“วงการบันเทิงมีกรงเล็บอยู่ข้างในเยอะ ทำดีเมื่อไร คนพร้อมสรรเสริญ แต่ถ้าล้มก็มีคนพร้อมเหยียบ โชคดีที่ผมไม่ค่อยใส่ใจกับคำพูดของคนอื่น เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่า ถ้าเป็นการตำหนิเรื่องงาน ผมพร้อมรับฟังอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นจะไม่ใส่ใจเลย สารพัดข่าวที่ผ่านมาจึงไม่กระทบกับชีวิตเท่าไร เวลาได้ยินก็ลืมได้อย่างง่าย”

4 ปี คือ เวลาโดยประมาณที่เราใช้เวลาเรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัย นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ ณเดชน์ คูกิมิยะ ได้ก้าวเท้าเข้ามาในรั้วของวงการบันเทิง จนวันนี้เขาคือ พระเอกแถวหน้าที่คนไทยรักมากที่สุดคนหนึ่ง

จากเซ็ตแฟชั่นละลายใจแฟนคลับ แพรวชวนณเดชน์มาคุยกันหลายหัวข้อ ทั้งชีวิตปีที่ 4 ของการเป็นนักแสดง ว่าที่นักศึกษาปริญญาตรี จนถึงความฝัน ความรัก และความคิดที่ดูหล่อและเติบโตขึ้นทุกวัน

ใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม
ใช่ครับ ตอนนี้เหลือแค่ทำวิทยานิพนธ์ (ยิ้มกว้าง) เป็น 4 ปี ที่เหนื่อยเหมือนกัน เพราะผมเข้าวงการบันเทิงมาใกล้ๆ กับเรียนมหาวิทยาลัย ที่ผ่านมาจึงต้องพยายามแบ่งเวลาให้ดีที่สุด หลายครั้งที่ถ่ายละครเสร็จเที่ยงคืน แล้วต้องตื่นแต่เช้าไปเรียน ยอมรับว่า มีความท้อปนมาอยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่ได้แม่แก้วช่วยกระตุ้นหรือไปส่งที่มหาวิทยาลัย พูดตรงๆ ว่า ผมคงไม่ไหวเหมือนกัน โชคดีที่มีแม่คอยสอน คอยดุ คอยด่า

แม่แก้วมีวิธีกระตุ้น 3 ขั้นแบบนั้นเลยหรือ
(หัวเราะ) ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการปลุกไปเรียนมากกว่าครับ ถ้าวันไหนผมไม่ตื่นเอง ไม่ว่าอย่างไรแม่จะลากออกจากเตียงจนได้ โดยเพิ่มดีกรีการเคาะประตูห้องแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจาก ก็อก (ณเดชน์เคาะโต๊ะเสียงเบาๆ) เพิ่มเป็น ก็อกๆ (ดังขึ้น) สุดท้ายคือ ทุบประตูดัง ตึง! แล้วเปิดเข้ามาเลย พอถึงขั้นนั้นผมจะขนหัวลุก แล้วกระเด้งออกจากเตียงทันที (หัวเราะ)

ณเดชน์เป็นนักเรียนที่ดีไหม
ผมพยายามเต็มที่นะ แน่นอนว่า คงไม่ได้เข้าเรียนมากเท่ากับเพื่อนๆ แต่ช่วงที่ไม่มีงานแล้วไปเรียนแบบเต็มๆ ก็มีเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะจบภายใน 4 ปี ตามกำหนด ถือว่าได้ความรู้และประสบการณ์จากมหาวิทยาลัยเยอะ แต่สำหรับผม ห้องเรียนที่ใหญ่กว่าคือ วงการบันเทิง ที่เปิดโอกาสให้เราได้เจอชีวิตทั้งด้านดีและร้ายก่อนเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้วคือ เรื่องปกติของการทำงาน ไม่ว่าอาชีพอะไรก็ต้องเจอเรื่องเหล่านั้น

วงการบันเทิงมีกรงเล็บอยู่ข้างในเยอะ ทำดีเมื่อไร คนพร้อมสรรเสริญ แต่ถ้าล้มก็มีคนพร้อมเหยียบ โชคดีที่ผมไม่ค่อยใส่ใจกับคำพูดของคนอื่น เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่า ถ้าเป็นการตำหนิเรื่องงาน ผมพร้อมรับฟังอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นจะไม่ใส่ใจเลย สารพัดข่าวที่ผ่านมาจึงไม่กระทบกับชีวิตเท่าไร เวลาได้ยินก็ลืมได้อย่างง่าย

เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

ติดตามเรื่องราวความรักแบบจิ้นๆ อ่านแล้วฟินต่อได้ที่นิตยสารแพรว วันที่ 10 มีนาคม 2557 คอลัมน์ สัมภาษณ์

“ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ตา กับจมูก เซ็กซี่ (ยิ้มเขิน) เพราะมีคนมาขอถ่ายรูปเป็นแบบ ไปทำจมูกทรงเดียวกัน เขาบอกจมูกโด่งเป็นสันรูปทรงสวย ซึ่งเป็นจมูกจริงนะ ไม่ได้ทำศัลยกรรม ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ให้จมูกธรรมชาติแบบนี้มา ทุกครั้งที่คนชมรู้สึกภูมิใจ”

ขึ้นแท่นพระเอกน้องใหม่มาแรงค่ายเอ็กแซ็กท์ ไนกี้-นิธิดล ป้อมสุวรรณ ล่าสุดสวมบท คุณชายรวีช่วงโชติ ในละครเรื่อง ‘อีสา-รวีช่วงโชติ’ ทางช่อง 5 เจอ ‘ไนกี้’ วันถ่ายแฟชั่นเซ็ตถอดเสื้อโชว์กล้ามกับ แพรว ถือโอกาสเช็กเสน่ห์ระยะประชิด เจ้าตัวเปรยสุดปลื้ม คนชมเซ็กซี่ตั้งแต่รูปร่างยันปลายจมูก

“ผมมองว่าร่างกาย บริเวณหน้าอก กับหน้าท้อง เป็นส่วนที่ปะทะสายตาคนมากสุด ดังนั้นสองส่วนนี้ต้องเฟิร์ม ซิกแพ็กต้องมี (ยิ้ม) กว่าจะเฟิร์มขนาดนี้ ผมต้องฟิตมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ และทุกวันถ้ามีโอกาสหลังเลิกกองจะไปฟิตเนสต่อ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็อาศัยปั๊มกล้ามในกองถ่าย (หัวเราะ) เช่น วิดพื้น ซิตอัพ ประมาณเวลา 5-10 นาที”

ไม่เพียงรูปหล่อกล้ามใหญ่ให้หนุ่มๆ ด้วยกันอิจฉา ล่าสุด จมูก หนุ่มไนกี้ยังมีเสน่ห์ ถูกใจเพศเดียวกัน “ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ตา กับจมูก เซ็กซี่ (ยิ้มเขิน) เพราะมีคนมาขอถ่ายรูปเป็นแบบ ไปทำจมูกทรงเดียวกัน เขาบอกจมูกโด่งเป็นสันรูปทรงสวย ซึ่งเป็นจมูกจริงนะ ไม่ได้ทำศัลยกรรม ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ให้จมูกธรรมชาติแบบนี้มา ทุกครั้งที่คนชมรู้สึกภูมิใจ”

ถามถึงเรื่องงาน นอกจากละคร พระเอกหนุ่มบอกความฝันว่า หากมีโอกาสอยากเล่นละครเวทีสักครั้ง
“ละครเวที เป็นอีกหนึ่งงานที่ผมชอบ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่ที่ผู้ใหญ่ ตอนนี้เรามีหน้าที่โฟกัสงานปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เป็นอีกเรื่องครับ”

ไม่แน่อาจเห็นหนุ่มไนกี้ ถอดมาดคุณชาย หันไปโชว์ซิกแพ็กงามๆ ในละครเวทีให้สาวกรี๊ดระยะประชิดก็เป็นได้