เป้ย-ปานวาด เปิดใจหมดเปลือกเรื่องปัญหาครอบครัว หลังจากตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะแยกทางกับสามี “ป๊อป-นิธิ บุญยรัตกลิน”
มีมรสุมข่าวปัญหาครอบครัวออกมาให้ตามแก้กันตลอดเลยสำหรับ อดีตนางร้ายสุดเซ็กซี่ เป้ย-ปานวาด และ สามี “ป๊อป-นิธิ บุญยรัตกลิน” โดยเฉพาะเรื่องราวแชตข้อความหลุดระหว่างเป้ยกับบุคคลที่สาม ว่ากันว่าในตอนนั้นสามี-ภรรยาคู่นี้เกือบแตกหักกันจนกลายเป็นข่าวร้อนตลอดทั้งเดือน
ทั้งนี้ดูเหมือนว่าเวลาได้เยียวยาใจให้กับเป้ย เพราะล่าสุดเธอได้เปิดแผลเล่าถึงแก้ไขปัญหาครอบครัวของเธอผ่าน “รายการ สามแซ่บ” ว่าเธอสามารถฝ่ามรสุมในครั้งนี้มาได้อย่างไร และทำไมแม้ทุกข์ใจขนาดนี้แต่เธอยังเลือกที่จะรักษาครอบครัวเอาไว้
หลังจากที่มีดราม่าต่างๆ นานา มีโอกาสได้เปิดใจกับสามีบ้างหรือเปล่า?
“เราเปิดใจ รับรู้เรื่อง และก็คุยกับเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ และยอมรับความจริงทุกอย่าง และให้เราเป็นคนตัดสินใจว่า จะเอายังไง ให้เป้ยบอกมาได้เลย เขาให้สิทธิ์เราในการจัดการทุกอย่าง”
และทุกวันนี้ครอบครัวกลับมาแฮ็ปปี้หรือยัง?
“คือทุกๆ วันนี้มันก็มีความสุข เวลาที่เห็นพ่ออยู่กับลูก เขาเล่นด้วยกัน มันก็มีความอิ่มอุ่นใจ แล้วมีความรู้สึกว่า ชีวิตเรามันไม่ต้องการอะไรมากเลย และทุกวันนี้ภาพที่เราเห็นมันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ภาพนี้ไม่ได้หายไปไหน ต่อให้มันมีปัญหาเข้ามาก็ตามแต่ แต่ปัญหาหน้าที่เป็นพ่อเป็นแม่ มันไม่มีเลย มันยังอยู่ครบถ้วน”
เป้ยจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร?
“มันมีครั้งหนึ่ง เป็นช่วงก่อนคลอดน้องปาลิน เรารู้สึกว่ามันย่ำแย่มากๆ คิดว่าคงไม่มีทางลุกขึ้นมาได้เลย สภาพจิตใจเราทำอะไรไม่ได้เลย เราไปปรึกษาหมอ เราต้องหาทางออกว่าต้องทำยังไง เพราะเราไม่อยากอยู่อย่างนี้เลย ซึ่งคุณหมอบอกว่าภาวะนี้มันเข้าข่ายโรคซึมเศร้า วิธีจัดการปัญหาอย่างแรกให้เรารับยาไปก่อนไปไหม ซึ่งตอนนั้นเรากำลังท้องอยู่ เป็นช่วงคาบเกี่ยวกันตั้งท้องและคลอดน้องออกมาเจอสภาวะเบบี้บลูไปอีก ตัวเป้ยเราไม่อยากทานยา คือถ้าเราทานยาเข้าไปยามันจะส่งผลกับน้ำนมหรือเปล่า เราจะมากินตลอดไม่ได้ เราต้องพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเอง และเราโชคดีที่มีคุณหมอให้คำปรึกษา เขาแนะนำให้เราทำในสิ่งที่มีความสุข เราก็เลยมีวิธีจัดการกับมัน ถ้ารู้ตัวว่าอารมณ์จะดาวน์ลง เราต้องรีบตั้งสติให้ได้และหนีอารมณ์นั้นออกไป จะบอกว่าหนีปัญหาก็ได้นะ แต่มันก็ยังโอเคกว่าที่เราจะจมอยู่กับมัน เกือบปีกว่าๆ กว่าเราจะหนีพ้นปัญหานี้ได้”
คนรอบข้างรู้เรื่องนี้ไหม?
“ถ้าเป็นครอบครัวจะรู้ แต่กับเพื่อนๆ ไม่ได้บอก เราพยายามจะไม่รบกวนคนอื่น พยามสู้ด้วยตัวเองให้ได้ก่อน ซึ่งมาถึงวันนี้เราก็คิดว่าเราทำได้ดีนะ”
อะไรที่ทำให้เป้ยผ่านมรสุมช่วงนั้นมาได้?
“ผ่านมาได้เพราะลูก มันยากมากนะ ที่ตัวเองกำลังอ่อนแออยู่แต่ต้องทำยังไงก็ได้ให้เข้มแข็ง ในขณะที่ลูกอยากเล่นกับเราเขามองตาเรา เราก็รู้สึกว่าเราต้องลุกจากตรงนี้ได้แล้ว เขาเป็นคนที่คอยดึงมือเป้ยให้ลุกขึ้น และเราก็ไม่อยากให้ลูกเห็นภาพเราในสภาวะแบบนั้น เราพยายามไม่ให้ลูกเห็นเลย อีกหนึ่งคนที่สำคัญก็คือคุณแม่ คุณเป็นแบบอย่างให้เราสู้ชีวิตมากๆ คุณแม่เราอยู่ในสถานะเลี้ยงเดี่ยว คุณแม่ให้กำลังใจเราตลอดเวลา ขอบคุณแม่ที่เป็นอย่าง ขอบคุณลูกๆ ที่ทำให้เรายืนได้อีกครั้ง มันเป็นพลังบวกมากๆ”
เป้ยตัดสินใจที่ยังจะอยู่กันเป็นครอบครัว
“ถ้าเราใช้อารมณ์เป็นใหญ่ มันง่ายมากที่จะเกิดออกมาจากการเป็นครอบครัว ถ้าเราตัดสินใจเลิก เราอาจจะได้เจอคนใหม่ สามีก็คงมีคนใหม่ ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ แต่เราก็มองไปถึงน้องโปรด โปรดเขาติดพ่อมาก เขาจะเห็นพ่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของเขา เวลานอนเขาก็อยากให้นอนพร้อมกันสามคน อยากให้มานอนด้วยกันเป็นแฟมิลี่ พอเราได้ยืนอย่างนั้นเราก็รู้ว่าความเป็นพ่อเป็นแม่มันยังสมบูรณ์แบบอยู่ คุณป๊อปยังทำหน้าที่ของความเป็นพ่อได้ดี เราชั่งน้ำหนักแล้วมันมีดีมากกว่าเสีย เขาจะคอยให้กำลังใจเราตลอด เรารู้ว่าพื้นฐานเรารักกัน มันยังแน่นแฟ้น มันก็ไม่ยากที่เวลาเราเจอปัญหาอะไร ถ้าเรา 2 คนคิดถึงเรื่องลูกก่อน ดังนั้นปัญหาอื่นมันเรื่องเล็กมาก”
อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายสามีของสาวเป้ยได้เข้ามาในสตูดิโอและได้ถูกคำถามจากเหล่าพิธีกรว่า “ขอถามคุณป็อบว่า คุณเป้ยคือเมียยืนหนึ่งไหม?” ซึ่งเขาตอบว่า “มีคนเดียว ครับ มีคนเดียว” ขณะที่เป้ยกล่าวว่า “สำหรับเรา ไม่ใช่เมียยืนหนึ่งเลยนะ เราแค่ทำหน้าที่แม่ที่ดีและภรรยาที่ดีแค่นั้นเอง”
และเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับภรรยา เขาก็ได้พูดว่า”รักมากๆ ครับ รักที่สุด แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกๆ เรื่องที่ทำให้เสียใจครับ”
ในทุกครอบครัวมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน ทุกคนได้เผชิญกับอุปสรรคและปัญหาแตกต่างกัน เช่นเดียวกับครอบครัวของเป้ย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในนี้พวกเขายังจับมือและพร้อมที่จะก้าวผ่านเรื่องยากๆ ไปด้วยกัน
ข้อมูล : รายการสามแซ่บ
สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดใจคู่รักแฟนบอลลิเวอร์พูล นิหน่า-แบงค์ งัดกลยุทธ์รุ่นแม่ ดูแลสามีจนอยู่หมัด
ไม่เจ็บก็คงไม่เรียนรู้! เป้ยเผย 4 บทเรียนจากมรสุมรัก เหมือนการชาร์จแบต ชีวิตคู่ต้องมีตรงนี้!
เดวิด เบ็คแฮม ยังเก็บตั๋วรถไฟ ที่วิคตอเรียเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้ เมื่อ 23 ปีที่แล้ว