เด็กหลอดแก้ว

เปิดบันทึก “แม่” มดลูกพิการ แต่สร้างปาฏิหาริย์ด้วย “เด็กหลอดแก้ว”

เด็กหลอดแก้ว
เด็กหลอดแก้ว

บทบาทสำคัญของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่ปรารถนาอยากจะเป็น “แม่” คำสั้นๆ คำนี้มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ และต้องแลกมาด้วยความอดทนพยายาม เพื่อทำทุกวิถีทางให้ได้มีลูก ความผิดหวังจากอุปสรรคทางร่างกายที่ไม่สามารถมีลูกได้ตามธรรมชาติ อาจเป็นสิ่งที่ยากเกินจะยอมรับสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการมีลูก แต่ทุกอุปสรรคย่อมมีทางออก แม้ว่าต้องใช้ความอดทนทุ่มเทอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการได้เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตเล็กๆ ซึ่งก็คือดวงใจของผู้เป็นแม่

แม้จะผิดหวังกับการทำเด็กหลอดแก้วมาหลายครั้ง อีกทั้งก่อนหน้าก็พยายามตั้งครรภ์ตามธรรมชาตินานถึง 2 ปี  สำหรับบางคนอาจถอดใจไปแล้ว แต่ “คุณตาล – เกศรา วาณิชวัฒนกุล” เธอไม่เคยยอมแพ้ แม้จะต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม

 

2 ปีแรกแห่งความล้มเหลว
“ตาลแต่งงานใช้ชีวิตคู่อยู่ประมาณ 6 ปีที่ออสเตรเลีย ตอนนั้นยังไม่ได้คิดเรื่องมีลูก เพราะยังสนุกกับการทำงาน และคิดว่าร่างกายเราแข็งแรงดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่ใช่ค่ะ พอถึงวันที่อยากมีลูก อยากทำหน้าที่แม่ตามที่วาดฝันเอาไว้ กลายเป็นว่าตาลกับสามีพยายามมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติอยู่นานถึง 2 ปีกว่าๆ แต่ไม่สำเร็จสักที ซึ่งตอนนั้นตาลอายุ 33 ปีแล้ว จึงเดาว่าตัวเองมีลูกยากหรือเปล่า น่าจะมีปัญหาอะไรแน่ๆ เลย จึงตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้ว ICSI วิธีนี้ตาลเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะมีญาติฝั่งคุณพ่อไปทำค่ะ แล้วเขาได้ลูกแฝดสามมาเลยทีเดียว เป็นผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 1 คน ซึ่งตอนนั้นตาลรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากๆ ดีจังเลย และตัวเราเองก็อยากมีลูกอยู่แล้วด้วย ตอนนั้นก็คิดไว้ในใจเล่นๆ เหมือนกัน ว่าอยากมีลูกแฝดบ้าง”

 

ความหวังครั้งใหม่ที่ยังมาไม่ถึง
“เมื่อคุณหมอที่ออสเตรเลียแนะนำว่าให้ทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ตาลก็ตัดสินใจทำเลยค่ะ เพราะเราอยากมีลูกมากจริงๆ บวกกับเคยเห็นคนที่ทำแล้วเขามีลูกได้สำเร็จ แถมยังเป็นลูกแฝดตามที่เราเคยคิดเอาไว้ด้วย แต่หนทางการเป็นแม่ของตาลไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะประสบการณ์การทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ครั้งนั้น คงต้องเรียกว่าไปไม่ถึงฝันค่ะ โดยผลการตรวจเบื้องต้น คุณหมอบอกว่าตาลมีซีสต์อยู่เต็มมดลูก ทำให้มีลูกยาก ส่วนสามีเจอปัญหาสเปิร์มไม่แข็งแรง ตอนนั้นคุณหมอจึงให้ตาลกินยาปรับฮอร์โมนก่อนทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ซึ่งตาลทำกับโรงพยาบาลนี้ 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จเลย ยอมรับว่ารู้สึกท้ออยู่บ้าง แต่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เด็ดขาด จึงตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาล แม้ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นก็ยอมค่ะ พอตรวจใหม่ คุณหมอบอกว่ามดลูกตาลไม่สมบูรณ์ เรียกว่ามดลูกพิการ เพราะมีผนังกั้นในโพรงมดลูก  ต้องผ่าตัดก่อนถึงจะรู้ว่าควรแก้ไขอย่างไรต่อไป

“ด้วยสัญชาตญาณความอยากเป็นแม่ของตาล ทำให้รู้สึกว่าการรักษาที่ออสเตรเลียไม่โอเคแล้ว จึงตัดสินใจทิ้งชีวิตทุกอย่างที่ออสเตรเลีย แล้วกลับไปรักษาที่เมืองไทย คิดในใจว่ากลับบ้านเราดีกว่า เพราะการรักษาที่ออสเตรเลียยุ่งยากและใช้เวลานานมาก กว่าจะตรวจ กว่าจะรู้ผลแต่ละอย่าง เช่น ถ้าจะตรวจเลือดก็ต้องไปที่หนึ่ง ถ้าจะตรวจ MRI ก็ต้องไปอีกที่หนึ่ง แล้วกว่าจะตรวจครั้งต่อไปได้ ก็ต้องเว้นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ เรียกว่าไม่ทันใจคนอยากมีลูกมากๆ แบบตาลจริงๆ ค่ะ”

 

บทบาทที่ยิ่งใหญ่ สร้างชีวิตใหม่เกิดขึ้น
“เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ตาลก็มุ่งหน้าไปที่ V Fertility Center เลยค่ะ เพราะมีคนรู้จักหลายคนเคยทำเด็กหลอดแก้ว ICSI กับที่นี่ แล้วเขามีลูกได้สมความตั้งใจ อีกทั้งตาลยังได้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับ V Fertility Center มาก่อนด้วย ทำให้รู้ว่าที่นี่เขาเป็นโรงพยาบาลแรกของโลก ที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานรายโรค หรือ CCPC ด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร จากสถาบัน Joint Commission International หรือ JCI สหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งทำให้ตาลรู้สึกมั่นใจมากขึ้น”

การรับรองคุณภาพมาตรฐานรายโรค หรือ CCPC ด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร จากสถาบัน Joint Commission International หรือ JCI สหรัฐอเมริกา

การรับรองคุณภาพมาตรฐานรายโรค หรือ CCPC ด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร จากสถาบัน Joint Commission International หรือ JCI สหรัฐอเมริกา

การรับรองคุณภาพมาตรฐานรายโรค หรือ CCPC ด้านเทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร จากสถาบัน Joint Commission International หรือ JCI สหรัฐอเมริกา

“ที่ V Fertility Center ตาลทำเด็กหลอดแก้ว ICSI กับคุณหมอวรวัฒน์ ศิริปุณย์ ท่านเป็นสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ซึ่งตาลรู้สึกประทับใจทุกอย่างตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ คุณหมอให้คำปรึกษาในแบบที่เข้าใจหัวอกคนอยากมีลูก ความน่ารักของทีมพยาบาลที่คอยดูแลและให้กำลังใจ โดยเฉพาะเรื่องความครบวงจรของที่นี่ ซึ่งสามารถตรวจทุกอย่างได้ครบจบในที่เดียวและวันเดียว แถมยังรู้ผลแบบรวดเร็วทันใจภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่ยุ่งยากหรือรอนานเหมือนที่ออสเตรเลีย”

คุณหมอวรวัฒน์ ศิริปุณย์ สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

คุณหมอวรวัฒน์ เล่าเสริม “ในการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI คุณแม่หลายคนจะมีความกังวลว่า เด็กที่เกิดมาด้วยวิธีนี้จะแข็งแรงเหมือนเด็กที่เกิดจากธรรมชาติหรือเปล่า ซึ่งผมขออธิบายว่า ในขั้นตอนตั้งแต่การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ของ V Fertility Center เรามีนักวิทยาศาสตร์และห้องแล็บเป็นของตัวเอง และนักวิทยาศาสตร์ผ่านการรับรองจากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรป (ESHRE : European Society of Human Reproduction and Embryology) ซึ่งเป็นสมาคมที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เราจึงมีประสิทธิภาพในการดูแลไข่ อสุจิ ตัวอ่อน รวมถึงทุกกระบวนการของการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดและความแม่นยำสูง อีกทั้งการบริการภายในยังเป็น One Stop Service คือสามารถทำได้เองในทุกกระบวนการ ใครที่กังวลว่าเด็กที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI จะมีความแข็งแรงเทียบเท่าเด็กที่เกิดจากวิธีธรรมชาติไม่ได้ เรื่องนี้มีผลการศึกษามาโดยตลอดและพบว่า เด็กคนแรกที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้ว ตอนนี้อายุ 40 กว่าปีแล้ว และทั่วโลกมีเด็กที่เกิดจากวิธีนี้มากกว่าล้านคน ซึ่งทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงดีเทียบเท่าเด็กที่เกิดจากวิธีธรรมชาติ”

 

คุณตาล เล่าต่อ “พอคุณหมออธิบายให้ฟัง ตาลก็มีความมั่นใจและความหวังมากขึ้นเยอะ แม้ว่าผลการตรวจร่างกาย คุณหมอจะวินิจฉัยออกมาคล้ายๆ กับคุณหมอโรงพยาบาลที่ออสเตรเลีย แต่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จของที่นี่สูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คุณหมอที่ออสเตรเลียบอกว่าตาลมีโอกาสมีลูกสำเร็จเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แล้วคุณหมอวรวัฒน์ก็อธิบายชัดเจนกว่าเยอะเลยค่ะ มีภาพให้เราดูและมีการวาดภาพประกอบให้เราเข้าใจง่ายขึ้น ปัญหาของตาลคือมดลูกพิการ นั่นคือมีเนื้องอกที่มดลูก และมีผนังกั้นกลางมดลูก ซึ่งอาจทำให้ตัวอ่อนติดไม่ดี หรืออาจเกิดการแท้งได้ง่าย

“คุณหมอแนะนำให้ตาลกระตุ้นไข่ก่อน เพราะรังไข่ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพื่อเก็บไข่มาผสมกับอสุจิให้ได้เป็นตัวอ่อน แล้วเลี้ยงตัวอ่อนเก็บเอาไว้ก่อน จากนั้นพอถึงขั้นตอนที่จะย้ายตัวอ่อนกลับไปฝังที่มดลูก คุณหมอจึงจัดการกับมดลูกตาลที่มีปัญหาให้พร้อม โดยผ่าตัดเอาผนังกั้นกลางมดลูกและเนื้องอกที่มดลูกออกไป และตัวตาลเองก็พยายามออกกำลังกายให้ร่างกายฟิต ให้มดลูกแข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะว่ารู้สึกตัวเองว่าตัวเล็กไปไหม และคุณหมอก็จะให้ยาเพื่อเป็นการบูสท์ฮอร์โมนส่วนสามีไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่เก็บอสุจิเรียบร้อย ก็หมดหน้าที่เขาแล้วค่ะ” (หัวเราะ)

 

ช่วงเวลาแห่งความพยายาม
“ตาลทำเด็กหลอดแก้ว ICSI กับ V Fertility Center โดยได้กระตุ้นไข่ 1 ครั้ง และย้ายตัวอ่อนทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกันค่ะ ก่อนทำทุกครั้งตาลพยายามดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดตามคำแนะนำของคุณหมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน หรือออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งขอบอกเลยว่าพยายามเต็มที่และลุ้นมากทุกครั้ง อย่างครั้งแรกใส่ตัวอ่อนตัวเดียวไม่ติดเลย พอใส่ครั้งที่สองคุณหมอถามว่าจะใส่ตัวอ่อนไปสองตัวเลยไหม ซึ่งค่อนข้างอันตรายหากตัวอ่อนทั้งสองตัวแยกเป็นสามหรือสี่ เพราะจะกลายเป็นแฝดสามแฝดสี่ แต่การใส่สองตัวก็เป็นการเผื่อไว้ เพราะอาจจะติดแค่ตัวเดียวก็ได้ ซึ่งเราก็โอเค ใส่สองตัวเลย เตรียมใจไว้แล้ว ครั้งนั้นร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนแปลง มีอาการเวียนหัว พอไปตรวจก็พบว่าติดทั้งสองตัว แต่ว่าติดแค่ 11 สัปดาห์ก็หลุด ตาลมีโอกาสดีใจอยู่ได้ไม่นาน และใช้เวลาทำใจกับความสูญเสียอยู่สักพัก ตาลก็ฮึดย้ายตัวอ่อน กับ V Fertility Center อีกครั้ง ครั้งที่สามก็เลยบอกคุณหมอว่าใส่สองตัวเลยแล้วกัน ซึ่งเป็นตัวอ่อนสองตัวสุดท้ายของเรา เพราะตอนแรกตาลเก็บตัวอ่อนที่สมบูรณ์ที่สุดไว้อยู่ห้าตัว ปรากฏว่าติดค่ะแต่ตาลยังไม่ดีใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีบทเรียนความผิดหวังจากครั้งที่สอง การทำครั้งนั้นจึงทั้งลุ้นและกังวลใจ เพราะกลัวว่าเขาจะหลุดไปอีก”

“ตอนนั้นตาลจึงพยายามดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดทุกวิถีทางเลยค่ะ พยายามเดินให้น้อยที่สุด ใช้วิธีนั่งรถเข็นเอา จะเดินแค่เฉพาะเวลาเข้าห้องน้ำเท่านั้น จนมาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ตาลลุ้นและกังวลใจมากที่สุด คือตาลมีอาการเลือดออก ซึ่งตอนแรกตาลรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านก่อน พอคุณหมอเห็นอาการแบบนี้ ก็บอกให้ตาลเตรียมทำใจเอาไว้เลย เพราะมีโอกาสแท้งถึง 80% ขอบอกเลยว่าตอนนั้นเครียดมากๆ ค่ะ จึงตัดสินใจโทรไปปรึกษาคุณหมอวรวัฒน์ ซึ่งคุณหมอบอกให้ตาลใจเย็นๆ ก่อน แล้วพรุ่งนี้ให้ไปหาเขานะ พอวันรุ่งขึ้นตาลก็รีบไปที่ V Fertility Center เลยค่ะ พอตรวจกันเสร็จสรรพ คุณหมอก็พยายามช่วยตาลอย่างเต็มที่ ให้ยามาทุกแบบเลย ไม่ว่าจะเป็นฉีด แปะ เสียบ หรือทา รวมถึงเฝ้าติดตามอาการตลอดและคอยให้กำลังใจ เรียกว่าช่วยเราแบบสุดความสามารถจริงๆ จนสุดท้ายตาลก็ได้ลูกแฝดชายหญิงมาค่ะ” (ยิ้ม)

 

หัวใจคุณแม่นักสู้ ท้อแต่ไม่ถอย
“ด้วยความที่ตาลไม่ได้ทำเด็กหลอดแก้ว ICSI สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แถมการทำที่ออสเตรเลีย ก็แทบจะไม่มีหวังเลย ทำให้ช่วงแรกๆ รู้สึกท้อบ้างค่ะ แต่ตาลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยังคงพยายามทำตามความตั้งใจของตัวเองที่อยากจะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโต อยากทำหน้าที่แม่อย่างที่ฝันเอาไว้ ซึ่งพอได้เปลี่ยนมาทำกับ V Fertility Center ก็รู้สึกอุ่นใจและมั่นใจมากขึ้น แม้จะไม่ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่ทุกครั้งตาลจะเห็นความหวังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากครั้งแรกที่ไม่ติดเลย ครั้งที่สองก็ติดแต่หลุดไป กระทั่งครั้งที่สามก็สำเร็จจนได้”

“กว่าจะมีวันนี้ได้ นอกจากจะขอบคุณความใจสู้ของตัวเองแล้ว ตาลต้องขอขอบคุณ V Fertility Center ด้วยค่ะ โดยเฉพาะคุณหมอวรวัฒน์และทีมพยาบาลทุกคนที่ดูแลตาลอย่างดีทุกขั้นตอน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นและให้กำลังใจตาลมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่มาตรวจจนถึงวันคลอด บรรยากาศก็เป็นส่วนตัว มาแล้วรู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจทุกครั้ง ถ้ามีใครมาถามเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ตาลก็จะแนะนำที่นี่ทันทีเลย เพราะที่แห่งนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการได้ทำหน้าที่แม่คนหนึ่งของตาล ทำให้ ณ วันนี้ตาลมีความสุขมากๆ ภูมิใจและอิ่มเอมใจที่ได้ทำหน้าที่แม่อย่างที่ฝันเอาไว้ รวมถึงคนในครอบครัวของตาลทุกคน ก็ดีใจและมีความสุขตามไปด้วย เพราะลูกๆ มาช่วยเติมเต็มครอบครัวให้อบอุ่นและสมบูรณ์แบบค่ะ” (ยิ้ม)

จากเรื่องราวของคุณแม่นักสู้ “คุณตาล – เกศรา วาณิชวัฒนกุล” สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันหลายครอบครัวนิยมมีลูกกันช้าลง เนื่องจากวิถีชีวิตที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะการโฟกัสไปที่ความมั่นคงทางการเงินเป็นหลัก จนลืมนึกถึงการสร้างครอบครัว รวมถึงการมีลูก ทำให้เมื่อถึงวันที่คิดอยากจะมีลูก ปัจจัยบางอย่าง เช่น อายุ สุขภาพร่างกาย อาจไม่เอื้ออำนวย ทำให้มีลูกยาก ซึ่งการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการทำให้บทบาทที่ยิ่งใหญ่ในฐานะแม่เกิดขึ้น เพื่อสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาเติมเต็มความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น

เด็กหลอดแก้ว

ดังนั้นนอกจากประสบการณ์จริงของคุณแม่ที่ต่อสู้กับภาวะการมีลูกยากได้สำเร็จ ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI แล้ว แพรว ยังขอพาทุกคนไปเจาะลึกเกี่ยวกับการฝากไข่และการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคนี้และคนที่ประสบปัญหาการมีลูกยาก จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการมีบุตรยากอีก 2 ท่าน ประจำ V Fertility Center

พญ.ศรมน ทรงวีรธรรม สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

พญ.ศรมน ทรงวีรธรรม สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ อธิบายว่า “อายุที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์มากที่สุดคือช่วงอายุ 20-30 ปี เพราะหลังจากนั้นปริมาณและคุณภาพของไข่ ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์ของผู้หญิงจะลดลง โดยเฉพาะหลังอายุ 35 ปี จะมีผลทำให้ตั้งครรภ์ยากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงอยากแนะนำทางออกสำหรับผู้หญิงที่อยากมีลูกในอนาคตหรือในเวลาที่พร้อม ให้เข้ามาฝากไข่แช่แข็งเอาไว้ก่อน เพื่อคงสภาพเซลล์ไข่ในขณะที่อายุยังน้อย โดยอายุที่เหมาะสมกับการเก็บไข่ คือช่วงอายุ 20-35 ปี เพราะเป็นช่วงที่มีปริมาณไข่มากและมีคุณภาพดี ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถแช่แข็งเซลล์ไข่ได้นานเกิน 10 ปี ในต่างประเทศมีรายงานเด็กที่เกิดจากเซลล์ไข่ที่แช่แข็งเป็นเวลา 14 ปี ซึ่งการแช่แข็งเซลล์ไข่ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติในทารก และไม่ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์อีกด้วย”

 

พญ.วนากานต์ สิงหเสนา สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

พญ.วนากานต์ สิงหเสนา สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “สำหรับไข่ที่ถูกแช่แข็งไว้ โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้ทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งมีทั้งแบบ IVF และ ICSI แต่การทำ ICSI จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จมากกว่า เพราะเป็นการนำไข่และอสุจิมาปฏิสนธิ โดยจะฉีดอสุจิเข้าไปที่ไข่โดยตรง เมื่อได้ตัวอ่อนมา ก็จะถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างเหมาะสม ทั้งอุณหภูมิและแก๊ส ซึ่งในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อน (Embryoscope) ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดดูการเจริญเติบโตของตัวอ่อนตลอดเวลา เพราะมีการใช้กล้องช่วยมอนิเตอร์ตัวอ่อนแทน โดยจะมีการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงอายุ 5 วัน หรือที่เรียกว่าระยะบลาสโตซิส ซึ่งเป็นระยะที่ตัวอ่อนมีความพร้อมและความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการถูกย้ายเข้าไปฝังในโพรงมดลูกของผู้หญิง เพื่อตั้งครรภ์ต่อไป”

 

V fertility Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

โทร. 082-903-2035

ไลน์ : @vfertilitycenter

เฟซบุ๊ก : V Fertility Center-ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร

Praew Recommend

keyboard_arrow_up