กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์

เส้นทางนักแสดงที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ของ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์

Alternative Textaccount_circle
กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์
กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์

เส้นทางนักแสดงที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ตลอด 5 ปีในวงการบันเทิง ของ พระเอกหนุ่มสุดฮ็อต กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์

ลออจันทร์ ออนแอร์เป็นเรื่องแรกของ ดวงใจเทวพรหม กดดัน ไหมคะ

“ยอมรับว่ากดดันครับ ทั้งเป็นเรื่องแรกของละครชุดนี้และมีซีนแอ็กชั่น ค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมพยายามฝึกและเพิ่มสกิลในด้านนี้ค่อนข้างเยอะ สนุกมาก ๆ ครับ หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ” (ยิ้ม)

กับผลงานเพลง Congratulations (ยินดีกับเธอ) ล่ะคะ

“ผมหายจากงานเพลงไปช่วงหนึ่ง เพราะลุยถ่ายละครค่อนข้างหนัก แต่ ตอนนี้กลับมาแล้วครับกับเพลง Congratulations (ยินดีกับเธอ) เป็นเพลงอกหัก แบบฟีลกู๊ด ปล่อยมาในช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เพราะเราไม่ชอบอกหักแบบฟูมฟาย ร้องไห้ แต่รู้สึกว่าถ้าเราทำความเข้าใจและเรียนรู้ ก็อยู่กับความรักหรือความผิดหวังนั้น ได้ ส่วนอนาคตก็อยากทำเพลงออกมาเรื่อย ๆ อยากลองทำหลาย ๆ แนวครับ”

กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์

แล้วปีนี้จะได้เห็นงานกลัฟด้านไหนอีกบ้าง

“ความจริงตอนนี้มีถ่ายโปรเจ็กต์ที่คุยไว้อยู่ ทั้งละคร ภาพยนตร์ อาจจะ ได้เห็นกันในปีหน้าครับ แต่อีกหนึ่งงานที่อยากให้แฟน ๆ ติดตามตอนนี้ก็คือกลัฟ ได้ร่วมงานกับเดอะมอลล์ อยากชวนทุกคนไปพบความมหัศจรรย์โฉมใหม่ของ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค ที่จัดเต็มแบรนด์ดังมากมาย และอยากให้มาร่วม สนุกกับกลัฟในเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ซัมเมอร์เคชั่น (The Mall Lifestore Summer-Cation) ฝากติดตามกันนะครับว่าผมจะมีเซอร์ไพรส์อะไรมาฝาก ทุกคนบ้าง ตั้งใจอยากให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและฉลองไปด้วยกันครับ”

มีอะไรที่อยากลองทำในวงการบันเทิงอีกบ้างคะ

“ที่อยากลองแต่ยังไม่เคยได้เล่นสักทีก็คือบทตัวร้ายครับ อารมณ์แบบ ตัวละคร ‘โจ๊กเกอร์’ คือผมชอบตัวร้าย เพราะมิติเยอะกว่าการเป็นพระเอก อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องคำนึงว่าฉันเป็นพระเอก” (หัวเราะ)

ปีที่ 5 ในวงการบันเทิง กลัฟคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างคะ

“รู้จักวิธีวางตัวและวิธีพูดมากขึ้น ซึ่งผมรู้สึกว่าวิธีการพูดน่าจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ ชัดที่สุด เมื่อเทียบกับปีแรก ๆ ที่ตอนนั้นผมใหม่มาก ไม่รู้ว่าต้องวางตัวหรือใช้ชีวิต ยังไง ผมเคยกลับไปดูคลิปที่ตัวเองให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือพูดคุยกับแฟน ๆ ก็ ตลกตัวเองเหมือนกัน เพราะเกร็งมาก พูดเหมือนท่องมา แต่ทุกวันนี้ผมสามารถ พูดคุยเป็นปกติได้แล้ว ส่วนเรื่องเพลงและการแสดงก็พัฒนาขึ้นมาเยอะเหมือนกัน ครับ ผมคิดว่านี่เป็นข้อดีของตัวเองนะ คือทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะเข้าใจรูปแบบ การทำงานมากกว่าเดิม”

แล้วนิสัยล่ะ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม

“เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นครับ เพราะการทำงานตรงนี้ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง มีคนที่เราต้องใส่ใจเยอะขึ้น ยิ่งร่วมงานกับคนมาก เจอคนเยอะ ก็ได้เรียนรู้ว่า แต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน เราพยายามเรียนรู้นิสัยตรงนั้น เอาเรื่องดี ๆ มาปรับใช้ ส่วนอะไรที่ไม่ดี เราก็ตัดทิ้งไป“อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนคือเมื่อก่อนผมอินโทรเวิร์ตมาก แต่ช่วงหลังเปลี่ยน เป็นเอกซ์โทรเวิร์ต คือเวลาออกมาทำงาน รู้สึกอยากกลับ ไปพักที่ห้อง แต่พออยู่ห้องกลับเบื่อและเหงา ยิ่งจังหวะที่ อาร์ซาร์กับก็องเต้ (น้องแมวของกลัฟ) หลับ จะรู้สึกว่าทำไม ห้องเงียบจังนะ ถึงจะเจอเหตุการณ์แบบนี้น้อยครั้ง แต่ พอได้หยุดเมื่อไหร่ก็จะมีความรู้สึกแบบนี้เข้ามา” (หัวเราะ)

ถ้ามองตัวเอง คิดว่าข้อดีคืออะไรคะ

“ความชิลครับ ผมชิลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่ใช่ ว่าปล่อยได้ทุกเรื่องนะ อะไรที่ควรจริงจังก็ต้องตามนั้น แต่ อะไรที่ปล่อยได้ อย่างเวลาเจอปัญหา ผมไม่จมอยู่กับมัน ถ้าสามารถหาทางออกได้ ก็จะหาทางออกก่อน แต่ถ้าเป็น สิ่งที่คิดไปก็ปวดหัว ก็จะชิลเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้นแต่บางทีก็เป็นข้อเสียไปในตัวนะ เพราะรู้สึกว่าบางครั้งเราก็ชิลเกิน บางวัน เราสามารถเอาเวลาว่างตรงนั้นไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ แต่ก็เลือกที่จะชิล เพราะ ผมเองก็รู้สึกว่าด้วยสายงานอาชีพนี้ เด็กรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาทุกวัน ทุกคนมีความ สามารถไม่เหมือนกัน สำหรับผม ถ้ามองว่าตัวเองเป็นรุ่นไหนในวงการ ก็น่าจะ เข้าวัยกลางคน เพราะเวลาผ่านไปไวมาก ยิ่งเดี๋ยวนี้เวลาผ่านไปไวกว่าเดิม ต่อให้ คุณดัง ก็ไม่ใช่ว่าจะดังตลอด ต่อให้ดังได้ ก็หายไปได้ไวเหมือนกัน ถ้าเรา เอาช่วงเวลานั้นไปพัฒนาตัวเองก็น่าจะดีกว่า อย่างผมอยากเรียนกีตาร์ เพราะ พื้นฐานเป็นศูนย์ แล้วก็ยังอยากเรียนร้องเพลง บวกกับภาษาเพิ่มด้วย ต่อให้ เราพูดได้ แต่ก็ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ”

เรื่องอะไรที่ซีเรียส ปล่อยผ่านไม่ได้คะ

 “ครอบครัวครับ เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกว่าแตะไม่ได้และทำให้ผมเสียน้ำตาได้เลย อย่างตอนเรียนมหาวิทยาลัยเคยมีคนมาพูดถึงพี่สาวไม่ดี ผมไม่ยอมเลย คือ เปลี่ยนจากคนใจเย็นเป็นโมโหได้ทันที ผมซีเรียสกับเรื่องครอบครัวมากกว่าเรื่อง ตัวเองน่ะ”

นอกจากเรื่องนี้ มีเรื่องอะไรที่ทำให้ร้องไห้ได้อีกไหมคะ

“บางทีก็แค่ฟังเพลงครับ อย่าง Hello Mama ของไททศมิตร อาจ เพราะเป็นเพลงเกี่ยวกับครอบครัว ตอนนั้นนั่งฟังอยู่ที่ห้องคนเดียว น้ำตาไหลเลย คิดถึงบ้าน นอกจากนี้ก็อาจจะมีเสียน้ำตาเพราะโดนแมวกัดบ้างครับ” (หัวเราะ)

กลัฟมองภาพตัวเองในอีก 5 ปีไว้ยังไงคะ

“ถ้าในวงการ พูดจริง ๆ คือถ้ามีโอกาสก็คงทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะผมไม่รู้ ว่าอีก 5 หรือ 10 ปี ตอนนั้นจะเป็นอย่างไร และทุกวันนี้มีนักแสดงใหม่ ๆ เกิดขึ้น เยอะ วันหนึ่งผมอาจจะได้ไปลองทำเบื้องหลังแล้วชอบ ก็อาจจะเปลี่ยนไปทำ ตรงนั้นแทนก็ได้ ต้องดูว่าระหว่างทางเราเจออะไรบ้างครับ”

ถ้าในมุมชีวิตส่วนตัวล่ะ มีภาพว่าอยากแต่งงานตอนไหนไหม

“อาจจะเห็นจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยมั้งครับ ท่านแต่งงานตอนอายุ 30 ผม เลยรู้สึกว่าช่วงประมาณวัย 30 หรือ 30 ต้น ๆ น่าจะเป็นช่วงวัยที่กำลังเหมาะกับการ แต่งงานนะ ถ้าเป็นไปได้นะครับ” (ยิ้ม)

แล้วมุมมองความรักตอนนี้เปลี่ยนไปไหมคะ

“เปลี่ยนค่อนข้างเยอะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่รู้สึกถูกใจหรือชอบก็คือจบ อย่างในวัยเด็กรู้สึกว่าคนนี้น่ารักก็เข้าไปจีบ เข้าไปคุยเลย แต่ตอนนี้มีปัจจัย หลายอย่างมากขึ้น ต้องดูทั้งเรื่องนิสัยใจคอ เพราะการที่เราจะเลือกใครสักคน มาอยู่กับเรา ไม่ได้อยู่ที่ความชอบอย่างเดียวแล้ว และการที่เราทำงานตรงนี้ คนที่ จะอยู่กับเราได้ก็ต้องมีความเข้าใจตรงจุดนี้ด้วย ทั้งงาน ทั้งสังคม องค์ประกอบ รอบตัว”

เหงาไหม

เหงาครับ (ตอบทันที) ยังดีที่มีน้องแมวอยู่ที่ห้องด้วย ยิ่งผมเป็นทาสแมว อยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่ายังโอเค ยังไหว” (หัวเราะ)

ถ้าต้องแทนด้วย 1 คำ คิดว่าคำไหนตรงกับตัวเอง ในตอนนี้มากที่สุดคะ

“ ‘จุดเริ่มต้น’ ครับ เพราะผมรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมา เหมือนเป็นการฝึกงานมากกว่า เป็นช่วงที่ได้ลองว่าเราชอบ หรือไม่ชอบอะไร แล้วพอเริ่มจับจุดได้ ตอนนี้ใช้ชีวิตใน วงการได้แข็งแรงขึ้นแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้คือช่วงที่กำลัง เริ่มยืนด้วยตัวเองได้ เป็นจุดเริ่มต้นในชีวิต และยังมีอีก หลาย ๆ โปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้น“อยากให้แฟน ๆ รอติดตามด้วยนะครับ”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up