เจาะลึกเบื้องหลังกองเสื้อผ้าขนาดมหึมากับ ‘เก๋ วิริยา’ สไตลิสต์ละคร หนึ่งในร้อย

เจาะลึกเบื้องหลังกองเสื้อผ้าขนาดมหึมากับ ‘เก๋ วิริยา’ สไตลิสต์ละคร หนึ่งในร้อย

Alternative Textaccount_circle

ครองใจคนค่อนประเทศกับ ‘หนึ่งในร้อย’ ละครน้ำดีที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย 100 เรื่องที่คนไทยควรอ่าน สำหรับละครเรื่องนี้หลายคนชื่นชมให้กับความลงตัวในทุกองค์ประกอบทั้ง บทละคร, นักแสดง, ฉาก, เพลง รวมถึงคอสตูมที่โดดเด่นจนใครๆ พากันพูดถึงก่อนละครจะออนแอร์เสียอีก! แต่กว่าเราจะได้เห็นความสวยงามที่ปรากฏอยู่ในจอ แพรวขอพาทุกคนมาพูดคุยกับ ‘คุณเก๋ – วิริยา พงศ์ขจร’ หรือ ‘@verasalon’ ผู้อยู่เบื้องหลังกองเสื้อผ้าขนาดมหึมาของทุกตัวละคร

Talk with Verasalon

คอสตูมไม่อิงนิยาย

ก่อนเก๋รับบทมาอ่าน เราได้คุยกับผู้จัดละคร (แอน ทองประสม) มาประมาณหนึ่งว่า เขามองทิศทางของเรื่องไปทางไหน หรือ Mood & Tone เป็นยังไง ทางผู้จัดเขาชัดเจนว่าต้องการปรับให้บทละครอยู่ในยุค 40s ปลายๆ เราเลยตีความคอสตูมเป็นช่วง 50s หยิบแฟชั่นในยุคนั้นที่เริ่มสนุกกับการแต่งตัว ใช้สีสันของคอตูมมาตีความให้เข้ากับตัวละคร

และอีกโจทย์ที่ได้รับมา ผู้จัดอยากให้มีกลิ่นอายของซีรีส์ Bridgerton และภาพยนตร์ Emma อยู่ด้วย เพราะคอสตูมของทั้ง 2 เรื่องจะให้ความรู้สึกถึงความโรแมนติก เหมือนความตั้งใจของผู้จัดที่อยากให้ละครเป็นเหมือนเรื่องที่เกิดจากจิตนาการ ฟุ้งไปด้วยความรัก เราจึงเลือกเติมสีสันให้กับคอสตูมของทุกตัวละคร รวมถึงนักแสดงสมทบที่เราต้องคุมให้เป็นภาพรวมเดียวกันให้ได้ค่ะ แต่จะมีหนึ่งคนที่โดดเด่นออกมานั่นคือ ‘อนงค์’ เธอจะมีความทันสมัย เรียนจบจากเมืองนอก ทำให้แฟชั่นจัดจ้านกว่าตัวละครอื่น เรียกว่า เปิ๊ดสะก๊าด ประมาณนั้นค่ะ

One Word Represents Character

อนงค์ > สนุกสนาน

เก๋มองว่าตัวละครนี้คอสตูมสามารถมีความหลากหลายได้ ไม่จำกัดว่า ซิลลูเอทต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น เช่น ชุดทำงานเราอาจจะให้ใส่สูท ส่วนอยู่บ้านเราก็อยากให้ชุดมีความพลิ้ว ดูโรแมนติก เน้นสีสันให้ป๊อปอัพออกมาจากฉาก อย่างเวลาที่แพลนชุด ทีมจะคอยตีออกมาว่า ชุดนี้ใช้กี่ซีน ที่ไหนบ้าง จากนั้นเราก็วางชุดให้เหมาะกับภาพรวมของแต่ละสถานที่ที่ตัวละครไป

ชุดที่เรานำมาใช้มาจากสองแหล่งค่ะแบ่งเป็น ‘ไทยดีไซเนอร์’ 20% แต่ส่วนใหญ่เป็น ‘วินเทจ’ เริ่มแรกเราก็หาตามจตุจักร ไปจนถึงรอ CF ในไอจีที่เขามีชุดฝรั่งมาขาย ก่อนหน้าวันที่ต้องจอง ร้านจะโพสต์บอกก่อนว่าจะลงสินค้าวันที่เท่าไหร่ เวลาอะไร จากนั้นเราก็ต้องเตรียมจองกันค่ะ ตอนทำเรื่องนี้สนุกมาก วันๆ คืออยู่กับโทรศัพท์เตรียมเอฟชุด มัวแต่นั่งคิดว่า ลงหรือยังนะ? (หัวเราะ) แต่พอเราได้มา เสื้อผ้าก็ไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ ต้องเอามาตกแต่งเพิ่มอีกพอสมควรค่ะ

พระอรรถคดีวิชัย > Old Fashion

เราออกแบบชุดให้มีกลิ่นอายความเป็นฝรั่ง ทำให้ดูเหมือนเขาเอาเสื้อผ้าของคุณพ่อมาใส่ เราไม่ได้ทำเป็นราชปะแตน โจงกระเบน แต่เราใช้เครื่องแต่งกายแบบฝรั่งผสานความวินเทจลงไป ฉะนั้นเราจึงจะเห็นเชิ้ตคอตั้ง คอพับบ้าง หรือเนกไทที่ผูกแบบโบราณ เป็นผู้ดียุคเก่านิดนึง ประมาณ ร.5-6 ค่ะ

ชัด > ลูกเล่นเยอะ

คุณชัดคาแร็กเตอร์เขาจะเด็กกว่าคุณพระเยอะ เราเลยปรับให้ได้ลุคที่ขี้เล่นมากกว่า เพลย์บอยนิดๆ อีกอย่างหนึ่งคือแต่งตัวหลากหลาย เหมือนเป็น ‘อนงค์เวอร์ชั่นผู้ชาย’ เขาจะสนุกกับการแต่งตัว เพราะอาชีพของตัวละครนี้เป็นทหารใช่ไหมคะ เขาก็มียูนิฟอร์มของเขาอยู่แล้ว แต่พอเป็นลุคธรรมดาเราก็ให้มีความสนุก เข้ากับที่ชัดเป็นผู้ชายเข้าสังคม

จันทร > เท่

จันทรเป็นโจทย์หินที่สุดของเราเลยค่ะ จากที่อ่านบทคิดว่าคาแร็กเตอร์ต้องเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แต่แอนอยากให้เป็นผู้หญิงที่ดูสตรองและเท่ ซึ่งตามสตอรี่ไลน์เขาเริ่มต้นมาจากความน่าสงสาร เป็นผู้หญิงรันทด ที่วิชัยมาเห็นต้องรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีความเป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือน ตอนเราเตรียมชุดไปฟิตติ้งคือเป็นแนวเท่หมด ก็ต้องมาปรับกันว่าจะทำยังไงให้น้องกลายเป็นผู้หญิงที่ทำให้พระเอกเห็นแล้วนึกถึงภรรยาเก่า เรียกว่าเป็นคนที่ฟิตติ้งตั้งแต่เช้า แต่เสร็จสุดท้ายเลย เพราะต้องหาลุคให้ลงตัวในแต่ละช่วงชีวิตของจันทรค่ะ

‘อนงค์’ VS ‘Audrey Hepburn’

ถ้าดู Reference Board จริงๆ มีทั้งออเดรย์ รวมถึงเซเลบริตี้คนอื่นด้วยค่ะ เพราะเราเปิดดูตามนิตยสารแฟชั่นในยุคนั้นแล้วเราก็ดึงลุคที่น่าสนใจออกมา อีกอย่างคือเราทำให้มีกลิ่นอายบริดเจอร์ตัน เราก็มีดึงทรงผมยุคนั้นมาใช้ด้วยค่ะ

อนงค์ใช้ชุดทั้งหมดเท่าไหร่?

เรื่องนี้เราใช้ชุดไปเยอะมากค่ะ บางวันเปลี่ยน 2-3 ชุด นับละเอียดไม่ไหว เราเลยนับจากวันเริ่มถ่ายจนจบเรื่องแทน ซึ่งน่าจะประมาณ 120 วัน จนเราเองก็ตกใจว่าจำนวนชุดเยอะเท่านี้แล้วหรอ อย่างต่ำเฉพาะนางเอกมีร้อยกว่าชุดแน่ๆ ซึ่งนับถือใจญาญ่าเหมือนกันนะ เพราะชุดเราไม่ได้ตัดใหม่ ทำให้แต่ละชุดต้องมาเก็บหน้างาน ภาพที่เห็นก่อนเข้าฉากคือ ญาญ่าต้องยืนให้เย็บอยู่ตลอดเลยค่ะ (หัวเราะ)

ความท้าทาย

ความท้าทายเกิดขึ้นแค่ช่วงแรกค่ะ เพราะเราต้องหาตรงกลาง ทำยังไงให้ตอบโจทย์ผู้กำกับ ผู้จัดละคร รวมถึงนวนิยายด้วย เราถกเถียงกันบนโต๊ะประชุมบ่อยมากว่า จะไม่ตรงยุคหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่ามาทางของเรานี่แหละ หลังจากนั้นก็สนุกแล้วค่ะ เพราะเก๋ชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติก-ย้อนยุคอยู่แล้ว ยิ่งเห็นรายชื่อนักแสดง โดยเฉพาะ ญาญ่า กับต่อ รู้สึกว่าเป็นเคมีใหม่ๆ ที่ขอลุยเลยค่ะ

เซอร์ไพรส์ที่รออยู่

หลังจากนี้เราจะปรับลุคพระเอกนิดนึง รวมถึงอนงค์ด้วย อยากให้ติดตามว่าจะเป็นตอนไหนและเปลี่ยนไปอย่างไร ต้องรอติดตามใน ‘หนึ่งในร้อย’ ต่อไปนะคะ


เรื่อง: Mild Wipada

ภาพ: อิทธิศักดิ์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up