บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของความรัก และหากใครคิดฟันธงว่าความรักที่ยืนยาวมาเป็นสิบๆ ปี จะเป็นรักแท้ คู่แท้ อาจต้องคิดใหม่ เพราะขนาดคู่ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานถึง 51 ปี 3 เดือน คุณหญิงพันธ์เครือ และ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย ยังเลิกรากันในที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ปมหย่าร้างของอดีตคู่รักคู่ร้าง คุณหญิงหลุยส์ (พันธ์เครือ ยงใจยุทธ) และ บิ๊กจิ๋ว-พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้กลับมาเป็นประเด็นที่ถูกพูดอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2561 อดีตนายกรัฐมนตรีได้จัดแต่งงานกับภรรยาใหม่ “อรทัย สรการ ยงใจยุทธ” โดยในประเด็นล่าสุดนี้เป็นการที่พลเอกชวลิตออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้ฟ้องร้องอดีตภรรยาในประเด็นเรื่องทรัพย์สิน เพราะหลังจากที่ได้มอบทรัพย์สินให้กับคุณหญิงไป คุณหญิงมีการมอบให้กับหลานๆ แต่ทว่านำกลับไปขายและจำนอง รวมถึงแสดงความไม่พอใจที่คุณหญิงไม่ยอมเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลเดิมทั้งๆ ที่หย่าขาดจากกันมานานพอสมควรแล้ว และนอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่าอดีตภรรยาไม่ดูแล เมื่อครั้งอุบัติเหตุหกล้มเมื่อปี 2559 ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์แบบดับเครื่องชนในครั้งนี้ กลายเป็นที่พูดถึงในแวดวงสังคมเป็นอย่างมาก
ย้อนรอยความรักก่อนเลิก คุณหญิงพันธ์เครือ และ บิ๊ก (จิ๋วหวานเจี๊ยบ)
พลเอกชวลิต เคยสมรสกับ “นางวิภา” มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 2 คน ต่อมาได้สมรสอีกครั้งกับ “พิมพ์นิภา มนตรีอาภรณ์” แต่ชีวิตคู่ก็ไม่ได้ราบรื่นกระทั่งจึงเลิกรากันไป ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน 2507 ได้ตัดสินใจแต่งงานครั้งที่ 3 กับ “คุณหญิงหลุยส์-พันธ์เครือ ยงใจยุทธ” ทั้งคู่ได้ออกงานสังคมร่วมกันอยู่เสมอ และครองรักกันมาเรื่อยๆ
ที่มาของฉายาบิ๊ก (จิ๋วหวานเจี๊ยบ)
ในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ 40 ของการแต่งงาน คุณหญิงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในช่วงใกล้วันวาเลนไทน์ โดยผู้สื่อข่าวข่าวได้ถามคุณหญิงว่า บิ๊กจิ๋วแอบทำอะไรหวานๆ รับขวัญเทศกาลแห่งความรักบ้างหรือเปล่า? ซึ่งคุณหญิงได้พรั่งพรูคำตอบออกมาว่า
“เราแต่งงานมากว่า 40 ปีแล้ว เราเป็นคนโรแมนติก ชอบให้ดอกไม้ท่าน ท่านก็รับ แต่ปีนี้ท่านเซอร์ไพร้ส์ให้ดอกไม้เราก่อน วันนั้นกำลังรับแขกเพื่อนกลุ่มหนึ่งอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ท่านก็บอกว่า ป้ารีบกลับนะ มีเซอร์ไพร้ส์ เราก็คิดว่าเป็นเงินล่ะมั้ง พอไปถึงที่ไหนได้ ท่านบิ๊กจิ๋วให้ขึ้นไปห้องนอน เราก็เห็นดอกกุหลาบสีแดง 1 ช่อ อยู่บนหัวเตียงนอน ก็ดีใจที่เรายังมีความหมายสำหรับเขา มันก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่มีอายุอย่างเรา”
ซึ่งจากคำตอบของคุณหญิงทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่า นอกจากสไตล์การพูดไพเราะที่เห็นผ่านสื่อแล้ว บิ๊กจิ๋วยังมีความโรแมนติกมากๆ อีกด้วย จึงเป็นที่มาของ ฉายาบิ๊ก (จิ๋วหวานเจี๊ยบ)
ที่มา : oknation
เซอร์ไพร้ส์แต่งงานครั้งที่ 4 ในวัย 86 ปี
แม้หลังจากนั้นคุณหญิงหลุยส์อดีตสุภาพสตรี หมายเลข 1 จะไม่ได้ออกงานสังคมบ่อยๆ แต่หลายคนเชื่อว่าคู่รักถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรคู่นี้ยังรักกันเหนียวแน่น ตามประสาคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากกว่า 50 ปี แต่ว่ากลับมีข่าวฮือฮาเมื่อเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “บ้านพลเอก
และจากภาพที่ออกมานั้นทำให้หลายคนเซอร์ไพร้ส์จนคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือนี่! ในเวลาต่อมาพลเอกชวลิตได้ออกมาไขความกระจ่าง โดยยืนยันว่าได้แต่งงานครั้งที่ 4 กับ “นางสาว อรทัย สรการ ยงใจยุทธ” จริงตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากที่ได้หย่าขาดกับคุณหญิงหลุยส์แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏเป็นข่าว พร้อมกันนี้ยังระบุอีกว่าได้ย้ายออกจากบ้าน ซอยปิ่นประภาคม ที่เคยอยู่คุณหญิงพันธ์เครือ มาซื้อบ้านใหม่แถบเกษตรนวมินทร์
ที่มา : คมชัดลึก
ความรักครั้งใหม่ของพ่อใหญ่
“ความสุขและบั้นปลายชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลใส่ใจ-เป็นกำลังใจให้ท่านอย่างที่สุด” นี่คือข้อความจากเฟซบุ๊ก “บ้านพลเอก
โดยพลเอกชวลิตยังได้สัมภาษณ์ในรายการ “ลับ ลวง พราง” ดำเนินรายการโดย วาสนา นาน่วม และ ศุภฤกษ์ ธงไชยฤทธิ์ เกี่ยวกับความรักครั้งนี้ด้วยว่า “คุณอรทัยมาชนะใจตอนที่เราเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นล้มศีรษะฟาด เดินไม่ได้ คุณอรทัยดูแลจนเดี๋ยวนี้เดินได้ วิ่งได้ จนอยากจะอายุอ่อนลงอีก 30 ปี ซึ่งการแสดงความรักบางทีไม่ต้องพูด แค่มองตากันก็เข้าใจ ในการใช้ชีวิตคู่นั้น เราเป็นผู้ชาย เจอผู้หญิงมาเยอะ คนเราจะผูกพันก็ต้องมาจากจิตผูกพันกัน และเราก็ผูกพันกันมาถึงปัจจุบัน พากันไปทำบุญด้วยกันประจำ”
ที่มา : รายการ “ลับ ลวง พราง”
พลเอกชวลิตฟ้องคุณหญิงพันธ์เครือ
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีการเปิดเผยว่า พลเอกชวลิต ได้ฟ้องร้องอดีตคู่สมรส คุณหญิงพันธ์เครือ ยงใจยุทธ ในประเด็นเรื่องทรัพย์สิน เพราะหลังจากที่ได้มอบทรัพย์สินให้กับคุณหญิงไป คุณหญิงมีการมอบให้กับลูกหลาน แต่ทว่านำกลับไปขายและจำนอง โดยไม่ทราบว่านำเงินไปทำอะไร จึงมีการฟ้องร้องเรื่องทรัพย์สินและศาลนัดพิจารณาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่คุณหญิงนำบ้านที่ จังหวัดนครพนม ไปมอบให้กับผู้อื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือด ซึ่งเป็นชนวนเหตุของการหย่า รวมถึงคุณหญิงหลุยส์ยังไม่ยอมเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลเดิมทั้งๆ ที่เลิกรากันมานานแล้ว
ที่มา : รายการ “ลับ ลวง พราง”
14 กุมภาฯ วันแห่งความรัก คุณหญิงหลุยส์ ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนยาว 5 หน้ากระดาษ
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 คุณหญิงได้ให้ทีมกฎหมายทำหนังสือชี้แจง ระบุเรื่อง ขอชี้แจงข้อเท็จจริงในข่าว กรณีการหย่าและการฟ้องร้องระหว่างพลเอกชวลิตและคุณหญิงพันธ์เครือ เป็นจำนวน 5 หน้ากระดาษ ซึ่งมีการแจกแจงอย่างละเอียดยิบโดยเฉพาะในมุมความรู้สึกของคุณหญิงคู่ชีวิตบิ๊กจิ๋วที่อยู่กินกันมานานกว่า 51 ปี 3 เดือน
- ทั้งสองคนได้ตัดสินใจหย่าขาดจากกันเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 รวมระยะเวลาอยู่กินฉันท์สามีภริยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 51 ปี 3 เดือน โดยสาเหตุมาจากพลเอกชวลิตอยากกลับไปเล่นการเมือง แต่เกรงจะกระทบต่อทรัพย์สิน จึงให้จดทะเบียนหย่าไปก่อน จึงไม่มีเหตุผลที่จะเป็นฝ่ายขอหย่าเอง โดยที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ภริยาอย่างดีที่สุด ด้วยการทุ่มเทความรู้ความสามารถเพื่อสนับสนุนหน้าที่การงานของอดีตสามี
- ในส่วนทรัพย์สินที่นำไปฝากขายหรือจำนองก็เพื่อที่พลเอกชวลิตจะได้ทำหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดินอย่างที่ท่านต้องการ
- นับตั้งแต่หย่าร้างคุณหญิงไม่มีใครในชีวิต ในขณะที่หลังจากจดทะเบียนหย่าได้ไม่ถึง 8 เดือน พลเอกชวลิตก็แต่งงานใหม่ ทั้งยังเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าผู้หญิงคนดังกล่าวดูแลมาก่อนจดทะเบียนหย่าเป็นเวลานับ 10 ปี
- ในเรื่องที่พลเอกชวลิตกล่าวว่าหกล้มและไม่มีคนดูแลนั้นไม่เป็นความจริง เพราะระหว่างที่พลเอกชวลิตอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นคุณหญิงได้ทำหน้าที่ในการดูแลรักษาพยาบาลร่วมกับบุตรชายคนโตของพลเอกชวลิต ทำหน้าที่ภริยาอย่างครบถ้วนในฐานะคนเฝ้าไข้
- ข้อตกลงการหย่า มี 3 ข้อ 1 คือมีเนื้อหาทั้งสองฝ่ายยินยอมที่หย่าขาดจากกัน 2 .พลเอกชวลิตตกลงว่าทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมรสหรือสินสมรสขอยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่คุณหญิงพันธ์เครือแต่เพียงฝ่ายเดียว และหลังจากหย่าหากมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ก็จะมอบให้กับคุณหญิงตามที่เห็นสมควร 3.มีการตกลงว่าหนี้ที่เกิดขึ้นระหว่างสมรส ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 คุณหญิงจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งปัจจุบันคุณหญิงยังรับภาระดูแลหนี้สินจำนวนนี้อยู่
- ประเด็น บ้านปิ่นประภาคม และ บ้านที่จังหวัดนครพนม ที่ดินแปลงแรกคุณหญิงได้เริ่มผ่านตั้งแต่ปี 2505 ก่อนที่จะแต่งงานกับพลเอกชวลิต โดยผ่อนเดือนละ 350-500 บาท เมื่อผ่อนแปลงแรกเสร็จ ก็ได้นำไปจำนองเพื่อซื้อแปลงที่ 2 และ แปลงที่ 3 และถ้ามีเหลือก็จะหาซื้อที่ดินเพิ่ม ซึ่งเงินที่ได้มาก็ได้นำมาสนับสนุนงานของอดีตสามี
- บ้านที่จังหวัดนครพนม มอบให้กับพลขับของพลเอกชวลิตที่ดูแลทั้งคู่มานานถึง 22 ปี โดยคุณหญิงมองว่าหากเป็นอะไป หากเป็นอะไรไปบริวารทุกคนจะไม่มีที่อยู่อาศัย รวมถึงทรัพย์สินเงินทองที่ใช้ดำรงชีพ จึงพยายามชดเชยและดูแลทุกคนอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดที่อดีตสามีและภรรยาใหม่จะมาวุ่นวายในทรัพย์สิน อีกทั้งบริวารคนดังกล่าวได้โอนคืนที่ดินตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เพราะเกรงว่าจะเดือดร้อน
- สุดท้าย คุณหญิงพันธ์เครือ ยงใจยุทธ (ลิมปิภมร) ได้อธิบายว่าที่ต้องออกหนังสือชี้แจงฉบับนี้เพราะอยากให้ทุกรับทราบความจริง รวมถึงศักดิ์ศรีความเป็นคุณหญิง ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานมา
- ที่มา :PPTV