ก๊อปปี้ความรวย สไตล์มหาเศรษฐี อยากรวย ต้องอ่าน !

ใครบ้างไม่ อยากรวย … ขนาดมหาเศรษฐีโลกติดอันดับ 4 ปีซ้อนอย่าง “บิลล์ เกตส์” ยังมีประโยคประจำตัวว่า “If you born poor it’s not your mistake, but if you die poor it’s your mistake” ไม่ผิดหรอกที่คนเราจะเกิดมาจน แต่หากคุณตายอย่างยากจนนี่สิ ผิดแล้วล่ะ

อยากรวย
บิลล์ เกตส์

นั่นแปลว่าทุกคนสามารถสร้างความร่ำรวยได้ ถ้าอย่างนั้นเหล่ามหาเศรษฐีมีวิธีหาเงินและใช้เงินให้รวยปังอย่างไร แล้วทำอย่างไรจึงจะได้เป็นมิลเลียนแนร์ เราจึงค้นคว้าข้อมูลของมหาเศรษฐีโลกและประสบการณ์ตรงจากกูรูการเงินมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อเป็นตัวช่วยคนอยากรวย…

อยากรวย ต้องอ่าน

อยากรวย
เจฟฟ์ เบโซส์ แห่ง Amazon

จัดอันดับเศรษฐีโลก – เศรษฐีไทย

ปีที่แล้วนิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับเศรษฐีทั่วโลกที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า เป็นครั้งแรกที่จำนวนเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญของฟอร์บส์ มียอดทะลุไปถึง 2,000 คนแล้วจ้า

สำหรับตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกคือ เจฟฟ์ เบโซส์ แห่ง Amazon ซึ่งล้มแชมป์เก่า 4 ปีซ้อนอย่างบิลล์ เกตส์ เจ้าพ่อ ไมโครซอฟต์ ตามมาด้วยปู่วอร์เรน บัฟเฟต์ และมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก แห่งเฟซบุ๊ก รวมถึงมีเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่จากจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 76 คน รองลงมาคือชาวอเมริกัน ส่วนพี่ไทยเราก็ไม่น้อยหน้า เพราะล้วนแต่เป็นตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองไทยทั้งนั้น

จะว่าไปแล้วตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินที่พวกเขาถือครองไม่ใช่สิ่งที่ ทำให้เขาเป็นเศรษฐี วิธีคิดในการหาเงินและใช้เงินของพวกเขานี่สิที่น่าสนใจ

นิสัยเศรษฐี ทำแล้วรุ่งปัง ได้ตังค์เยอะ

อย่างแรกที่พวกเขาเหล่านี้มีคล้ายกันคือ “การแบ่งปัน” ล่าสุด ทั้งบิลล์ เกตส์ ปู่วอร์เรน และมาร์กจับมือกันทำโครงการ “The Giving Pledge” เพื่อกระตุ้นให้อภิมหาเศรษฐีร่วมบริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศล บิลล์ เกตส์ เองยังคงเดินหน้าทำมูลนิธิการกุศลภาคเอกชนที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยากในโลกที่สาม ส่วนมูลนิธิ Bill & Melinda Gates มุ่งเน้นเรื่องการปรับปรุงระบบการศึกษาของอเมริกาให้เป็นรูปร่างมากขึ้น ส่วนคุณปู่วอร์เรนยังคงแน่วแน่ที่จะบริจาคทรัพย์สินของเขา ให้การกุศลเช่นเดิม จนถึงตอนนี้บริจาคไปแล้วกว่า 2.85 หมื่นล้านดอลลาร์ นะจ๊ะ

ถัดมาคือการ “ใช้เงินต่อเงิน” คนทั่วไปอาจใช้เงินซื้อของเพื่อบำบัดทุกข์หรือบำรุงสุขให้ตัวเอง โดยไม่รู้ว่าได้ผลตอบแทนเป็นอะไร คุ้มค่าหรือไม่ แต่สำหรับเศรษฐีเมื่อต้องใช้เงิน พวกเขามักคิดอย่างรอบคอบเสมอ เพื่อให้การใช้เงินนั้นไม่สูญหายไปเปล่าๆ แต่ได้อะไรกลับมาด้วย

อยากรวย
ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

 ทุกความล้มเหลว นำมาซึ่งความสำเร็จ

ภาววิทย์ กลิ่นประทุม เป็นอีกหนึ่งกูรูการเงินและเซียนหุ้น ซึ่งนอกจากเขาจะแชร์ประสบการณ์ทั้งดีและร้ายในการทำธุรกิจ วิธีการเล่นหุ้น หลักการลงทุนของเขาผ่านบล็อกส่วนตัว จนมีคนนำมารวบรวมพิมพ์เป็นพ็อกเก็ตบุ๊กติดเบสต์เซลเลอร์ ต่อๆ กันมาหลายเล่มแล้ว เขายังจัดสัมมนาเรื่องหุ้นและการลงทุนที่คนฟังเพียบ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินผู้ลงทุนรายย่อยให้บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง พร้อมจัดพอร์ตหุ้นของตัวเองและครอบครัวจนได้รับเงินปันผลแต่ละปีไม่ใช่น้อย แต่กว่าจะมีวันนี้เขาผ่านการลองผิดลองถูกเรื่องเงินและการลงทุนมาเกือบหมดทุกอย่างแล้ว

“เริ่มจากผมอยากประสบความสำเร็จตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย จึงหาว่าวิธีทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายตรง ขายอาหารเดลิเวอรี่ ลูกจ้างร้านอาหาร ไปจนถึงเปิดร้านของตัวเองที่แม้จะดีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายเมื่อพื้นฐานไม่แน่นก็ไม่เวิร์ค “พอกลับมาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพในเมืองไทย ทำให้ได้เห็นอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับโลกธุรกิจ จึงเขียนบล็อกเล่าประสบการณ์ตัวเอง ระหว่างนั้นก็ศึกษาเรื่องตลาดหุ้นไปด้วย ผมเริ่มลงทุนในหุ้นด้วยเงินน้อยๆ ค่อยๆ เก็บข้อมูล แล้วเขียนเล่าในบล็อกไปด้วย จนมีคนมารวบรวมพิมพ์เป็นหนังสือ หลังจากนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเลย เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งที่ผมไม่ได้มีพอร์ตใหญ่โต แค่รวบรวมประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง จากนั้นผมเริ่มจัดสัมมนาหาคนเก่งมาแชร์ประสบการณ์ บางเวทีก็เชิญผมไปพูดจนตอนหลังผมย้ายมาเป็นที่ปรึกษาการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง

“อาชีพที่ผมทำทุกวันนี้จึงเป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์หรือ เซเลบ 4.0 นั่นเอง ผมขายความรู้และประสบการณ์ ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งผมคิดว่าต่อไปอาชีพนี้จะเริ่มมีมากขึ้นในทุกธุรกิจ พูดง่ายๆ คือของต้องมี

อยากรวย
Masayoshi Son มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น

4 วิธีใช้เงินแบบเศรษฐีญี่ปุ่น

1) อิสรภาพจากสายตาคน สู่อิสรภาพในการใช้เงิน
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มองว่า ไม่จำเป็นต้องอวดรวยด้วยการแต่งตัว หรือสวมเครื่องประดับราคาแพง เพื่อแสดงให้รู้ว่าฉันคือใคร เพราะ ถ้าเราแสดงตนเป็นคนธรรมดา คนอื่นก็จะปฏิบัติกับเราแบบธรรมดา ซึ่งจะช่วยให้เรารู้จักคนนั้นจริงๆ

อย่าใช้เงินเพื่อภาพลักษณ์ แต่จงใช้เงินเพื่อผู้อื่น ถ้าผู้บริหารญี่ปุ่นพาลูกน้องไปเลี้ยงอาหารค่ำที่ภัตตาคารหรู ไม่ใช่เพราะอยากให้ เห็นว่าตัวเองมีสตางค์ แต่เขาอยากขอบคุณจากใจที่เหนื่อยยากมาด้วยกัน การใช้เงินกับสิ่งที่ชอบหรือเพื่อคนที่รักย่อมทำให้มีความสุขมากกว่าเพื่อรักษาหน้าตาและภาพลักษณ์

2) การใช้เงินคือการลงทุน

คนส่วนใหญ่มักเผลอใช้เงินไปกับข้าวของมูลค่าเล็กๆ น้อยๆ อย่างง่ายดาย เช่น ค่ารถแท็กซี่ ค่าอินเทอร์เน็ต ฯลฯ ถ้ารวมกันก็เป็นเงินก้อนเชียวนะ ดังนั้นทุกครั้งก่อนจ่ายควรถามตัวเองว่าของที่จะซื้อนั้นมีประโยชน์จริงหรือเปล่า เพราะถ้าซื้อแล้วได้ บางอย่างกลับมา สิ่งที่จ่ายไปก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เช่น การตัดสินใจเสียเงิน 200 บาทขึ้น รถแท็กซี่แทนที่จะเสียเงิน 13 บาท ขึ้นรถประจำทาง มีประโยชน์ต่อตนเองจริงหรือเปล่า เพราะถ้านั่งแท็กซี่แล้วมีเวลาทำจิตใจให้สงบ ซักซ้อมสิ่งที่จะคุยกับลูกค้า ทำให้ได้โอกาสในการเซ็นสัญญา เงิน 200 บาทนั้นจึงจะถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

การเลือกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นสิ่งที่เศรษฐีระดับโลก หลายคนเลือกทำ เช่น เจ้าพ่อ Zara นำเงินปันผลที่ได้รับทุกปี ซึ่งมีมากกว่า 400 ล้านเหรียญไป ขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของเขา ซึ่งมีอาคารกระจายอยู่ตามมหานคร ใหญ่ๆ อย่างมาดริด บาร์เซโลนา ลอนดอน ชิคาโก ไมอามี นิวยอร์ก ฯลฯ ส่วนคาร์ลอส สลิม เจ้าพ่อการสื่อสารที่รวยที่สุดในเม็กซิโก ขอสะสมความมั่งคั่ง ร่ำรวยผ่านงานศิลปะ โดยให้ลูกเขยออกแบบพิพิธภัณฑ์เพื่อใช้เป็นที่เก็บสะสมงานศิลปะล้ำค่า

3) ยิ่งใช้เงิน ยิ่งได้เงิน

คนธรรมดามักมุ่งเก็บเงินที่หามาให้ได้มากที่สุด แต่คนญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาเก็บอย่างเดียว แต่รู้จักใช้เงิน อย่างฉลาดด้วยการมองหาสิ่งที่ลงทุนแล้วคุ้มค่า โดยหนึ่งในนั้นคือการลงทุนกับตัวเอง เช่น เรียน คอร์สอบรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้าง ความรู้และนำกลับมาใช้กับองค์กร หรือเรียนคอร์สปรับปรุงบุคลิกภาพ และวิธีแต่งกายเพื่อจะได้รับความ เชื่อถือและไว้วางใจจากลูกค้า ฯลฯ รวมทั้งการใช้เงินเพื่อสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อนฝูง การมีโอกาสไปกินข้าวเพื่อสร้างความสนิทสนม อาจเป็นโอกาสที่ทำให้เพื่อนเหล่านั้นแนะนำงานต่างๆ ให้เรา

4) รู้จักขอบคุณผู้อื่น

การแสดงความรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่ผู้อื่นทำให้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จงอย่าลืม “ขอบคุณ” เพราะความสำเร็จไม่ได้เกิดจากเรา เพียงคนเดียว ควรกล่าวชื่นชมเขาด้วยความจริงใจ เพื่อให้เขาภูมิใจในตัวเองและพร้อมทำงานเพื่อองค์กรต่อไป

อยากรวย

5 เทคนิคต่อยอดเงินให้รวยยิ่งขึ้นไป
จากประสบการณ์ตรงในการลงทุน การหาเงินและใช้เงิน และจากการได้พูดคุยกับเหล่าเศรษฐีทั้งหลายของภาววิทย์ ทำให้เขากลั่น ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับวิธีหาเงินและใช้เงินของเศรษฐีได้ดังนี้

1. อย่าเล่นหุ้นโดยลงเงินก้อนทั้งหมดที่มี เพราะถ้าเจ๊งแล้วจะลุกไม่ขึ้น จำไว้ว่ามีเงินเท่าไหร่ไม่สำคัญ แต่คุณควรลงหุ้นแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่มี อย่างน้อยถ้าเจ๊ง 1 เปอร์เซ็นต์จะได้ไม่เดือดร้อน

2. เวลามีข่าวดีไม่ควรซื้อหุ้น แต่ควรขายหุ้นต่างหาก และควรซื้อหุ้นช่วงมีข่าวร้าย แต่ดูด้วยว่าบริษัทนั้นๆ ดีหรือเปล่า ซื้อทิ้งไว้แล้วปล่อยให้โตไปตามเวลา ยิ่งถือหุ้นยาวเกิน 10 ปีขึ้นไปยิ่งทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงิน จากการได้รับเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเงินที่เราใส่เพิ่มเข้าไป คนรวยจริงมักซื้อหุ้นแล้วถือชั่วชีวิต

3. หากขาดทุนหุ้น อย่าซื้อเพิ่ม หลายคนพอขาดทุนแล้วซื้อเพิ่ม เพราะคิดว่าจะช่วยลดการขาดทุน กลายเป็นว่ายิ่งเจ๊ง หากขาดทุนต้องหยุดหรือทิ้งไปเลย ถ้าหุ้นไหนกำไรให้ถือต่อหรือซื้อเพิ่มก็ได้ ไม่ใช่ว่าได้กำไร 10 เปอร์เซ็นต์แล้วสั่งขาย

4. แยกให้ออกระหว่าง “ขยะ” กับ “สินทรัพย์’’ อะไรที่ซื้อไว้แล้วราคา ลดลงคือ “ขยะ” อะไรที่ซื้อเก็บไว้แล้วราคาขึ้นคือ “สินทรัพย์” การเก็บเงินในสินทรัพย์ โดยเฉลี่ยโตปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเก็บไว้เกิน 20 ปี จะโตเกินสิ่งที่เป็นสินทรัพย์ถึงสิบเท่าร้อยเท่า วิธีคิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ แต่ละคนรวยไม่เท่ากัน

5. พัฒนาสิ่งที่ถนัดให้เป็นมืออาชีพ หรือเป็นเซเลบ 4.0 เพื่ออัพค่าตัว สิ่งที่ตามมาคือรายได้ต่างๆ ที่ทำให้เราเซอร์ไพร้ส์ได้เสมอ อย่าปิดกั้นสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ควรคิดใหม่และเปิดไอเดียว่าสิ่งที่เราคิดเป็นไปได้เสมอ ยิ่งโลกออนไลน์สมัยนี้ ถ้าคิดอยากทำอะไรก็ทำได้เลย ควบคู่กับการทำงานประจำก็ยังได้ ยุคนี้สามารถเริ่มธุรกิจใหม่ได้ตลอดเวลา

หวังว่าเมื่ออ่านจบแล้ว คุณจะได้ไอเดียดีๆ ในการต่อยอดเงินที่คุณ มีอยู่ รู้จักใช้ รู้จักหา รู้จักเก็บ ลงมือทำตามนี้ แล้วความรวยจะสถิตกับท่านโชคดีค่ะ

ภาพและข้อมูล นิตยสารแพรว 926 , http://moneyinc.com , http://fortune.com

Praew Recommend

keyboard_arrow_up