account_circleเขาใหญ่ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮ็อตตลอดปี โดยเฉพาะสำหรับคนกรุงเทพฯ ที่มองหาสถานที่ใกล้ๆ ไปชาร์จแบตเติมพลังในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ชิลกับอากาศดีๆ และสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติสีเขียวได้อย่างเต็มอิ่ม ซึ่งตลอดทางขึ้นเขาใหญ่ โดยเฉพาะหากขึ้นไปจากฝั่งปากช่อง ขอบอกว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ไม่ควรพลาดแวะเช็คอิน เพื่อเติมความสุข สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด และเก็บภาพความประทับใจ ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง ตาม 10 ลายแทงต้องเที่ยวมาได้เลย
เช็คอิน “เขาใหญ่” 10 ลายแทงต้องไป เที่ยวฟินอินกับธรรมชาติได้ตลอดปี
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และได้รับสมญานามว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมานานหลายสิบปี เพราะนับเป็นแหล่งผลิตโอโซนสีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด และเป็นต้นน้ำลำธารที่หล่อเลี้ยงชีวิตสัตว์ป่าหายาก ทั้งเก้ง กวาง ช้าง เสือ ไปจนถึงกระทิง ให้ได้พึ่งพิงอาศัย การได้นั่งรถผ่านเส้นทางที่ร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ ได้ยินเสียงนก เสียงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ส่งเสียงร้องทักทายผู้มาเยือน นับเป็นวิถีการท่องเที่ยวที่แสนสุขสำราญใจ แค่ได้ขับรถมองวิวข้างทางก็เพลินมากแล้ว ในขณะเดียวกันยังสามารถแวะท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิว น้ำตกเหวสุวัต ทุ่งหญ้าเขียวขจีระหว่างทาง อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น ล่องแก่ง ดูนก กางเต็นท์ค้างแรม หรือจะพักบ้านพักของอุทยานฯที่สงบเงียบ สุดประทับใจ อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท ที่ทำการ โทร. 086-092-6527 ติดต่อบ้านพัก โทร. 086-092-6529
ฟาร์มโชคชัย
การมาเยือนเขาใหญ่ ถ้าไม่แวะมาฟาร์มโชคชัยก็เท่ากับมาไม่ถึง ฟาร์มแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของฟาร์มโคนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย และยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร สามารถนั่งรถแทร็กเตอร์หรือรถม้าชมบรรยากาศโดยรอบฟาร์ม โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำชมส่วนต่างๆ และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกมากมาย เช่น เยี่ยมชมกระบวนการการผลิตน้ำนมดิบ ตั้งแต่การเลี้ยงโคนม การรีดนม รวมทั้งกิจกรรมขี่ม้า ชมฟาร์มม้า ฟาร์มสุนัข และการแสดงของสัตว์ ชมการแสดงคาวบอย ลองขี่ม้า รีดนมวัว ดูสุนัขต้อนแกะ และพลาดไม่ได้กับสเต็กขึ้นชื่อ ตลอดจนผลิตภัณฑ์นมแปรรูปทั้งไอศกรีม โยเกิร์ต ทอฟฟี่นม ให้ซื้อติดมือกลับไปเป็นของฝากอีกด้วย นอกจากกิจกรรมแสนเพลิดเพลิน สเต็กโชคชัยอันเลื่องชื่อ และอาหารหลากเมนูแสนอร่อยแล้ว ที่นี่ยังมีห้องพักบูติกแคมป์เป็นเต็นท์ติดแอร์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนแบบกลับสู่วิถีธรรมชาติ สร้างความแตกต่างจากรีสอร์ตอื่นๆ สำหรับตารางเปิด-ปิด ฟาร์ม วันธรรมดา จะมีรอบ 10.00 และ 14.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีรอบ 09.00 รอบ 14.00น. ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 300 บาท/คน เด็กวัดค่าเข้าเป็นส่วนสูง ต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี, สูง 90 ซม. ขึ้นไปราคา 150 บาท/คน
ฟาวน์เท่น ทรี รีสอร์ท เขาใหญ่ (Fountain Tree Resort Khaoyai)
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในโซนเขาใหญ่ที่คึกคักตลอดปี เพราะมีกิจกรรมมากมายให้เล่น มีห้องประชุมสัมมนา ลานจัดเลี้ยง การแสดงคาวบอย วอร์คแรลลี่ 20 ฐาน และยังโดดเด่นด้วยที่พักที่แบ่งเป็นโซน ได้แก่ สุพีเรีย เมืองคาวบอย บูติก วิลล่า เต็นท์ กระโจม บ้านพัก ชวนอิ่มอร่อยในห้องอาหารสไตล์คันทรี่ และสนุกกับกิจกรรมสุดมันส์ 14 ชนิด เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนส่วนตัว และยังมีการจัดงานท่องเที่ยวประจำปี ท่องเที่ยวเขาใหญ่ หรือจะมาจัดงาน Cowboy Night Party จัดประชุม จัดกิจกรรมวอล์คแรลลี่ ทีมบิลด์ดิ้ง ฝึกอบรมสัมมนา ค่ายฤดูร้อน ค่ายผจญภัย แอดเวนเจอร์ จัดค่ายเยาวชน ค่ายภาษา ค่ายนักศึกษา ค่ายเรียนรู้ กลุ่มฝึกอบรมพัฒนาองค์กร รองรับได้กว่า 500 คน ที่สำคัญยังมีมุมสวยๆ และมุมท้าทายให้ถ่ายภาพประทับใจมากมาย โทร. 087-800-8158-9, 044-993-794-5
ปาลิโอ้ เขาใหญ่ (Palio)
ถ้ามาเที่ยวปากช่อง มุ่งขึ้นเขาใหญ่ น้อยคนนักที่จะไม่แวะช้อปปิ้งที่นี่ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สะดุดตาตั้งแต่อาคารสีสันสดใส ซึ่งจำลองอาคารบ้านเรือนมาจากหมู่บ้าน ทัสคานี (Tuscany) ประเทศอิตาลี การออกแบบและก่อสร้างเป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน มีร้านเล็กๆ เป็นแนวลดหลั่นเรียงกัน รอต้อนรับผู้มาเยือน จัดสรรพื้นที่บริการและขายสินค้าหลากหลาย ทั้งของแต่งบ้าน เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ งานดีไซน์ ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ ร้านเสริมสวย สปา ร้านขายยา ร้านขายหนังสือ และยังมีศูนย์อาหาร สวนหย่อม หอชมวิว ให้ถ่ายภาพสวยๆ ไว้แชร์ลงโซเชียล เวลาเปิด-ปิด จันทร์-ศุกร์ 08.00-19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 08.00- 21.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม การเดินทางแสนง่าย จากถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ แยกเข้าถนนธนะรัชต์ (ทางหลวงหมายเลข 2090) โครงการปาลิโอ้เขาใหญ่ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17 โทร. 098-097-3885
เขาใหญ่ฟาร์มวิลเลจ (Khao Yai Farm Village)
สถานที่ที่ผสมผสานความรู้และความสนุก เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรรูปแบบใหม่ เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือ Agrotourism โดยเน้นเกษตรแบบผสมผสาน พื้นที่กว่า 60 ไร่ถูกแบ่งสันปันส่วนสำหรับฟาร์มแกะ ฟาร์มกระต่าย ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรที่นำเอาทฤษฎีเกษตรพอเพียงมาปรับใช้ โดยมีวิทยากรพาชมบริเวณโดยรอบพร้อมอธิบายทุกรายละเอียดกันแบบเจาะลึก ทั้งการเพาะเห็ดที่จะได้รู้ถึงขั้นตอนการทำก้อนเห็ด วิธีการดูแล และการเก็บเห็ด เชื้อราต่างๆ ภายในเห็ด รวมถึงการปลูกพืชผักสวนครัว และผักเศรษฐกิจ ซึ่งนอกจากจะปลูกกินเองแล้ว ยังสามารถจำหน่ายเป็นการสร้างรายได้ให้ครัวเรือน อีกทั้งยังมีการเลี้ยงไส้เดือน ซึ่งมูลไส้เดือนสามารถนำไปใช้ทดแทนปุ๋ยสารเคมีที่ราคาแพง แต่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัยต่อต้นไม้ 100 % หลังจากได้รับความรู้เชิงเกษตรไปเรียบร้อยแล้ว ทุกคนสามารถร่วมกิจกรรมที่น่าสนใจได้อีก ไม่ว่าจะเป็น การปลูกผัก การทำก้อนเชื้อเห็ด การทำเทียนแฟนซี โดยเราจะได้รู้ทุกขั้นตอนอย่างละเอียด และยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ด้วย เรียกว่าใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย เหมาะที่จะพาเด็กๆ มาทำกิจกรรมแบบเอ้าท์ดอร์พร้อมเรียนรู้เรื่องวิถีการเกษตรแบบออร์แกนิกที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท สามารถเที่ยวได้ทั้งฟาร์ม เปิดทำการทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น. โทร. 087-800-8158-9, 093-319-0931-2
เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม (KhaoYai Art Museam)
หลายคนมักคิดว่าเขาใหญ่คงมีแต่รีสอร์ต ไร่องุ่น ไร่ข้าวโพด และร้านอาหารเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเขาใหญ่ยังมีอีกหนึ่งเสน่ห์นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย ซึ่งสามารถแวะชมงานจิตรกรรมที่จัดแสดงในอาคาร เดินชมผลงานประติมากรรมในสวน หรือจะแวะซื้อของที่ระลึกไอเดียเก๋ๆ ติดไม้ติดมือก็ได้ โดย เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม เป็นพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ส่วนตัวของ พงษ์ชัย จินดาสุข ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เก็บรวบรวมงานศิลปะของศิลปินชั้นนำทั่วประเทศไทย ที่คุณพงษ์ชัยสะสมไว้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่แห่งความสุขที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทาง โดยเฉพาะคนที่รักการเสพศิลป์ เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 9.00-18.00 น. โทร. 044-7596-060-6, 02-714-7929
สวนสัตว์โบนันซ่า (Bonanza Exotic Zoo)
หนึ่งในความพิเศษของอาณาจักร โบนันซ่า เขาใหญ่ คือได้จัดสรรพื้นที่กว่า 100 ไร่ เปิดเป็น “โบนันซ่า เอ็กโซติค ซู” สวนสัตว์ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา ให้ทุกคนได้เยี่ยมชมสัตว์แปลกนานาชนิด ในระยะทางเดินเป็นวงกลมรอบภูเขาขนาดเล็ก ประมาณ 700 เมตร เป็นสวนสัตว์ที่กะทัดรัด สงบ มีสัตว์ที่หาชมยาก ไม่ว่าจะเป็นอัลปาก้า สัตว์หน้าคล้ายอูฐที่กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ ด้วยจุดเด่นของขนที่หนานุ่มและหลากสีสัน ลูกสิงโตขาว พบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและตื่นเต้นกับการป้อนนมอย่างใกล้ชิด แพนด้าแดง สัตว์ที่มีความน่ารัก แสนซน และยังมีสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ค่าเข้าชม 100 บาท โทร. 044-921-109
เดอะ เบิร์ดเดอร์ ลอดจ์ คาเฟ่ (The Birder’s Lodge Café)
คาเฟ่สุดเก๋ โดดเด่นด้วยดีไซน์น่ารัก จนเรียกได้ว่า ถ้าใครมาเขาใหญ่แล้วไม่ได้แวะ The Birder’s Lodge เพื่อซื้อกาแฟ กดเช็คอิน และแชร์ภาพลงโซเชียล ถือว่าพลาด ถึงแม้ร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่มีการจัดสรรพื้นที่ได้ดี มีที่นั่งหลายมุมสวยๆ ทั้งในร้านและเอ้าท์ดอร์ ภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยสีครีม น้ำตาล และเขียว ด้านหลังมีที่พักสวยๆ สะดุดตาด้ายอาคารไม้ทรงแปลกตา เหมาะที่จะมาถ่ายภาพสวยๆ เป็นที่ระลึก เพราะมีมุมถ่ายภาพเก๋ๆ เยอะมาก เวลาเปิด-ปิด วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี 8.30-18.00 น. วันศุกร์-วันเสาร์ และวันหยุดยาวต่อเนื่อง 8.30-21.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-035-8554
ไร่ทองสมบูรณ์คลับ (Thongsomboon Club)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยภูเขา และทุ่งหญ้าลูซี่ สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก ขอบอกว่าการมาเยือนที่นี่จะทำให้รู้สึกว่าเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะบนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ มีกิจกรรมแสนสนุกหลากหลาย ชวนเพลิดเพลินตลอดทั้งวัน เรียกว่ามาที่เดียวครบและคุ้ม มีทั้งที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน กิจกรรม น่าแวะมาเก็บความประทับใจในสไตล์คาวบอยกันได้ตลอดปี ไร่ทองสมบูรณ์คลับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ชอบความท้าทาย ชอบผจญภัยแบบเอ้าท์ดอร์ ทั้งนั่งกระเช้าลอยฟ้า บอลยักษ์ให้แทรกตัวเข้าไปอยู่ข้างในแล้วกลิ้งลงมาจากที่สูง สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ หรือจะนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมบรรยากาศ ภูเขา ทิวทัศน์ของไร่ทองสมบูรณ์ และแมกไม้นานาพรรณ หรือจะนั่งรถจักรไอน้ำอายุกว่า 60 ปี ที่ยังวิ่งให้บริการแห่งเดียวในประเทศไทย นำชมเส้นทางธรรมชาติในไร่ทองสมบูรณ์คลับ หรือว่าจะล่องแก่ง ขี่ม้า ขับเอทีวี โกคาร์ท เล่น Flying Fox ก็ตามสะดวก ค่าใช้จ่ายกิจกรรมละ 150 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนค่าบริการนำเที่ยว ไป-กลับ ราคา 50 บาท นอกจากนี้ยังมีที่พักหลายรูปแบบไว้ให้บริการอีกด้วย เช่น กระโจมอินเดียน คาราวานเกวียน และแคมป์เปอร์ (ที่พักแบบรถเทรลเลอร์กลางแจ้ง) ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศที่บริสุทธิ์ ที่จะช่วยเติมเต็มความสุขด้วยกลิ่นอายความเป็นคาวบอยตะวันตก โทร.044-312-316, 093-326-6685, 097-343-3313
ไร่องุ่น ไวน์กราน-มอนเต้ (GranMonte Vineyard and Winery)
ไร่องุ่นไวน์ กราน-มอนเต้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร Agrotourism หรือ การท่องเที่ยวเชิงเกษตรไวน์ Oenotourism เรียกว่าเป็นการผสมผสานระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการปฏิบัติงานทางด้านการปลูกไวน์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมีไร่องุ่นปลูกอยู่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่นี่มีองุ่นหลายสายพันธุ์คัดสรรจากต่างประเทศ เช่น Syrah, Cabernet Sauvignon, Chenin Blanc, Viognier, Verdelho โดยคัดเลือกสายพันธุ์ที่เข้ากับสภาพอากาศ และดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมหลักระดับพรีเมี่ยมในการผลิตไวน์ของไร่กราน-มอนเต้ หลายคนมาที่นี่เพราะหลงใหลในรสชาติของไวน์ฝีมือ นิกกี้-วิสุดา โลหิตนาวี ทายาทเจ้าของไร่องุ่นแห่งนี้ที่มีดีกรีเป็นถึงไวน์เมกเกอร์หญิงคนแรกของเมืองไทย ด้วยการดูแลองุ่นทุกต้นอย่างพิถีพิถัน และกระบวนการทำไวน์ฉบับอินเตอร์ ทำให้ไวน์ของไร่นี้มีคาแร็กเตอร์พิเศษเฉพาะตัว จนหลายปีที่ผ่านมาไวน์ของกราน-มอนเต้ได้ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย จากการคว้ารางวัลในระดับโลกมาแล้วมากมาย
สำหรับใครที่สนใจเรื่องไวน์เป็นพิเศษ สามารถซื้อแพ็คเกจชมสวนองุ่น และร่วมเวิร์คช็อปชิมไวน์ หรือ Wine tasting ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีร้าน Montino Shop ขายผลิตภัณฑ์จากไร่อย่างไวน์และแยมไวน์องุ่น รวมทั้งร้านอาหาร VinCotto ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนบรรยากาศเยี่ยม ที่ซ่อนตัวอยู่ในไร่องุ่น และยังมีบริการห้องพักสุดหรู ถือว่าให้บริการครบทุกรูปแบบ ทั้งร้านอาหาร ที่พัก นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นประจำปีในช่วงต้นปี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว จนต้องจองแพ็คเกจข้ามปีกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเรื่องการบริการยังการันตีด้วยรางวัลชนะเลิศการบริการยอดเยี่ยมประจำปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน จาก Tripadvisor เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ค่าเข้าชมไร่องุ่น และ Wine tasting เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 330 บาท แพ็คเกจสำหรับวันธรรมดา รวมเซ็ตอาหารกลางวัน เริ่มต้นที่ 955 บาท วันเวลาเปิด-ปิด วันธรรมดา 8.00-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 8.00-19.30 น. โทร. 044-009-543 หรือ 092-806-7755
นี่คือ 10 จุดเช็คอินห้ามพลาดโดยรอบเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง ที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อน เพื่อให้รางวัลตัวเองและครอบครัว แวะไปเติมเต็มความสุขให้ฟินกันได้ตลอดทั้งปีเลย