account_circleตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาโควิด-19 ได้ระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ทำให้เกิดแนวทางการดำรงชีวิตแบบใหม่ ที่เราเรียกกันว่า New Normal ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ จากรัฐบาลโดยเฉพาะการสั่งปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ซึ่งทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ดูเหมือนว่าวิกฤตินี้จะไม่สามารถทำอะไรธุรกิจคลินิกเสริมความงามได้ เพราะแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจคลินิกเสริมความงามยังคงเป็นกราฟที่พุ่งตัวสูงขึ้น เรียกว่าสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
วันนี้ แพรว จึงขอพาไปเจาะลึก “เคล็ดลับความสำเร็จของการทำธุรกิจคลินิกเสริมความงามในปี 2565” โดยล้วงข้อมูลอินไซต์จาก 5 คลินิกความงามระดับท็อปของประเทศไทยเพื่อเฉลยเหตุผลว่าทำไมธุรกิจคลินิกเสริมความงามถึงยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤติต่างๆ
เริ่มต้นด้วยประธานบริหาร M-Med Clinic ซึ่งวิเคราะห์ว่าเหตุผลที่ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะฐานของผู้บริโภคขยายกว้างมากขึ้น โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไร ธุรกิจคลินิกเสริมความงามก็สามารถขยายการเติบโตได้มากขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากค่าเฉลี่ยของคนไข้ที่เริ่มตัดสินใจหันมาดูแลตัวเองมีค่าต่ำลงต่างจากสมัยก่อนที่คนไข้จะเริ่มดูแลผิวหน้าเมื่ออายุประมาณ 25-30 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันพออายุสัก 18 ปี หลายคนก็เริ่มดูแลตัวเองให้ดูดีกันแล้ว”
สำหรับ TC Clinic และ Aura Bangkok Clinic ได้แชร์มุมมองเอาไว้ว่า “ปัจจุบันเราสามารถพบเจอคลินิกเสริมความงามได้ทุกหนทุกแห่ง ทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงคลินิกเสริมความงามได้ง่ายขึ้นบวกกับกระแส Selfcare ที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง และการได้รับอิทธิพลจากสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนหันมาดูแลตัวเอง และรักสวยรักงามกันมากขึ้น รวมถึงการเป็นยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ก็ทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ดังนั้นคลินิกเสริมความงามจึงต้องแข่งขันกันสูง เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นดีๆ มาดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มาใช้บริการ จึงส่งผลให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามมีทิศทางการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง”
ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวการสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเสริมความงามให้เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว Bujeong Clinic และ Mega Clinic ได้ลงความเห็นตรงกันว่าคือ “ฟิลเลอร์” ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย
โดย Bujeong Clinic ได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่า “เนื่องจากคนไข้ส่วนใหญ่มักชอบอะไรที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังทำ ส่งผลให้ฟิลเลอร์กลายเป็นหัตถการยอดนิยมในปัจจุบัน และกลายเป็นตัวการสำคัญในการช่วยเรียกคนไข้ให้กับคลินิกเสริมความงาม”
อีกทั้ง Mega Clinic ยังได้สมทบข้อมูลในส่วนนี้ เพื่อยืนยันความสำคัญของฟิลเลอร์ต่อการขับเคลื่อนวงการธุรกิจคลินิกเสริมความงามด้วยว่า “ปัจจุบันคนไข้กลัวฟิลเลอร์กันน้อยลงและมองเห็นประโยชน์ของฟิลเลอร์กันมากขึ้น ทำให้กล้าฉีดฟิลเลอร์กันมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนไข้ได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ โดยเฉพาะการเข้าถึงฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐาน มีการรับรองความปลอดภัยและคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้คนไข้วางใจและรู้สึกอยากแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้าของตัวเองด้วยการฉีดฟิลเลอร์”
นอกจากนี้ คุณหมอของทั้ง 5 คลินิกเสริมความงามระดับท็อปยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ในปี 2565 เอาไว้ดังนี้
“เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าในปีนี้ จะเน้นไปที่การฉีดกระจายทั่วทั้งใบหน้าเพื่อทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ละมุนขึ้น แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ ไม่ทำให้หน้าดูแข็งจนเกินไป” – นายแพทย์ ชัชวาลย์ ศรีชยานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ประจำ TC Clinic ซึ่งมีเทคนิคในการฉีดฟิลเลอร์ให้ไม่เจ็บ และสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด ด้วยประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์กว่า 1000 cc ต่อเดือน
“เทรนด์ความต้องการของคนไข้ที่คลินิกจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือเติมฟิลเลอร์อย่างเป็นธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด กับอีกอย่างหนึ่งคือเติมฟิลเลอร์ตามรูปหน้าในฝันโดยส่วนตัวคิดว่าเทรนด์ที่มาแรงที่สุดน่าจะเป็นการฉีดปรับขนาดริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น” – นายแพทย์ เจตบดินทร์ ประคุณศึกษาพันธ์ (หมอเฟม) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าประจำ Aura Bangkok Clinic ซึ่งผ่านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้ามาแล้วกว่า 10,000 เคส
“เทรนด์การปรับรูปหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์ในปีนี้จะเน้นไปที่ปากเป็นพิเศษ เนื่องจากคนทั่วไปอยากมีริมฝีปากเหมือนดารากันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม Bujeong Clinic ก็จะฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า โดยคำนึงถึงรูปหน้าโดยรวมของคนไข้เป็นหลัก และทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด” – นายแพทย์ ทินภัทร ปิยะพรมดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์มือหนึ่งประจำ Bujeong Clinic ซึ่งเน้นการฉีดฟิลเลอร์ให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ และตรงตามความต้องการของคนไข้มากที่สุด
“ปีนี้เป็นปีของปาก เพราะดาราหันมาฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่มกันมากยิ่งขึ้น ทำให้คนทั่วไปอยากฉีดตาม และอยากได้ริมฝีปากเหมือนแบบดาราบ้างเทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ในปีนี้ จึงเป็นการเติมฟิลเลอร์เพื่อทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม และเป็นรูปกระจับมากขึ้นอย่างแน่นอน” – นายแพทย์ ลีลาวัฒน์ กิตติกูล (หมอลี) และแพทย์หญิงเกตวดี เรืองฤทธิเดช (หมอคิม) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ประจำ Mega Clinic คลินิกที่เน้นการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้มากที่สุด
“เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ปีนี้ น่าจะเป็นการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าทั่วๆ ไปตามปัญหาของคนไข้ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะอยู่ในเทรนด์เหมือนกัน คือการเลือกใช้ยี่ห้อของฟิลเลอร์ เพราะสิ่งนี้เป็นเหมือนอุปทานหมู่ในกลุ่มคนไข้ ที่เมื่อคนหนึ่งไปฉีดมาแล้วเป็นที่พึงพอใจ ไม่เป็นอันตราย ก็จะบอกปากต่อปากกันว่ายี่ห้อนี้ดี ทำให้นอกจากจะมีเทรนด์การเลือกจุดที่ฉีดแล้ว ยังมีเทรนด์การเลือกยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ฉีดอีกด้วย” – นายทนงเดช เสมมา ผู้บริหาร M-Med Clinic คลินิกความงามที่เปิดมายาวนานกว่า 10 ปี และมีจำนวนสาขามากถึง 15 สาขาทั่วประเทศ
โดยทั้ง 5 คลินิกเสริมความงามระดับประเทศได้ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าฟิลเลอร์ยอดขายอันดับหนึ่งของแต่ละคลินิกเสริมความงาม ที่คนไข้ให้ความไว้วางใจเลือกใช้ในการเติมเต็มรูปหน้ามากที่สุดคือฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของแต่ละคลินิกเสริมความงามได้เผยว่า Neuramis เป็นฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วแม่นยำสามารถปั้นทรงหรือเติมเต็มในจุดบกพร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งฟิลเลอร์ยังจับตัวกันดี จึงช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังฉีดทันทีรวมถึงยังไม่มีใครพบปัญหาแพ้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis หลังฉีด ส่วนคนไข้ก็พึงพอใจฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis ด้วยราคาที่เหมาะสม สามารถเข้าถึงได้จริง อีกทั้งยังมีคุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และช่วยแก้ไขปัญหาบนใบหน้าได้อย่างตรงจุด เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ Neuramis ขึ้นแท่นฟิลเลอร์ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้การยอมรับและคนไข้ต่างบอกต่อและแนะนำกันมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย