สัมภาษณ์หยิกแกมหยอกของพระเอก-นางเอก “ร้อยเล่ห์มารยา” เบลล่า-ราณี แคมเปน & โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ คู่จิ้นขวัญใจมหาชนที่มองตาก็รู้ใจ
นับเป็นการกลับมาที่สมกับแฟนคลับตั้งตารอกันมานานจริงๆ สำหรับผลงานใหม่ของคู่จิ้นขวัญใจมหาชน โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และ เบลล่า-ราณี แคมเปน ซึ่งโคจรมาเจอกันอีกครั้งในเรื่อง “ร้อยเล่ห์มารยา” ของค่ายเมกเกอร์ เจ กรุ๊ป ออกอากาศทางช่อง 3 โดยหลังจากที่ออกอากาศไป ก็ได้รับฟีดแบคจากผู้ชมเป็นอย่างดี ทำเอาทีมงานโล่งกันไม่น้อย
โดยเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา พระนางคู่นี้ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ละครออกอากาศ ซึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่แค่ละครจะสนุกเท่านั้น แต่ลีลาการต่อปากต่อคำกันในชีวิตจริง คู่นี้ก็น่ารักมากเลยทีเดียว
หลังละครออกอากาศไปตอนแรกเป็นอย่างไรบ้าง?
เบลล่า : เอาจริงๆ เราก็แอบลืมว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างแล้ว เราก็ลุ้นมาก เพราะเราได้ดูพร้อมกับคนดูทุกคนเลยค่ะ
โป๊ป : รู้สึกเหมือนได้ดูละครเรื่องที่เราไม่เคยดู เพราะลืมหมดแล้วว่าถ่ายอะไรประมาณไหนบ้าง
ความแตกต่างระหว่างเรื่องร้อยเล่ห์มารยาและละครบุพเพสันนิวาสแตกต่างกันอย่างไร?
โป๊ป : คนละเรื่องเลยครับ อันนี้คือชีวิตจริงที่เป็นยุคปัจจุบัน อันนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่เคยสัมผัสในอดีตว่าคนสมัยก่อนเป็นอย่างไร ความสนุกมันต่างกัน บุพเพสันนิวาสจะเป็นความคลาสสิคอันนี้จะเป็นสมัยใหม่ แต่สนุกไม่แพ้กัน
บุคลิกของพระเอกมีความปากร้ายติดมาจากบุพเพสันนิวาสไหม?
เบลล่า : ติดมาจากตัวจริง(ยิ้ม)
โป๊ป : จริงๆ ปากร้ายคนละแบบ อันนั้นจะดุ อันนี้จะเตือน แต่ก็ร้ายเหมือนกัน
สำหรับโป๊ปบทนี้ยากและท้าทายอย่างไรบ้าง?
โป๊ป : ผมว่ายากกว่าบทพี่หมื่น เพราะเรื่องนี้ต้องธรรมชาติมาก มันต้องเป็นคนสมัยใหม่ เป็นคนปัจจุบันที่ฉลาดทันเกม รู้กฎหมาย มันต้องเป๊ะ แต่ต้องเล่นให้เป็นธรรมชาติ เหมือนไม่ได้แสดง แต่เรื่องบุพเพสันนิวาสแค่จำบทให้ได้แล้วคาแรกเตอร์เป็นคนนิ่งๆ เจ้าขุนมูลนาย มันไม่ยากเท่าปัจจุบัน จะสนุกคนละแบบ อันนี้คืออิมโพรไวซ์กันได้ เรื่องโน้นไม่รู้จะอิมโพรไวซ์กันอย่างไรในสมัยนั้น เรื่องนี้ที่เห็นเป็นธรรมชาติบางทีฝั่งเพื่อนนางเอกก็อิมโพรไวซ์เยอะเหมือนกัน บทเท่านี้ก็ใส่ไปให้มันเนียนขึ้น
เวลาจะอิมโพรไวซ์บทต้องนัดกันก่อนไหม?
โป๊ป : ไม่นัดๆ ผมกับเบลไม่นัดนะ
เบลล่า : ของเบลกับแก๊งเพื่อนต้องนัดกันนิดหน่อยเพราะมันมีความโบ๊ะบ๊ะ ต้องนัดกันว่าจังหวะไหนใครจะอะไรยังไง ไม่งั้นจะพูดทับกัน
อย่างที่เบลล่าบอกว่าโป๊ปเล่นเหมือนตัวจริงแล้วตัวจริงโป๊ปเป็นอย่างไร?
เบลล่า : ตัวจริงก็กวนๆ ซนๆ ชอบแซว ที่แซวน้าสิรี ที่รับบทโดย พี่นก-จริยา ในเรื่อง เติมทั้งนั้น แอบใช้ละครในการเหน็บคน
พอนอกบทกันแบบนี้เราต้องปรับสติอารมณ์อย่างไรให้รับให้ทัน?
โป๊ป : อันนั้นไม่รู้แล้วแหละ ต้องเอาตัวรอดกันเองแล้วผมใส่ไปแล้ว
เบลล่า : เราก็ต้องคีพคาแรกเตอร์คลิปอารมณ์ เพราะตัวพิชชา บางทีภายนอกอาจจะดูเฮฮาไปตามเขา แต่ข้างในเรายังมีเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ เล่นตรงนี้แต่ไปเคลียร์ที่บ้าน
โป๊ป : เอาจริงๆ เบลจะไม่ค่อยได้ดราม่าข้างในเลย เวลาเข้ากับผม ข้างในหัวเราะตลอด
แล้วเบลล่ามีการอิมโพรไวส์เองอย่างไรบ้าง?
โป๊ป: มีครับ ผมก็หลุดประจำเหมือนกัน อย่างที่เห็นตัวอย่างเบื้องหลัง คือเราหลุดขำแบบนั้นจริงๆ นั่นส่วนน้อยนะ หลังๆ มีหลุดเยอะกว่านั้นอีก
เบลล่า: หลังๆ เริ่มคุมสติไม่ได้ คือเรื่องนี้เราต้องรีแล็กซ์จริง มันถึงจะมีโมเม้นต์ที่อิมโพรไวส์กันได้ เพราะถ้าเราเกร็งหรือท่องแต่บทอย่างเดียวมันก็จะไม่ธรรมชาติ ก็เลยต้องเล่นกันเยอะ แต่พอเล่นกันเยอะก็มีสติหลุด
โป๊ป : แต่เวลาที่เราเข้าฉากด้วยกัน ไม่ว่าจะซ้อมหรืออะไร เหมือนจะเล่นไม่ได้ แต่เวลาจริงกลับได้เลย มันก็แปลกเหมือนกัน เป็นมาตั้งแต่ตอนที่เล่นบุพเพสันนิวาสแล้ว
ที่พูดมาเหมือนไม่ใช่ละครดราม่าเลยนะ?
โป๊ป : มันดราม่า แต่มันก็ความน่ารักอยู่มาก เพียงแต่แค่ยังไม่ถึง เรื่องนี้มันยังมีความเข้มข้นอีกเยอะ
เปิดฉากมาวันแรกเบลล่าก็ตบกระจายแล้ว หลายคนบอกแรงมาก เบลล่ารู้สึกอย่างไร?
เบลล่า: ทุกคนตอนนี้เรียกแม่แล้ว ก็นับว่าเป็นมิติใหม่เหมือนกัน จริงๆ เบลก็ถาม พี่นก ว่าเปิดมาต้องเบอร์นี้เลยใช่ไหม เพราะเรื่องราวชีวิตของพิชชามันมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่อันนี้มันถึงขีดที่ทนไม่ไหวจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ก็สนุกดีนะคะ ตบเมียน้อยเสร็จหันมาตบผัวต่อ แล้วก็กลับไปตบเมียน้อยอีกแล้ว(หัวเราะ)
โป๊ป : เรื่องจริงคงไม่ได้ทำแบบนั้น
เบลล่า : เรื่องจริงเป็นเราก็คงไปตั้งนานแล้ว
ตั้งแต่เป็นนักแสดงมาเบลล่าตบมากี่เรื่องแล้ว เพราะดูตบเก่งมากเลย?
เบลล่า : ก็จริงค่ะ ตั้งแต่กรงกรรม บุพเพสันนิวาส แต่มันก็เป็นมิติใหม่แล้วไง เดี๋ยวนี้มันไม่ได้จำกัดแล้วว่านางเอกหรือนางร้าย มันก็เป็นชีวิตมนุษย์
โป๊ปไม่โดนตบใช่ไหมเรื่องนี้?
โป๊ป : ไม่โดนครับ เพราะเป็นคนที่มีสติ คือถ้าเขาตบ ผมก็หลบครับ แค่นั้นเราก็ไม่โดนแล้ว
จริงๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างรามิลและพิชชาเป็นอย่างไร?
โป๊ป : ก็เจอกันมาตั้งแต่วัยรุ่น วัยเด็กมันต้องมีความผูกพันกันนิดหนึ่ง แต่เราก็ส่อแววมาตลอดว่าชอบเขาอยู่ เราเจอคนที่เป็นรักแรก และรักเขามากๆ ก็ต้องมีความรู้สึกแหละ แต่ว่าเราจะยับยั้งชั่งใจอย่างไร เพราะมันก็เกี่ยวกับเรื่องของศีลธรรมด้วย รามิลเหมือนตัวเรียกสติในเรื่องเลย มีแง่คิดมีมุมที่ดีให้กับคนดูได้เห็นว่าถ้าใช้ชีวิตให้ถูก เราก็จะเจอแต่สิ่งที่ดี และมีความสุข
เบลล่า : ของเราก็จะมีในโมเม้นต์ที่ทั้งมีสติและขาดสติเพราะปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามกระแสสังคม อยากได้รับการยอมรับจากสังคม จนลืมมองความรู้สึกข้างในของตัวเองว่าที่เราทนอยู่นั้น เราไม่ได้ทนเพื่อตัวเอง แต่ที่เราทนเพราะเรายังอยากให้เรายังมีหน้าตาในสังคม ซึ่งมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
เบลล่าเครียดไหมเพราะบทที่ได้รับค่อนข้างหนักหน่วงมาก?
เบลล่า: เครียดเพราะมันจะต้องเล่นให้สุด ไม่อย่างนั้นมันจะไม่นำพาไปจุดอื่นๆ ได้ก็ยังคุยกับพี่แมนว่านี่ยังไม่พีคอีกหรือพี่ เพราะซีนก่อนหน้านี้ก็สุดๆ แต่มันก็จะมีสุดๆ แบบนี้มาเรื่อยๆ เหมือนเป็นช่วงจังหวะชีวิตที่มันดราม่าแล้วมันก็จะมีมากยิ่งกว่าเข้ามาเรื่อยๆ เช่นฉากที่โดนแย่งสามี บางคนที่ดูออกก็ว่าร้ายแล้ว แต่คนที่เราดูไม่ออกร้ายกว่า แถมเป็นคนใกล้ตัวที่มาหักเหลี่ยมเราด้วย
โป๊ป: ถ้าดูเป็นละครก็สนุกดีแหละ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะโหดร้าย
ถ้าเป็นชีวิตจริงเบลล่าจะทำอย่างไร?
เบลล่า: ก็คงตัดขาดกันไปเลยแล้วค่ะ เพราะมันเหมือนกับอกหักซ้ำสอง โดนแย่งก็ว่าแย่แล้ว ยังจะโดนหักหลังจากคนที่รักอีก
แต่พระเอกก็ขี่มาขาวมาช่วยทันตลอด?
โป๊ป: ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาโผล่มาจากไหน (หัวเราะ) รามิลจะเข้ามาช่วยพิชชาตลอด
เล่าโมเม้นต์หวานๆ ในละครระหว่างพระนางให้ฟังหน่อยได้ไหม?
โป๊ป : มันก็พอๆ กับเรื่องบุพเพสันนิวาส แต่เป็นคนละสไตล์ อันนั้นคือเป็นคนจริงจังและขรึมๆ นิดๆ แต่กับรามิลคือมีความกวนมาเลย เป็นคนเปิดเผย เห็นอะไรไม่ถูกก็จะเตือนๆ เหน็บๆ มันก็จะได้ความน่ารักตรงนั้น
เบลล่า : มันจะค่อยๆ พัฒนาจากตอนแรก ก็มีโมเม้นต์ที่พยายามจะเก็บแต่ว่าเก็บไม่อยู่
ต้องคุยกันไหมว่าจะทำอย่างไรให้ต่างจากบุพเพสันนิวาสเพื่อให้คนไม่ติดภาพ?
โป๊ป : ไม่เลย
เบลล่า:ด้วยบทมันส่งอยู่แล้ว ว่ามันเป็นคนละเรื่องเลย
โป๊ป : เราไม่เคยพูดถึงเรื่องบุพเพสันนิวาสเลยในการทำงาน
เบลล่า : เหมือนเราก็เป็นนักแสดงหนึ่งนักแสดงสองแล้วมาเจอกัน ไม่ได้ติดอะไรมาเลย
เวลาเล่นฉากเลิฟซีนเราดีไซน์ยังไง?
เบลล่า : เป็นทางพี่แมนและพี่นกให้มากกว่า อย่างเราก็คือขำอย่างเดียว เพราะค่อนข้างสนิทกัน เวลาเข้าฉากเลิฟซีนมองหน้ากันแล้วก็ขำ
โป๊ป: ถึงจะเป็นละครดราม่าแต่ข้างหลังกล้องค่อนข้างคอมเมดี้ แต่พอตัดออกมาแล้วมันก็จะไม่ได้ขนาดนั้นเป็นละครที่มีหลายรสชาติมาก
อยากให้พูดถึงวาววากับหลุยส์บ้าง?
โป๊ป : สำหรับผม วาววานี่เกินคาดมาก แต่หลุยส์เขาฝีมืออยู่แล้ว เขาทำบทบาทของเขาได้ค่อนข้างดี และเดี๋ยวเขาจะมีดราม่าในคู่ของเขาด้วย
เบลล่า : คู่นี้จะมีอีกหนึ่งเส้นเรื่องที่ตีคู่มากับเราเลย เหมือนเปรียบเทียบเลยว่าคู่เรากับคู่ของเขามันจะเป็นอย่างไร
พอมีคนคาดหวังคู่เราที่ได้กลับมาเจอกันอีก เรากดดันไหม?
โป๊บ : ตอนทำงานไม่กดดัน มากดดันตอนจะฉายนี่แหละครับ ด้วยสถานการณ์โควิดด้วยมันก็เงียบๆ เราก็ค่อนข้างกังวลครับว่ามันจะออกมาดีไหม คนจะอยากดูละครแนวนี้ไหม แล้วบุพสันนิวาสมันก็ทำไว้ดีมาก เราก็กดดันตรงนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ตอนทำงานไม่กดดันครับ เราสนุก ไปกองเราก็เจอเบล เจอเพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นๆ เหมือนไปทำงานกับครอบครัว
แสดงว่าความขลังของคู่จิ้น โป๊บ-เบลล่า ยังมีอยู่ใช่ไหม?
เบลล่า : ก็ยังมีคนติดตามอยู่ค่ะ เราทำงานเป็นทีมมากกว่าจะมาทำงานกันอยู่สองคนมากกว่าค่ะ อย่างของเบล บทที่ได้มาบางทีเราเล่นเราว่าสุดแล้วนะ แต่จริงๆ ยังมีสุดกว่านั้นอีก มันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
โป๊บ : ผมว่าจริงๆ แล้วมันอยู่ที่องค์ประกอบโดยรวม ถ้าบทมันดี นักแสดงทำการบ้านดี มันก็จะส่งผลให้เห็น ผมว่าบทเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ทุกอย่างดีไปด้วย บางทีเอาจริงๆ ไม่เกี่ยวกับเราหรอก ตั้งแต่เรื่องบุพเพสันนิวาส บทมันเจ๋ง แล้วนักแสดงคุณภาพหมด มันก็เลยส่งหมด อย่างเรื่องนี้ผมมองว่าบทมันลงตัว เหมือนกับว่าเราดูไปแล้วเราไม่มีคำถาม ทุกอย่างมันเนียน มีเหตุผล ไม่มีติดขัด จริงๆ บทส่งนักแสดงนะครับ ไม่ใช่นักแสดงส่งบท
อย่างเบลล่าตอนเล่นเพลิงบุญก็ว่าเครียดแล้ว เรื่องนี้เครียดไหม?
เบลล่า : เรื่องนี้เครียดนะแต่ยังได้ปลดปล่อย ได้ขำ ได้ลงไม้ลงมือ มันหลากหลายมากกว่าค่ะ
เราทำงานด้วยกัน สนิทกันมากขึ้น เราได้เห็นอะไรในตัวอีกคนที่เราไม่เคยเห็นไหม?
โป๊บ : ไม่มีหรอก เห็นเบลหมดแล้วทุกอย่าง (หัวเราะ) เขาก็เป็นนักแสดงที่เล่นแล้วปล่อยหมด เราก็ไม่ต้องนึกภาพเยอะ ก็ชื่นชมเขามาตั้งแต่เรื่องแรกแล้ว
เบลล่า : รู้สึกต่างนิดหน่อย เรื่องบุพเพสันนิวาสมันเป็นพีเรียดแต่พอเป็นละครปัจจุบันมันจะสามารถอิมโพรไวส์ได้ แล้วเขาเก่งมากในเรื่องการเติม มีเมจิกโมเมนต์ที่เรารู้สึกว่า เอ้ย! มันมาได้ยังไง แต่มันดี ทำให้กลมกล่อมขึ้น
ให้เบลล่ารีวิวพี่โป๊ปหน่อยว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
เบลล่า : เบลจะรู้สึกต่างนิดหน่อย อย่างบุพเพสันนิวาสจะเป็นพีเรียด พอมาเป็นปัจจุบันพอจะอิมโพรไวส์อะไรได้เต็มที่มาก พี่โป๊ปเก่งมากในการเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี คืออาจจะมีหลุดบ้างนิดหน่อย แต่ว่าเราก็รู้กัน คือจะมี เมจิก โมเมนต์ ที่เราคิดว่ามาได้ยังไง แต่มันดี มันทำให้ละครกลมกล่อมขึ้น
เบลล่าหลงในการแสดงของพี่โป๊ปไหม เพราะบางคนก็หลงในรอยยิ้ม ในคาแรกเตอร์?
โป๊ป : เรื่องนี้เขาไม่พูดกัน เขาเก็บไว้คนเดียว (ยิ้ม) เดี๋ยวจะบอกให้นะ ว่าตอนกลางเรื่องจะฟินยิ่งกว่านี้อีก
เบลล่า : เบลรู้สึกเล่นง่าย เวลาเล่นกับพี่โป๊ป ตาเขาจะเล่าเรื่องด้วย”
เลิฟซีนเรื่องนี้หนักหน่วงขนาดไหน?
โป๊ป : หนักกว่าบุพเพสันนิวาสครับ ไม่มีอะไรมาก
เบลล่า : ไม่จริง มันคนละแบบกัน จะไม่ค่อยมีฉากแอคซิเดนท์หน้าชนกัน จะเป็นคนละแบบ
โป๊ป : ผมว่าเยอะกว่าบุพเพสันนิวาสในแง่ของการเข้าเลิฟซีน บุพเพสันนิวาส อย่างมากก็แค่ซอกหู อะไรก็ว่าไป จะน่ารักสวยงาม กอด หอมแก้มก็ฟินแล้ว ด้วยยุคสมัย แต่ยุคนี้เลยต้องมีนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้โหดร้าย
เบลล่า : เขาจะยึดติดตรงที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุก
แสดงว่าเรื่องนี้เบลล่าเป็นฝ่ายรุก?
เบลล่า : มีรุกค่ะ
โป๊ป : จริงๆ ก็รุกทั้งคู่แหละ แต่พอผู้หญิงรุกก็เป็นอะไรที่ตลกดี เป็นอะไรที่แปลกดี เป็นซีนน่ารักมากกว่า ก็เป็นผู้หญิงยุคใหม่ ก็ต้องมีนิดหนึ่ง
เบลล่า : เป็นซีนที่คนน่าจะกรี๊ดแหละ เพราะตัวละครพยายามไม่คิด ไม่ทำเดี๋ยวจะดูไม่ดี แต่สุดท้ายก็เอาวะ เลือกแล้ว
ด้วยความที่สนิทกันมาก เราเขินไหม?
เบลล่า-โป๊ป : เขินมาก
โป๊ป : แค่ซีนนอนกอดกันยังเขินเลย ซึ่งจริงๆ ปกติผมเล่นกับใครไม่ค่อยเขินหรอก ตอนแรกๆ ก็ไม่ได้เขินเขา แต่พอเล่นบุพเพสันนิวาสด้วยกันไปนาน ๆ ช่วงท้าย ๆ เราสนิทกันมาก แซวเล่นอะไรกันมากไปหน่อย ก็ขำอีกแล้ว
เบลล่า : โดนตัวกันไม่ได้เลย ขำอีกแล้ว
สุดท้ายแล้วฝากถึงละครเรื่องนี้สักเล็กๆ น้อยๆ ?
โป๊ป : ผมขอเป็นตัวแทนนักแสดงเรื่อง ร้อยเล่ห์มารยา แล้วกันนะครับ อยากให้แฟน ๆ ติดตามชมนะครับ เรื่องนี้จะได้ทั้งแง่คิด ความสนุก และรอยยิ้ม จากพวกเราแน่นอนครับ
ข้อมูลจาก : ค่ายเมกเกอร์ เจ กรุ๊ป