Nike เผยโฉมนวัตกรรมอันก้าวล้ำที่ปฏิวัติวงการกีฬาของโลกตลอดกาล
Nike ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เปิดตัวนวัตกรรมกีฬาที่ล้ำสมัยและพร้อมจะเปลี่ยนโฉมวงการกีฬาของโลกอย่างแท้จริง โดยชูเทคโนโลยีที่หลากหลายและไม่เคยมีใครคิดค้นมาก่อน อย่างเช่น “เชือกรองเท้าที่สามารถปรับได้อัตโนมัติ” เทคโนโลยีรองเท้าฟุตบอลที่ช่วยป้องกันไม่ให้ดินเกาะติดกับปุ่มรองเท้าเพื่อรักษาสภาพของรองเท้า รวมทั้งมีการนำเสนอแอพพลิเคชั่น ไนกี้ พลัส และนวัตกรรมอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาที่ไนกี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น ได้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของไนกี้ที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่าเดิม และตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาอย่างแท้จริง โดยที่มีผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่สำคัญๆได้แก่
ไนกี้ ไฮเปอร์ อะแดปท์ 1.0 (Nike HyperAdapt 1.0) ซึ่งเป็น “เชือกรองเท้าที่สามารถปรับได้อัตโนมัติ” เพื่อมอบความกระชับเท้าและมอบการสวมใส่ที่พอดี โดยนวัตกรรมดังกล่าวเป็นนวัตกรรมของไนกี้ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนและจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอนาคตของวงการรองเท้า
ไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ ฟลายนิต (Nike Air VaporMax Flyknit) นับตั้งแต่การกำเนิดของนวัตกรรม แอร์ เมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา นักออกแบบของไนกี้จะใช้ชิ้นส่วนแอร์และยางเพื่อเพิ่มการรองรับแรงกระแทกและลดแรงเสียดทาน แต่ในปัจจุบันนี้ ชิ้นส่วนเหล่านี้ได้ถูกนำมาพัฒนา เพื่อสร้างความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและเสริมประสิทธิภาพให้กับนักวิ่งมากที่สุด โดยไนกี้ได้ทำการวิจัยมายาวนานหลายปี ด้วยการผสานเทคโนโลยี ไนกี้ ฟลายนิต และ ชิ้นส่วน ไนกี้ แอร์ เข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ รองเท้า ไนกี้ แอร์ เวเปอร์แม็กซ์ เป็นรองเท้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีที่สุดเท่าที่ไนกี้เคยมีมา
ไนกี้ แอนติ-คลอก แทรคชั่น (Nike Anti-Clog Traction) ที่ผ่านมาความเร็วของนักฟุตบอลมักถูกสกัดด้วยโคลนหรือดินที่เกาะติดตามปุ่มรองเท้า ดังนั้น ไนกี้ แอนติ-คลอก แทรคชั่น จึงเป็นเทคโนโลยีที่ไนกี้ได้นำโพลีเมอร์ชนิดใหม่มาเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพื้นรองเท้า และป้องกันการยึดเกาะของดินที่อาจเกาะปุ่มรองเท้า โดยเทคโนโลยี แอนติ-คลอก แทรคชั่นนี้ยังได้ช่วยลดน้ำหนักของตัวรองเท้าและลดโอกาสที่นักกีฬาจะลื่นล้มในสนาม อีกทั้งยังเป็นความพยายามล่าสุดของไนกี้ที่จะผสานวิทยาศาสตร์และการกีฬาเข้าไว้ด้วยกัน เนื่องจากมันสามารถแก้ปัญหาที่นักฟุตบอลเคยคิดมาตลอดว่า มันจะไม่สามารถแก้ไขได้
ไนกี้ ฟลายนิต (Nike Flyknit) ตลอดระเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ไนกี้ ฟลายนิต ได้ถูกนำมาใช้ในทุกประเภทกีฬา หลังจากที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกสำหรับการใช้ในรองเท้าวิ่งมาราธอน การผสานระหว่างเส้นด้ายและเทคนิคการถักทอแบบดิจิตอลที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับนักกีฬาท่ามกลางการแข่งขันทุกสภาพอากาศ ยังคงให้ไนกี้ได้เดินหน้าคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยทีมนักออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ยังได้พัฒนารองเท้าวิ่ง ไนกี้ ฟรี รันนิ่ง โมชั่น ฟลายนิต (Free RN Motion Flyknit) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Dual-Injection ในการผสานชิ้นส่วนโฟมลูนาร์ลอน 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับแรงกระแทกได้ดีกว่าเดิม
ไนกี้ ไฮเปอร์ดังค์ 2016 (Nike Hyperdunk 2016) เพิ่มขีดจำกัดโดยการผสานหน้ารองเท้าแบบฟลายนิตและชิ้นส่วนซูมแอร์ที่มีเชื่อมติดกับตัวรองเท้าโดยตรงและมีความยาวเท่ากับตัวรองเท้า ขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับคอรองเท้าแบบสูงและเส้นเคเบิล ฟลายไวร์ เพื่อเสริมความกระชับให้กับข้อเท้า และรองรับการเคลื่อนไหวในทุกท่วงท่า
ไนกี้ ซูม ซุปเปอร์ฟลาย ฟลายนิต (Nike Zoom Superfly Flyknit) รองเท้าที่เกิดจากการร่วมมือระหว่างไนกี้และ แอลลิสัน เฟลิกซ์ นักวิ่งเหรียญทองชาวอเมริกัน ที่ร่วมกันออกแบบรองเท้าวิ่งที่ใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ โดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการและวิจัยทางกีฬาของไนกี้ (NSRL) ที่รวบรวมความต้องการของเฟลิกซ์และผู้ฝึกสอนของเธอ ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าวิ่งที่เสริมความแข็งแกร่งและความกระชับ รวมทั้งมีน้ำหนักที่เบา เพื่อการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังใช้การพิมพ์ 3 มิติแบบ SLS ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าที่มีดีไซน์ที่สวยงามอีกด้วย
นอกจากนี้ ปาร์คเกอร์ยังได้พูดถึงหลักในการออกแบบและสร้างสรรค์เสื้อผ้าและรองเท้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “system of performance” ที่สร้างสรรค์ให้ขอบและรอยผ้าแต่ละชิ้นสามารถเชื่อมติดกันได้ อีกด้วย
ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่
www.facebook.com/praewmagazine
Instagram : @praewmag
และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
- Praew E-magazine
- NaiinPann
- Ookbee