ชอบคว้าโอกาสไว้ พอโอกาสการทำแทรชเชอร์เข้ามาเราก็ทำ ทำให้การทำ MV Parody ตรงนั้นกลายเป็นใบเบิกทางให้เราเข้ามาทำงานในสายสื่อได้ มันกลายเป็นผลงาน เป็นพอร์ตโฟลิโอว่าเราทำงานในสายสื่อได้นะ จนได้มาทำงานใน Chanel V Thailand เพราะเขาเห็นเราจากตรงนั้น

เจนนี่ ปาหนัน

เพราะช่วงวัยเด็กชอบทำกิจกรรม เลยทำให้เริ่มรู้ว่าตัวเองชอบอะไร 

เจนนี่ : (หัวเราะ) ช่วงวัยเด็ก (ทำท่านึก) เราเป็นคนที่ทำกิจกรรมตั้งแต่วัยเด็กมัธยมจนมหาวิทยาลัย ร่วมทำกิจกรรมกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกอย่างเลย ก็เลยมีความรู้สึกว่าตรงนี้ทำให้เรากล้าแสดงออก ทำให้เราสามารถโชว์ความสามารถของเราให้คนอื่นเห็นได้ ก็เลยกลายเป็นว่าพอเราโชว์ออกมาแล้วคนเห็น มันก็เลยทำให้คนยอมรับเรา เหมือนอย่างงานสายครีเอทีฟที่ Chanel V Thailand เห็นเรา เพราะเรามีความสามารถ เราก็เอาออกมาโชว์ เขาก็เลยเห็นว่า เออ กะเทยคนนี้มันก็สร้างสรรค์ดีนะ ก็เลยเรียกตัวเข้ามาทำครีเอทีฟของ Chanel V Thailand

เจนนี่ ปาหนัน

บทบาทในการทำงานเห็นแล้วละว่าเป็นคนตั้งใจทำงานมากคนหนึ่ง ในบทบาทลูก เจนนี่ก็เป็นลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่เหมือนกัน เพราะทำงานเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อแม่ด้วย

เจนนี่ : (เขิน) จริงๆ สร้างเสร็จไปแล้วเรียบร้อย ด้วยความที่เราเป็นลูกคนโตด้วย แล้วเราโตขึ้นมากับครอบครัวในขณะที่กำลังสร้างฐานะ เราก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้โชคดีด้วยที่ทำให้เราเรียนรู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก เราก็มาช่วยแม่ขายของตั้งแต่เด็ก เดินกลับบ้านคนเดียวจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.3 – ป.4 เราคิดว่าอะไรที่ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้เยอะที่สุด เราก็ทำ (ยิ้ม) มันเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของลูก ที่อยากช่วยเหลือพ่อแม่ทุกอย่างได้ มันก็เลยทำให้สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังเราให้กลายเป็นคนที่สามารถใช้ชีวิตได้

เข้ามาใช้ชีวิตเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มันก็ไม่ยากมาก จริงๆ หลายๆ คนใช้ชีวิตได้แหละ แต่การที่เราได้ทำงานกับครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก มันช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นด้วยจนถึงปัจจุบัน ก็เลยกลายเป็นว่าพอเราเป็นลูกคนโต เราก็อยากจะทำอะไรให้ครอบครัวให้มากที่สุด ประจวบเหมาะกับคุณพ่อเกษียณ แล้วเราพร้อมที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน เราก็เลยโอเค เดี๋ยวเป็นหน้าที่เราเองที่จะหาเงินมาสร้างบ้านให้

เจนนี่ ปาหนัน

พ่อแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง ได้คุยหรือบอกอะไรกับเจนนี่บ้างหรือเปล่า

เจนนี่ : เขาก็ภูมิใจ (ยิ้ม) เขาก็บอกแหละ จริงๆ เราไม่เคยไปถามหรอกว่าภูมิใจในตัวหนูไหม หนูสร้างบ้านให้นะ แต่เขาก็พยายามพูดให้กำลังใจเรา พยายามชื่นชมเรา เหมือนเขาจะรู้ว่าอะไรที่ทำและสร้างกำลังใจให้เรา หรืออะไรที่ทำให้เรารู้สึกดี เขาก็จะพยายามพูด ให้กำลังใจว่า เออ…ดีนะ อะไรอย่างนี้ สร้างบ้านให้ อะไรโน่นนี่ พ่อภูมิใจนะ ทำงานก็ดูแลตัวเองด้วย อย่าเหน็ดเหนื่อยนะ เขาก็พยายามชื่นชมเรา

สร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีแพลนทำอย่างอื่นต่อให้พ่อแม่หรือให้อะไรตัวเองบ้างหรือเปล่า

เจนนี่ : มีแพลนจะทำอะไรเหรอ (คิด) จริงๆ กับพ่อแม่ ถ้าเขาอยากได้อะไร เราก็จะพยายามช่วยเหลือให้ได้เยอะที่สุด คือก็หาให้ได้เยอะที่สุด คือตอนนี้เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว เขามีบ้าน เรามีงาน น้องๆ มีงานกันหมดแล้ว เราก็โอเคแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในช่วงวัยที่เราพยายามสร้างสมบัติให้ตัวเอง (หัวเราะ) คือเรามีความรู้สึกว่า เฮ้ย! แก ฉันมีความรู้สึกว่าโตไปฉันต้องอยู่คนเดียวแน่เลยว่ะ เป็นกะเทยคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวแน่เลย ตอนนี้ก็เลยพยายามซื้ออะไรที่เป็นสมบัติส่วนตัว เหมือนตอนที่ซื้อเครื่องซักผ้ามา เราก็รู้สึกว่า อุ้ย! ดีจัง รู้สึกภูมิใจว่าเนี่ย เครื่องซักผ้าฉัน ฉันมีเครื่องซักผ้าแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ก็เลยอยากได้บ้านและอยากได้รถ เหมือนเราก็อยากมั่นคง อยากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีปัจจัย 4 ตอนนี้ก็เลยพยายามสร้างให้ได้ครบที่สุด

เจนนี่ ปาหนัน

เวลาอยู่กับเพื่อนจะเฮฮา แล้วเวลาอยู่กับพ่อแม่แสดงความรักกับท่านอย่างไรบ้าง

เจนนี่ : จริงๆ ตัวเรากับพ่อแม่ไม่ค่อยได้พูดบอกรักกันมากมาย แต่เราจะแสดงให้เห็นกันอยู่แล้ว ด้วยความที่เรากับพ่อแม่ช่วยสร้างครอบครัวด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เราก็จะเห็นอะไรหลายๆ อย่างของเขา เราก็รู้ว่าอันไหนที่เราทำแล้วเขาจะรู้ว่าอันนี้เป็นการแสดงความรักของเรานะ เราก็จะทำ แต่ไม่ได้เป็นฟีลมานั่งบอกว่ารักนะ จริงๆ การแสดงความรักมันมีเยอะกว่าการบอกรักอีก

ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะพาเขาไปทำอะไรที่เป็นการสร้างความสุข พาเขาไปเที่ยว หรือกลับไปหาช่วงเทศกาล เราก็พยายามกลับไปหาเขา ซึ่งมีอย่างหนึ่งที่เพิ่งได้ลองทำแล้วมีความสุข มันดีมาก คือมีคนแนะนำมาแล้วเราลองไปทำดูแล้วมีความสุขทางใจมากก็คือ การล้างเท้าและขอขมาพ่อแม่ ลองทำดู จริงๆ ฝากหลายๆ คน มันอาจจะเป็นเรื่องยากในตอนเริ่มนะ มันอาจจะอายที่จะทำ แต่พอทำแล้ว ผ่านมันไปให้ได้นิดเดียว ผ่านข้ามจุดอายไปนิดเดียว จะพบว่ามันมีความสุขมาก ก็พยายามกลับไปหาเขา ไปไหว้ ไปขอขมาเขาให้ได้บ่อยที่สุด

เจนนี่ ปาหนัน

แล้วความรักของเจนนี่ล่ะ มีคนสนิทหรือคนรู้ใจหรือยัง

เจนนี่ : หูย…ดูหน้าสิ ไม่มีใครเลยอะ ไม่ใช่ไทยนิยมอะ

สเป็คจริงๆ ชอบคนแบบไหน

เจนนี่ : สเป็คเราจริงๆ (หัวเราะ) เราชอบคนดี ชอบคนที่ดูดี หน้าตาดีก็โอเค แต่ว่าขอให้ดูดี เราเป็นคนที่ชอบแต่งตัว พอเวลาเจอใครที่แต่งตัวดี เราจะมีความรู้สึกว่าเราประทับใจเป็นพิเศษ ซึ่งไม่จำเป็นต้องหน้าตาดีหรอก คือจริงๆ มันก็มีหลายวิธีที่ทำให้คนดูดี มันทำได้หลายอย่าง ใครที่ดูดีเข้ามาก็สเป็คเราแล้วแหละ

เจนนี่ ปาหนัน

เรียนรู้จากข้อผิดพลาด ถ้าให้ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรในอดีต เจนนี่บอกว่าไม่มี

เจนนี่ : ไม่มีอะ เออๆ เจอคำถามนี้บ่อยเหมือนกันนะว่าถ้าย้อนไปอดีตได้อยากแก้ไขอะไร เราไม่มีอะไรอยากแก้ไขเลยเพราะเรามีความรู้สึกว่าหลายอย่างหลายคนชอบกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาด แต่เรารู้สึกว่าถ้ามีข้อผิดพลาดจะทำให้เรารู้ว่าไม่ควรพลาดมันอีก เราได้รู้วิธีจากการพลาดในตอนนั้น ก็เลยไม่มีอะไรอยากย้อนไป แต่อยากได้มากที่สุดคือ อยากได้เครื่องข้ามเวลาไปข้างหน้า ไปดูว่าตอนนั้นเราเป็นอะไรวะ เรากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเรากำลังตกต่ำหรือกำลังแย่อยู่ เราจะได้รู้ว่าในตอนนี้เราควรทำอะไร

สร้างความสุขให้คนอื่นมาก็เยอะ แล้ววิธีสร้างความสุขให้ตัวเองเป็นแบบไหน

เจนนี่ : เหมือนอย่างที่บอก คล้ายๆ ตอนแรกคือพักผ่อน เรารู้สึกว่าถ้าทำได้นั่นคือความสุขอย่างหนึ่งเลย คือกินอิ่ม นอนหลับ เมื่อก่อนด้วยความที่เราอาจจะไม่ใช่คนที่มีฐานะอะไรมากมาย เมื่อก่อนพออยากจะกินอะไรมากมายก็ไม่ได้กิน ณ ตอนนี้เราพอมีบ้างแล้ว ถ้าเราอยากกินอะไรก็กินเลย มันเป็นความสุขของเราอะ มันเป็นการสร้างความสุข สร้างอะไรให้ตัวเองก็ทำเถอะ ทุกวันนี้เลยกินให้อิ่ม นอนให้หลับ นี่คือความสุขที่สุดแล้ว วันไหนนอนไม่หลับนี่จะแบบเมื่อคืนนอนไปได้แค่สี่ชั่วโมงเอง มันก็เป็นทุกข์แล้วอะ

เจนนี่ ปาหนัน

กระแสตอบรัก อุ้ย ตอบรับจากแฟนๆ ส่งมาให้เจนนี่มากขนาดนี้ อยากพูดอะไรถึงแฟนๆ บ้างไหมเอ่ย

เจนนี่ : ฝากขอบคุณทุกๆ คนที่ติตตามเราในแต่ละผลงานนะคะ ขอบคุณหลายๆ คนที่เห็นเราเป็นต้นแบบ หลายคนเห็นเราเป็นคนสร้างความสุข เห็นเราเป็นนักแสดงที่น่าชื่นชอบคนหนึ่ง อยากจะบอกว่า ขอบคุณทุกๆ คนที่มอบกำลังใจและมอบความรู้สึกดีให้เรา เราก็พยายามจะสร้างผลงานที่โดนใจให้ทุกคนให้ได้เยอะที่สุดเนอะ ไม่รู้ว่าจะโดนใจทุกคนหรือเปล่า แต่ก็จะพยายามทำออกมาให้ดี ให้โดนใจทุกคนได้เยอะที่สุด ยังไงก็ติดตามผลงานของเจนนี่ด้วย มีแรงก็จะทำออกมาเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงหมดไฟจริงๆ ก็ขอบคุณทุกคนอีกครั้งหนึ่งค่ะ ขอบคุณค่า-า-า-า

ก่อนจะจากลากันไปครั้งนี้ แพรวดอทคอมเลยขอสะกิดถามเจนนี่ ปาหนัน ถึงห้องพักที่เป็นตำนานพูดถึงกันในโซเชียลเสียหน่อยว่า ตอนนี้ทำความสะอาดห้องพักเรียบร้อยแล้วหรือยัง ซึ่งเจนนี่ก็หัวเราะนำ ก่อนจะบอกว่า

“ยังเลย ค่อยๆ เก็บอยู่ แต่ก็ยังไม่เสร็จ เพราะทำงานทุกวัน” 

ทำงานเก่ง ดูแลตัวเองและครอบครัวได้แบบนี้ มีใครอยากจะอาสามาช่วยงานบ้านให้เจนนี่บ้างหรือเปล่าน้า…

 


เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : Captain, IG @jennie_panhan

Praew Recommend

keyboard_arrow_up