10 เรื่องจริงของคนรัก “รอยสัก” ศิลปะบนผิวหนังมนุษย์กับความเจ็บปวดที่สวยงาม

การสักไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นสัญลักษณ์ของพวกหัวขบถ หรือนักเลงหัวไม้เหมือนในอดีตอีกต่อไป ในยุคนี้ รอยสักกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคนๆ นั้น จึงทำให้มีร้านรับสักเกิดขึ้นมากมาย และเกิดเรื่องราวอันน่าสนใจที่คนชอบศิลปะการสักอาจไม่เคยรู้มาก่อน เราจึงออกตามหาช่างสักมืออาชีพที่ได้รับรางวัลการันตีจากงาน ‘MBK Center Tattoo Contest 2015 Vol.10 : Tattoo Evolution’ ที่เป็นกิจกรรมรวมพลคนรักศิลปะการสักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เพื่อนำความลับของรอยสักจากปากของช่างสักมืออาชีพเหล่านั้นมาแบ่งปันแก่คนที่สนใจศิลปะแขนงนี้โดยเฉพาะ

1

1. ลายสักที่ยากและน่ากังวลเป็นที่สุด

ลายสักแนว Realistic และ Portrait เป็นลายที่ช่างหลายๆ คน มีความเห็นตรงกันว่าสักยากมาก เพราะช่างมักกังวลว่าต้องทำอย่างไรให้ผลงานออกมาเหมือนกับต้นแบบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสักรูปคน สัตว์ หรือสิ่งของ ซึ่งต้องเน้นทั้งเรื่องอารมณ์และแสงเงาของผลงานให้มีความเสมือนจริง ช่างสักแนวนี้จึงต้องมีฝีมือในการสักมาก หากใครอยากสักแนว Realistic หรือ Portrait ก็ควรเลือกช่างที่มีความชำนาญในการสักแนวนี้สักหน่อย

2. สักแบบนี้ช่างเองก็เซย์โน

ช่างสักส่วนใหญ่มักปฎิเสธไม่รับสักบริเวณใบหน้าเลย เนื่องจากสังคมไทยยังไม่เปิดกว้างพอที่จะยอมรับการสักในบริเวณนี้ เพราะอาจทำให้คุณดูขาดความหน้าเชื่อถือในหน้าที่การงาน รวมถึงเวลาไปทำธุรกรรมต่างๆ ดังนั้น ใครที่อยากสักบริเวณใบหน้าหากไม่มั่นใจสุดๆ ก็ขอเตือนว่าให้คิดดีก่อนนะ

3. รอยสักแบบนี้น่าเบื่อมาก

งานสักแนว Tribal ที่มีลวดลายชนเผ่าต่างๆ ซึ่งต้องเน้นลวดลายและความคมเข้มของสีมาก อีกทั้งเป็นงานที่ใช้ความละเอียด ปราณีต และเวลานาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ช่างสักหลายคนต่างก็บ่นว่า…น่าเบื่อสุดๆ

2

4. หญิงหรือชายใครอึดกว่ากัน

ที่เคยได้ยินกันมานักต่อนักว่าผู้หญิงสามารถทนความเจ็บปวดได้มากกว่าผู้ชายนั้นเป็นเรื่องจริงที่สุด เพราะช่างสักทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าผู้หญิงจะมีความอดทนในการสักได้มากกว่าลูกค้าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงเป็นเพศที่รักสวยรักงามและมีความอดทนสูง อย่างที่บรรดาผู้หญิงหลายๆ คนมักพูดว่า “อยากสวยก็ต้องอดทน”

5. เหตุการณ์น่าระทึกก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ใครจะรู้บ้างว่าระหว่างการสักก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ อย่างลูกค้าบางรายกลัวความเจ็บปวดมากจนเป็นลมคาเตียง แต่ที่ระทึกสุดๆ คือ ลูกค้ามีอาการชักและเกร็งระหว่างการสัก เพราะตื่นกลัวสุดขีด ช่างสักเจอแบบนี้….ก็อึ้งไปเหมือนกัน ดังนั้น หากใครที่อยากสัก ก็ควรเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม หรือแจ้งช่างก่อนว่าสักครั้งแรก

6. ราคาของรอยสัก

หลายคนอยากสักแต่ไม่รู้ว่าราคาเป็นอย่างไร บอกเลยว่าการสักลวดลายต่างๆ บนเรือนร่างนั้นไม่มีราคาที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของช่างแต่ละคนในการกำหนดราคา รวมถึงประเภทลวดลาย ขนาด และความละเอียดของงาน หากช่างสักเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากราคาก็จะแพงตามไปด้วย โดยส่วนใหญ่การสักราคาจะเริ่มที่หลักพันต้นๆ แต่ถ้าคุณไปคุยกับช่างแล้วเขาถูกใจ คุณอาจได้รอยสักเก๋ๆ แบบไม่เสียเงินเลยก็ได้

7. จุดนี้เจ็บลึกสุดทน

รู้หรือไม่ว่าส่วนที่สักแล้วเจ็บสุดๆ คือ แถวสีข้าง เพราะเป็นจุดที่มีเนื้อน้อยและใกล้กระดูกซี่โครงมาก จึงทำให้ผู้สักรู้สึกสั่นสะเทือนไปถึงกระดูก อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความอึดของแต่ละคน หากใครที่อยากสักแต่กลัวเจ็บ ช่างสักขอแนะนำว่าให้สักที่ต้นแขน เพราะจุดนี้เป็นจุดที่เจ็บน้อยที่สุดแล้ว

3

8. อยากมีรอยสักสวยยันแก่ฟังทางนี้

การสักบริเวณหลังหรือท้องแขน ที่ใครหลายๆ คนบอกว่ารอยสักจะสวยคงทนได้ยันแก่จะจริงเท็จแค่ไหนไม่รู้ เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับช่างสักด้วย หากช่างที่มีประสบการณ์และเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะสักบริเวณไหนก็สามารถทำให้รอยสักสมบูรณ์คงทนได้ นอกจากนี้ สภาพผิวหนังและการดูแลรอยสักของแต่ละคนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รอยสักนั้นอยู่คงทนสวยงาม

9. วัยรุ่นวัยลอง

หากวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ช่างสักมืออาชีพส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันจะไม่รับสักให้ เนื่องจากยังต้องทำตามกฎระเบียบของโรงเรียนและสังคม ช่างจะแนะนำให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน หรือให้เวลาไปศึกษามาก่อน แล้วค่อยมาสักเมื่อพร้อม เพราะรอยสักต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิต อีกทั้งต้องคำนึงถึงครอบครัว และหน้าที่การงานในอนาคตด้วย

10. ถ้าอยากเป็นช่างสักเสียเองต้อง…

มีใจรักในศิลปะการสักและมีความตั้งใจจริง ควรต้องมีพื้นฐานด้านศิลปะ รู้เรื่ององค์ประกอบศิลป์ต่างๆ รวมถึงมีความเข้าใจในเครื่องมือสักด้วย แต่บางคนที่ไม่มีทักษะด้านศิลปะมาก่อนเลย ควรลองเข้าไปขอคำแนะนำจากช่างสักเก่งๆ แล้วหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้ เพิ่มความชำนาญ ในที่สุดก็สามารถเป็นช่างสักที่ดีได้

สำหรับคนที่ฝันว่าอยากมีรอยสักเท่ๆ สวยๆ สักรอย ก็ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน เลือกช่างสักที่มีผลงานถูกใจ เพราะรอยสักนั้นต้องอยู่กับคุณไปตลอด ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องเสียเงิน…แถมยังเจ็บตัวฟรีอีกด้วย

ที่มา : MBK

ภาพ : MBK

Praew Recommend

keyboard_arrow_up