ทราย สก๊อต

ทายาทสิงห์  ทราย สก๊อต หนุ่มที่รักทะเลดั่งชีวิต จึงลุกขึ้นต่อสู้เพื่อท้องทะเลไทย

Alternative Textaccount_circle
ทราย สก๊อต
ทราย สก๊อต

เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมานานสำหรับปัญหาขยะในทะเล  ซึ่งหากมองลึกลงไปแล้วปัญหานี้ไม่เพียงแต่จะกระทบต่อสัตว์และพืชในน้ำเท่านั้น แต่มนุษย์อย่างเราก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วยจากสารพิษเมื่อเรานำสัตว์เหล่านั้นไปบริโภค ทว่ากลับไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

แต่หนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่แคร์ถึงปัญหานี้อย่างมากๆ ก็คือ ทราย สก๊อต ทายาทรุ่น 4 ของ สิงห์ คอร์เปเรชั่น ซึ่งเขาได้เปรียบเปรยว่าท้องทะเลเป็นเหมือนกับชีวิตและลมหายใจของเขา จึงไม่อยากให้ธรรมชาติที่เขารักถูกทำลายไปมากกว่านี้ พร้อมกับเริ่มทำโครงการ SEA YOU STRONG โครงการที่สร้างสรรค์เพื่อปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ท้องทะเลไทย

ทราย สก๊อต 01

อัปเดตชีวิตช่วงนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม ว่ากำลังทำอะไรอยู่บ้าง?

ทราย : ตอนนี้ทรายกับกลุ่มจิตอาสา SEA YOU STRONG  ยังคงทำงานหนักเหมือนเดิม  ไม่ว่าจะเป็นการเก็บขยะตามแนวโขดหิน แนวปะการัง มันเป็นสิ่งที่ทำต่อเนื่องกับงานอุทยานเมื่อปีที่แล้ว และตั้งแต่ที่ทรายย้ายมาอยู่ทางใต้ ทรายก็ลงไปกู้อวนทุกเดือน โชคดีที่คนที่จังหวัดภูเก็ตรู้ว่าเศรษฐกิจของเขาต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเขาจึงเรียนที่จะปกป้องธรรมชาติของเขาเอาไว้

ทราบมาว่าคุณทรายเป็นเจนเนอเรชั่นสี่ของสิงห์ อยากรู้ว่าเราได้รับการผลักดันหรือสนับสนุน อย่างไรจากครอบครัว

ทราย : เขาค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์เพราะไม่คิดว่าทรายจะหันมาทำงานด้านนี้ จริงๆ ก่อนหน้านี้ทรายทำงานศิลปะ มาตลอด พอเห็นว่าเราทำงานนี้เขาก็สนับสนุนเราในฐานะสิงห์นักสู้ มีแนะนำและส่งคนมาช่วยบ้าง แต่หลังจากนั้นความตั้งใจในการทำโครงการของเราก็ใหญ่ขึ้น ทรายเริ่มงานแบบงานของ  SEA YOU STRONG อย่างเต็มตัวดำเนินการเองทั้งหมดตั้งแต่แบกอุปกรณ์จัดการเรื่องอาหารแล้วก็เก็บข้อมูลคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานอะไรแบบนั้นอะครับ คือส่วนมากทรายก็จะทำหลักๆแล้วกับทีมงานทรายส่วนตัวแค่สองสามคน เราทำกันเองอะครับ

ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ทรายชอบอะไรเกี่ยวกับท้องทะเลมันถึงทำให้เราอยากที่จะดูแลรักษาหรือปกป้องทะเลขนาดนี้?

ทราย : แค่รู้สึกเหมือนตอนที่อยู่ทะเลจิตใจมันสงบ มันมีความกว้าง ตอนอยู่ที่ทะเลมันมีความสบายใจ มันเป็นที่ที่แบบไม่ต้องเกี่ยวกับอะไรนอกจากการว่ายน้ำ เหมือนได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง คืออันนั้นคือสิ่งที่ทรายรักเกี่ยวกับทะเลตลอดเวลาเพราะทรายเป็นคนที่มีความส่วนตัวสูงนิดหน่อยอะครับ

แล้วจุดที่ทำให้เราทนไม่ได้ว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อโลกนี้คืออะไร?

ทราย : ทรายรู้สึกว่าทะเลมันเป็นที่ทำมาหากินของคนส่วนใหญ่ แล้วบางคนมีรายได้จากตรงนี้เป็นหลัก แต่กลับมีแต่ขยะเต็มไปหมด  มันค่อนข้างกระทบต่อผู้ที่มีอาชีพประมง หลายครั้งที่ทรายได้เข้านอนบนเรือกับเขามันทำให้ทรายสังเกตได้ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมมันกระทบทั้งสิ่งที่ทรายรักก็คือทะเลกับคนที่ทรายคอยนึกถึงตลอดก็คือคนที่เคยดูแลทราย

แล้วก่อนที่จะมาทำเรื่องพวกนี้เราเป็นยังไงมาก่อน เราคิดถึงผลกระทบมากน้อยขนาดไหน เปรียบเทียบกับตอนปัจจุบัน?

ทราย : ก่อนหน้านี้ทรายก็ใช้ชีวิตปกติ แต่พอเราเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้เวลาที่ทรายซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตก็ยังรู้สึกผิดมากเลย เพราะของแต่ละชิ้นมันห่อหุ้มด้วยพลาสติก อย่างที่ห่อมะเขือเทศ เอาจริงๆ ทรายใช้แค่ประมาณ 1 นาทีเอง แล้วโยนทิ้งอะ คือแค่มันรู้สึกเหมือนมันเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ แต่นึกถึงคนอื่นบนโลกที่มีประมาณ6พันล้านคนทุกคนต้องใช้ถุงพลาสติกคนละ6ชิ้น ตอนที่เขาไปซูเปอร์มาร์เก็ตก็จะมีขยะเยอะมาก

ที่ผ่านมาคุณทรายไม่ใช่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคนแรกบนโลกยังมีนักอนุรักษ์อีกมากมายแต่ว่ามันก็ทำให้คนไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมซักเท่าไหร่จากเรื่องนี้เคยท้อแท้กับสิ่งที่ทำอยู่บ้างไหมคะ?

ทราย : ไม่นะครับ เพราะทรายไม่ได้ตั้งเป้าว่าทรายต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ คือทรายไม่ได้ตั้งเป้าของชีวิตทรายไว้กับคนอื่น ทรายไม่ได้หวังว่าทุกคนจะเปลี่ยนพฤติกรรมของเขา แต่ทรายทำเพราะทรายรู้สึกมีความสุขที่ได้รักษาบ้านของทราย ทำด้วยความโปร่งใส ทำด้วยความเข้าใจอันนั้นคือทรายพอแล้วทรายแฮ็ปปี้ตรงนั้นแล้ว

มีท้อบ้างไหมเพราะบางคนไม่ได้มองเหมือนเรา หรือเข้าใจเรื่องธรรมชาติ เรื่องการอนุรักษ์เท่ากับเรา?

ทราย : แช่งด้วย มันมีคือทรายก็เป็นมนุษย์อะทรายก็มีแบบตรงที่ทรายแค้น ไม่ใช่แค้นทรายแค่รู้สึกแบบโกรธ คือทรายจะเล่าให้ฟังคือ ทรายไปดำน้ำกับทีมงาน โดยจุดประสงค์ของเราคือไปดำน้ำไม่ได้ไปเก็บขยะ แต่ทรายบังเอิญเห็นขยะที่เป็นเชือกอวนประมาณแบบ200กิโลกรัมมัดใหญ่มากอยู่บนโขดหิน สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นคือทรายบอกทีมงานทรายที่สอนทรายดำน้ำว่าทรายขอไม่ลงตอนนี้เพราะว่าทรายขอไปเก็บขยะตรงนี้ ทำให้คนอื่นเขาแบบช็อก แต่สิ่งที่เศร้าเกี่ยวกับตรงนี้ก็คือคนบนเรือ 60 กว่าคนไม่มีใครหันมามองช่วยทรายเลยอะครับ เขามองทรายทำอย่างเดียว แล้วพอทรายขึ้นเรือไม่มีใครที่ไม่ใช่พนักงานเรือนะช่วยดึงขึ้น แล้วไม่มีใครถามทรายเลยว่าสิ่งที่คุณทำคืออะไร หรือคุณทำทำไม คือเขาก็เฉย เขาก็มีความสุขว่าเขาลงไปดำน้ำแล้วถ่ายรูปปลาไป เพราะคิดว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเขา

แสดงว่าเราไม่ได้มีความคิดว่าเราจะเลิกทำเลย เราก็คือจะทำต่อไปเรื่อยๆ?

ทราย : ทราย : ใช่ครับ คือมันไม่ได้เป็นงาน แต่มันเป็นวิถีใช้ชีวิตของทราย คือทรายไม่ได้แบบทำเฉพาะตอนที่มีคนเห็นแต่บ้านไปทรายก็ยังทำอยู่ เพราะความอยากที่จะทำมันมาจากข้างใน

แสดงว่าเราอิ่มสุขกับการที่เราได้ทำแบบนี้ถูกไหม?

ทราย : ใช่ครับ ทรายไม่อยากทำอย่างอื่นครับ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up