มาแล้วต้องโดน! ปักหมุดร้านสตรีทฟู้ด – คาเฟ่ ถูกปากคนไทย ไปสิงคโปร์ห้ามพลาด

มาแล้วต้องโดน! ปักหมุดร้านสตรีทฟู้ด – คาเฟ่ ถูกปากคนไทย ไปสิงคโปร์ห้ามพลาด…เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันหยุดยาวคราวหน้า หากใครที่กำลังแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศใกล้บ้านเราอย่างสิงคโปร์ ต้องอ่านและปักหมุดไว้เลย

มาเที่ยวสิงคโปร์อย่าคิดว่าของอร่อยของประเทศนี้จะมีแค่บักกุ๊ดเต๋หรือข้าวมันไก่สิงคโปร์เท่านั้น ที่นี่ยังมีอาหารอย่างอื่นที่ให้ลองอีกเยอะมาก ด้วยผู้คนของที่นี่เขามีหลายเชื้อชาติหลายวัฒนธรรม อาหารท้องถิ่นของบ้านเขาจึงมีหลายมิติมาก ซึ่งวันนี้คัดมาเน้นๆ ทั้งคาวและหวาน ที่สำคัญบางร้านยังได้รางวัลการันตีจากมิชลินสตาร์ด้วยนะ

ตึกสไตล์เปอรานากัน อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ที่มาแล้วต้องแวะแชะภาพเก็บไว้

นอกจากสถานที่เที่ยวยอดนิยมในสิงคโปร์อย่าง Sentosa, Garden by the bay, Merlion และ Street Art ย่าน Haji Lane รวมถึง Little India ที่ใครไปก็ต้องแวะไปทำกิจกรรมและไปแชะภาพชิคๆ เก็บไว้โพสลงโซเชียลมีเดียกันแล้ว อาหารการกินของที่นี่ก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ที่กำลังจะพูดถึงให้ลืมภาพของข้าวมันไก่ที่ดังที่สุดที่อยู่ใน Maxwell Food Centre หรือบักกุ๊ดเต๋เจ้าดังที่ร้าน Song Fa ไปก่อน เพราะวันนี้จะลิสต์มาแต่ร้านอาหารท้องถิ่นที่ฮ็อตที่สุดในเวลานี้ ใครมาแล้วพลาดไม่ได้กินนี่เสียดายแย่

เริ่มต้นเบาๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยว Beach Road Prawn Mee เมนูเด็ดของที่นี่คือก๋วยเตี๋ยวกุ้งกุลาดำ ซึ่งเขาจะกินกับเส้นบะหมี่ รสชาติของเมนูนี้ที่เด่นเลยคือน้ำซุป และนอกจากจะกินกับกุ้งแล้ว ยังมีให้เลือกใส่กระดูกหมูที่ตุ๋นจนเปื่อยก็อร่อยไปอีกแบบ

ของเด็ดของร้านนี้อีกจานก็คือ Ngoh Hiang หรือ ฟองเต้าหู้ทอดยัดไส้หมูสับ กุ้งและแห้ว  แต่จานนี้มีลูกชิ้นปลา, ปลาหมึกกรอบ, ฟักทองบดทอด และไข่เยี่ยวม้าเพิ่มมาด้วย จิ้มกับซอสสูตรของทางร้านรสชาติออกเปรี้ยวเค็มหวานมีเผ็ดบางๆ อร่อยสุดๆ

พิกัดร้าน : 370 East Coast Road, Singapore 428981  โทร: +65 6345 7196

มาต่อที่ร้านอาหารที่ฮ็อตสุดๆ ในหมู่หนุ่มสาวออฟฟิศชาวสิงคโปร์ที่ร้านเดอะโคโคนัทคลับ คอนเซ็ปต์ของร้านนี้ เขาทำอาหารและเครื่องดื่มที่เน้นใช้มะพร้าวเป็นเมนูหลัก

โดยอาหารที่ขึ้นชื่อคือ Nasi Lemak และเมนูท้องถิ่นแบบดั้งเดิมเช่น Charcoal-grilled Otak Otak (โอตะก์-โอตะก์ หรือห่อหมกมลายู) , Ikan Goreng (ปลาทอด) และ Cendol (ลอดช่องสิงคโปร์)

นอกจากนี้ยังมีความพิเศษเกี่ยวกับข้าวโดยใช้ข้าวหอมมะลิไทยเก่า และใช้มะพร้าวสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตกของมาเลเชียที่เรียกว่า MAWA จาก Sabak Bernam กะทิที่ทำขึ้นมาสดๆ จากที่ร้าน มีความนุ่มและเข้มข้นมาก ร้านนี้แนะนำว่ายังไงก็ต้องมา เพราะล่าสุดเพิ่งได้รางวัล BiB Gourmand ปี 2018 จากมิชลินสตาร์มาด้วย

พิกัดร้าน :No. 6 Ann Siang Hill Singapore 069787 โทร: (65) 6635 2999 เปิด: Mon-Sun 11:00 – 15:00 และ 18:00 – 21:30

สำหรับคนสิงค์โปร์ ร้านที่ชื่อ Loo’s Hainanese Curry Rice เป็นอีกร้านที่ทุกคนต้องรู้จัก  ซึ่งคนที่นี่จะชอบมากินกันทั้งเป็นอาหารเช้า และอาหารกลางวัน โดยเมนูที่ฮิตที่สุดก็คือแกงกะหรี่สไตล์ไหหลำราดข้าว กินคู่กับหมูตุ๋นหมูทอดกะหล่ำปลีจับฉ่าย และแกงเผ็ด ซึ่งจะมีทั้งใส่กุ้งและปลาหมึก รวมไปถึงอาหารอื่นๆ เช่น ปลาทอดและหมูชุบแป้งทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน

พิกัด : 71 Seng Poh Rd #01-49, Singapore 160071 เปิด:  8.00 – 14.45  (อาจปิดร้านเร็วเมื่อขายหมด) ปิดทำการทุกวันอังคาร
โทร: +65 6225 3762

เบรกของคาวมาต่อกันที่ร้านกาแฟที่โด่งดังเรื่องทาร์ตที่สุดในสิงคโปร์อย่าง Drips Bakery Cafe’ ร้านตกแต่งสไตล์มินิมอล ที่สอดแทรกงานศิลปะแบบ Pop Art โดยมีขนมหวานขึ้นชื่ออย่างทาร์ตผลไม้ ทาร์ตมะนาวเมอแรงค์ และเค้กอีกหลายชนิดให้ลิ้มลองดื่มคู่กับกาแฟและชาของทางร้าน

พิกัด : #01-05, 82 Tiong Poh Road, Singapore 160082

เปิด:  จันทร์ – พฤหัสบดี : 11.00 – 21:30 | ศุกร์ – เสาร์ : 11.00  – 22.00 และอาทิตย์ : 11.00 – 21.30

โทร: +65 6222 0400

มาแล้วต้องโดน! ปักหมุดร้านสตรีทฟู้ด – คาเฟ่ ถูกปากคนไทย ไปสิงคโปร์ห้ามพลาด

นอกจากร้านอาหารและคาเฟ่ที่บอกพิกัดกันไปแล้ว ที่นี่หากใครมาในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี จะได้เต็มอิ่มกับความอร่อยของเมนูอาหารอีกเป็นร้อยชนิดในเทศกาลอาหารสิงคโปร์ที่เขาจัดขึ้นเป็นประจำเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประเทศสิงคโปร์ในมุมมองที่ต่างออกไป และได้ลิ้มรสหลากหลายเมนูท้องถิ่นของสิงคโปร์ พร้อมสัมผัสกับเอกลักษณ์และมรดกทางวัฒธรรมของสิงคโปร์ผ่านอาหารท้องถิ่น โดยไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ในเทศกาลนี้ คือ งานเทศกาล 50 เซนต์ (The 50 Cents Fest) ที่จัดขึ้นในย่านไชน่าทาวน์ ได้อิ่มเอมไปกับอาหารยอดนิยมในยุค 1930 ของสิงคโปร์ ผู้ร่วมงานยังได้ตื่นตาตื่นใจไปกับโชว์สุดพิเศษจาก Taxi Girl การแสดงโอเปร่าแบบดั้งเดิม และผจญภัยย้อนเวลากลับไปในปี 1930 ด้วยเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ที่จะถูกติดตั้งภายในงานอีกด้วย

หรือสำหรับคนที่ชอบกินอาหารพร้อมสัมผัสบรรยากาศริมทะเล อีกหนึ่งเทศกาลอาหารที่จัดขึ้นในช่วงเดียวกันก็คือ Sentosa Grillfest ที่นี่มีบูธอาหารมากกว่า 30 บูธ ซึ่งแต่ละร้านล้วนมีเมนูขึ้นชื่อที่ถูกใจเหล่านักชิมให้ได้เพลิดเพลินกับการกินอาหารอร่อยพร้อมฟังดนตรีสดยามค่ำคืน โดยค่าเข้างานเริ่มต้นที่ 15 ดอลลาร์สิงคโปร์ ต่อคน

 

อย่างที่บอกว่าวันหยุดยาวครั้งหน้า หากใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวสิงคโปร์ ก็ลองไปกินตามร้านที่บอกได้เลย ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารที่อยู่ในเมืองทั้งนั้น แต่สำหรับเทศกาลอาหารสิงคโปร์อาจจะต้องรอเป็นปีหน้านะจ๊ะ เพราะปีนี้งานจบลงหมดแล้ว ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานนี้ก็ลองเข้าไปที่ www.stb.gov.sg และ www.visitsingapore.com หรือติดตามผ่านทวิตเตอร์ได้ที่ @STB_sg (https://twitter.com/stb_sg)   ก็ได้จ้า

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up