4 วิธีตรวจเช็ก ทำไมแอร์รถยนต์ไม่เย็นฉ่ำ สู้ลมร้อน

เคยมีคนบอกว่าประเทศไทยเรามี 3 ฤดูร้อน คือ ร้อนปกติ ร้อนมาก และร้อนมากที่สุด และช่วงนี้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่บอกให้เราเตรียมตัวรับมือกับการใช้ชีวิตท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวที่กำลังมาเยือน

หลายคนอาจหลบร้อนไปเดินเที่ยวตามห้างหรือทะเลกัน แต่ถ้าใครที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาและพึ่งพารถยนต์ “แอร์รถยนต์” จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คุณควรหมั่นตรวจเช็ก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เตาอบขณะเดินทาง เพื่อคุณภาพการใช้ชีวิตบนท้องถนนที่ดีกว่า เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน เราก็อยากจะขับหรือนั่งไปบนรถที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่ถ้าต้องมาเจอกับปัญหาแอร์ไม่เย็น สู้ความร้อนไม่ได้ โดยปกติแล้วรถที่ระบบปรับความเย็นหรือแอร์มีปัญหานั้น มักจะเกิดขึ้นกับรถที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง หรือประมาณ 3 ปีขึ้นไป กรณีรถที่คุณใช้อยู่ขาดการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นทั้งผู้ขับและผู้โดยสารจึงต้องหันมาศึกษา ทำความเข้าใจ และหาวิธีป้องกันปัญหานี้ กับ 4 วิธีตรวจเช็กแอร์ในรถสู้ลมร้อน

  • น้ำยาแอร์ไม่เต็มระบบ หรือน้ำยาขาด เป็นสาเหตุหลักส่วนใหญ่ที่ผู้ขับขี่มักพบเจอ เกิดจากปริมาณน้ำยาที่ส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงดันเข้าสู่แผงคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย น้ำยาจึงเข้าไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารได้น้อย ส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารสูง ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งผู้ขับขี่ไม่หมั่นตรวจสอบเช็กระดับน้ำยา หรือการรั่วซึมของระบบ การแก้ปัญหาในกรณีนี้คือ นำรถไปที่ศูนย์บริการแอร์รถยนต์ ให้ช่างเติมน้ำยาพร้อมทั้งตรวจเช็กน้ำมันคอมเพรสเซอร์
  • ระบบระบายความร้อน ในระบบปรับอากาศของรถยนต์เกิดจากการทำงานของแผงคอยล์ร้อนระบายความร้อนทำงานได้ไม่เพียงพอ หรือพัดลมหน้าคอยล์ร้อนไม่ทำงาน ทำให้น้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์ไม่มีการระบายความร้อน น้ำยาแอร์ที่ส่งเข้าคอยล์เย็นจึงมีอุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของแอร์ไม่เย็น หรือจะเย็นก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนที่ของรถ เพราะมีลมเข้าไปช่วยระบายความร้อน แต่เมื่อรถจอดนิ่ง คอยล์ร้อนก็จะไม่สามารถระบายความร้อนได้ ทำให้แอร์ไม่เย็น เพราะฉะนั้นตรวจเช็กการทำงานของพัดลม ถ้าไม่หมุน หรือหมุนแต่มีเสียงดัง แนะนำให้ปรึกษาช่างเพื่อทำการตรวจเช็กหรือเปลี่ยนพัดลมคอยล์ร้อนใหม่
  • ชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตัน ทำให้น้ำยาแอร์ที่ฉีดออกจากคอมเพรสเซอร์ผ่านเข้าไปในคอยล์เย็นได้ไม่สะดวก ปริมาณน้ำยาแอร์จึงไม่เพียงพอที่จะไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสาร ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์เดินเบา แอร์จะเย็นไม่มากและมีเสียงดังบริเวณตู้แอร์ แต่เมื่อเร่งเครื่องแล้วแอร์จะเย็น แสดงว่าเกิดการอุดตันของวาล์วหรือดรายเออร์ วิธีแก้ปัญหาคือ เปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่ ทั้งนี้ควรจะเปลี่ยนพร้อมกันทั้งสองอย่าง เพราะดรายเออร์ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกจากน้ำยาแอร์ เมื่อวาล์วแอร์อุดตันก็แสดงว่าดรายเออร์ชำรุดแล้ว
  • สายพานหย่อน การทำงานของคอมเพรสเซอร์จะใช้สายพานเป็นตัวนำกำลังจากเครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงาน สายพานที่รับกำลังจากเครื่องยนต์เพื่อมาฉุดคอมเพรสเซอร์นั้นจะเกิดอาการฟรี ไม่มีกำลังมาฉุดคอมเพรสเซอร์ให้ทำงานได้ สังเกตได้เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานจะมีเสียงสายพานดังขึ้นมาด้วย การแก้ปัญหาคือ ปรับตั้งความตึงของสายพานให้เหมาะสม หรือถ้าสายพานมีรอยแตกร้าว ให้เปลี่ยนใหม่ทันที

จะเห็นได้ว่าสาเหตุหลักๆ มาจากรถยนต์ขาดการดูแลและตรวจเช็กสภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน ไม่ควรจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน เพราะความร้อนจะเข้าไปสะสมในห้องโดยสาร ส่งผลให้อุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานสั้นลง แต่ในกรณีที่ต้องจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน พยายามรักษาอุณหภูมิภายในและภายนอกให้ใกล้เคียงกัน ใช้วิธีลดกระจกด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร พร้อมเปิด – ปิดประตูรถด้านหน้าและด้านหลังติดต่อกัน 4 – 5 ครั้ง หรือเปิดประตูรถทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 นาที เพื่อระบายความร้อนที่สะสมอยู่ภายในรถยนต์ออกบ้าง และก่อนถึงที่หมายหรือก่อนดับเครื่องยนต์ควรปิดแอร์ก่อน 2 – 3 นาที เพื่อให้ตู้แอร์ได้ระบายน้ำออกมาก่อน จะสามารถช่วยลดการอุดตันในระบบได้อีกวิธีด้วย

ข้อมูล/ภาพ : www.roojai.com

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up