ดราม่า แอคชั่น มันทุกฉากไปกับ Mockingjay part 2

และแล้วเรื่องราวของสาวน้อยผู้มากับไฟอย่างแคตนิส เอเวอร์ดีนก็เดินทางมาถึงบทสรุปเสียที ต้องบอกเลยว่า Mockingjay Part 2 ภาคจบของหนังไตรภาค The Hunger Games ที่สร้างจากนิยายขายดี ถือเป็นหนังแนววัยรุ่นในโลกดิสโทเปียที่ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบจริงๆ

เหนือสิ่งอื่นใดคืองานกำกับ ซาวนด์ประกอบ (เสียงผิวปากเลียนเสียงนกม็อกกิ้งเจย์ยังดังก้องอยู่ในหัว) และทีมนักแสดงนำ โดยเฉพาะตัวนางเอกอย่างเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ที่แบกรับบทสุดหินเอาไว้และทำออกได้ดีเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เรียกว่าปล่อยของได้ทุกภาค รวมถึงภาคจบก็เช่นกัน

mockingjayposter

โดยหนังจะเล่าเรื่องราวต่อจาก Part 1 ที่เดินเรื่องเอาไว้ว่า หลังจากการแข่งขันเกมล่าเกมรอบพิเศษพังลง แคตนิสก็ได้ล่วงรู้ถึงแผนการก่อกบฏของเขต 13 ซึ่งหมายมั่นจะปั้นเธอให้เป็นม็อกกิ้งเจย์ สัญลักษณ์แห่งการปฏิวัติ ซึ่งจะเป็นผู้นำกบฏในการเอาคืนสโนว์ ประธานาธิปดีจอมเจ้าเล่ห์แห่งแคปิตอล ภายใต้การผลักดันของอัลมาคอย ผู้นำเขต 13 ด้วยความที่แคตนีสต้องการเอาคืนสโนว์อยู่แล้ว จึงยอมร่วมมือกับเขต 13 แต่เพราะฐานกำลังยังไม่มากพอ ทางผู้นำเขต 13 เลยต้องโปรโมตแคตนีสเพื่อให้เขตอื่นๆ ได้เห็นและพร้อมจะลุกฮือขึ้นมาปฏิวัติ ซึ่งใน Part 1 จะจบลงตรงที่แคตนีสและพรรคพวกสามารถไปชิงตัวพีต้าที่ถูกจับตัวเอาไว้กลับมาได้นั่นเอง
Part 2 จึงเปิดเรื่องด้วยการเล่าถึงปฏิบัติการต่อไป นั่นคือการบุกแคปิตอล เมื่อเป้าหมายของแคตนีสคือการสังหารสโนว์ให้จงได้ ขณะเดียวกันเธอก็ต้องสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากับพีต้า ที่ยังคงสติแตกอยู่ เพราะถูกพวกตัวร้ายฉีดยาบางอย่าง นั่นยิ่งทำให้เธอตัดสินใจไม่เดินตามแผน และหนีออกจากเขต 13 เพื่อจะเดินทางไปสังหารสโนว์ให้สมกับความแค้นที่สะสมเอาไว้ ภาคนี้เราจึงได้เห็นฉากแอคชั่นชนิดจัดเต็มมากกว่าภาคที่แล้ว แต่อย่าเพิ่งยิ้มมุมปาก เพราะกว่าจะเริ่มลุย ก็ปาเข้าไปแล้วเกือบครึ่งเรื่อง
ด้วยความที่ภาคนี้เป็นตอบจบ เนื้อหาในหนังสือที่ยาวหลายหน้ากระดาษจึงถูกตัดตอนและสรุปความแบบรวบรัดไปพอสมควร แต่ก็ไม่สูญเสียอรรถรสใดๆ ยังคงได้รับความสนุกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือซีนแอคชั่นซึ่งมันส์ได้ที่ ยิ่งซีนในอุโมงค์ใต้ดินคือพีคสุด ลุ้นระทึกจริงอะไรจริง นอกจากนี้ซีจียังโดดเด่นด้วยในแต่ละฐานที่เหล่าตัวละครหลักต้องเจอ น่าจะเรียกได้ว่าแอคชั่นสุดในบรรดาทั้งสามภาคที่ผ่านมา แต่ถ้าถามว่าภาคไหนดีที่สุด ต้องยกให้ Catching Fire เค้าเลยล่ะ เผ็ช…สุดแล้ว
ถ้าถามว่าภาคนี้น่าดูไหม ตอบเลยว่าควรดู ต้องดูเลย ยิ่งถ้าใครเคยดูภาคก่อนๆ มา ก็ไม่แปลกหรอกที่จะรู้สึกผูกพันไปกับเหล่าตัวละคร รวมทั้งอินไปกับประเด็นการเมืองในหนัง ซึ่งก็ชวนให้ขบคิดตามถึงสภาพความเป็นจริงที่ยังมีอยู่ในทุกๆ สังคม โยงใยไปถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญของแคตนีส ที่ทำให้เห็นได้ชัดว่า จุดยืนของเธอคืออะไร และทำไมเราถึงสะใจตาม ทว่าสุดท้ายแล้วศัตรูที่แท้จริงจะเป็นใคร ต้องไปลุ้นกันเอาเองนะ บอกเลยว่าไม่ยากกับการคาดเดา
เอาตรงๆ ต้องถือว่านี่คือหนังดราม่าแอ็คชั่นที่พล็อตเยี่ยมยอดเลยแหละ แต่ที่ซุกซ่อนอยู่คือประเด็นรัก ที่แม้จะราบเรียบไปหน่อย ทว่าถ้าลองมองให้ดีจะพบว่ามันคือแก่นหลักของเรื่อง หากใช้หัวใจดู The Hunger Games นี่แหละเป็นหนังที่เข้าถึงทุกอารมณ์จริงที่น่าประทับใจมาก
คะแนน 9/10
เรื่อง : คิมคานา

Praew Recommend

keyboard_arrow_up