ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ Cover

ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ผู้บริหารหญิงแกร่งกับอีกหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและนักพัฒนานโยบาย รวมถึงการเป็นคุณแม่

ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ Cover
ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ Cover

ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หญิงแกร่งทายาทรุ่นสองของบริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน) ผู้ขับเคลื่อนพาธุรกิจสู่ระดับท็อปของวงการอสังหาริมทรัพย์และอีกหลายบทบาทไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและนักพัฒนานโยบายรวมถึงการเป็นคุณแม่

เธอได้พูดถึงการที่รับผิดชอบหลายบทบาทหน้าที่พร้อมๆกันซึ่งทุกบาทบาทล้วนสำคัญเธอมีเคล็ดลับอย่างไร

“การให้ความสำคัญกับชีวิตด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป อาจทำให้เรากดดันตัวเองโดยไม่รู้ตัว จนเกิดความเครียดจนอาจจะทำให้เราทำสิ่งๆนั้นออกมาได้ไม่ดี จริงๆทุกอย่างอยู่ที่การบริหารจัดการความคิดและมุมมองของตัวเราเอง จงเรียนรู้และสนุกกับสิ่งที่ทำ แล้วเราจะสามารถทำสิ่งๆนั้นออกมาได้ดีเสมอ และที่แน่นอนเลยคือเราควรมีวินัยในการจัดสรรเวลาของเราเอง หากเราบริหารจัดการเวลาของตัวเราเองได้ดีไม่ว่าจะต้องรับมือกับบทบาทไหน ในชีวิตเราก็จะสามารถทำออกมาให้ดีได้ในทุกๆบทบาท”

การขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้บริหารภายใต้ร่มเงาของบิดาและยังเป็นกรรมการบริษัทอีก 74 แห่งในเครือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้างอาคารธุรกิจ สนามกอล์ฟธุรกิจโฮลดิ้ง รวมถึงการผลิตขนส่งและจำหน่ายไฟฟ้า จนสามารถพาธุรกิจเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้บริหารเต็มตัว ว่าจริงๆไม่ได้ง่ายเลยแต่เธอก็ไม่เคยย้อมแพ้ที่จะทำสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ให้ออกมาดีที่สุดจนถึงทุกวันนี้

ดร. ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ 1

“เล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ยังเป็นธุรกิจเล็กๆภายในครอบครัวเมื่อสมัย 40 กว่าปีที่แล้วคุณพ่อ (คุณธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์) เริ่มต้นจากการขายลอดช่องที่ตลาดบางรัก แล้วสุดท้ายได้เข้ามาทำธุรกิจรับติดตั้งไม้ปาร์เกต์ แต่ด้วยไม้นั้นมาจิ้นต่ำและคู่แข่งเยอะ ทำให้เกิดไอเดียอยากทำธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ จึงขยายมาทำธุรกิจบ้านจัดสรรและผันตัวมาเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จนถึงวันนี้

เดิม ดร. ยุ้ยเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เธอเป็นเด็กเรียนระดับปานกลาง แต่ช่วงมัธยมปลายเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดม สิ่งแวดล้อมพาไปทำให้ต้องตั้งใจเรียนเหมือนเพื่อน จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี อันที่จริงมีความฝันหลายอย่าง แต่ตอนนั้นก็เริ่มชัดเจนว่าอยากเป็นอาจารย์ แต่ครอบครัวทำธุรกิจ จึงเลือกเรียนการเงินเพราะคงช่วยงานธุรกิจครอบครัวได้มากสุด จึงเลือกเรียนปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นไปศึกษาต่อชั้นปริญญาโทด้านการเงินที่ University of California at Riverside และปริญญาโทและเอกด้านเศรษฐศาสตร์โดยได้ทุนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ Claremont Graduate University เมื่อจบกลับมาได้เข้ามาเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษและที่ปรึกษาในหลายๆที่ทั้งภาครัฐและเอกชน

เมื่อเธอได้ทำงานตามที่ฝัน เพียงไม่นานก็ต้องผันตัวจากการเป็นอาจารย์มาเป็นผู้บริหารระดับพันล้าน “ชีวิตพบกับจุดเปลี่ยนเมื่อคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง ทำให้ถึงเวลาต้องเข้ามาช่วยบริหารงาน ตำแหน่งรองประธานบริษัทควบคู่กับการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไปด้วย เพราะเป็นลูกคนโตและน้องสาวทั้งสองยังเรียนหนังสืออยู่ในขณะนั้น ช่วงแรกที่เข้ามาทำงานต้องปรับตัวเยอะมาก เพราะการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกับการที่ต้องมาขายบ้านนั้นต่างกันมาก อย่างการเป็นอาจารย์ความที่เป็นคนพูดในห้องจึงสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ นักเรียนต้องฟังอยู่แล้ว แต่พอมาขายสินค้าทำให้ต้องเผชิญกับตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้ และหลายครั้งที่ตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกนาที แน่นอนว่าต้องเคยผิดพลาดในช่วงแรกจนเกือบจะถอดใจ แต่คุณพ่อได้ให้กำลังใจและได้ปลูกฝังเรื่องของการสู้ขาดใจมาโดยตลอดว่า ถ้าชกไม่ครบ 10 ยกก็ห้ามเลิกทำให้มีนิสัยกัดไม่ปล่อยไม่ว่าจะทำอะไรแล้วต้องไปให้สุด

ดร. ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ 2

ดร. ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เริ่มศึกษางานอย่างจริงจังลงไปสังเกตุการด้วยตัวเองตามโครงการต่างๆ และที่ sales office เพื่อให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น แต่กลับเห็นสิ่งสำคัญที่กลายมาเป็นปรัชญาบริหารองค์จนถึงทุกวันนี้ คือการที่เห็นคนที่มาซื้อบ้านพาพ่อแม่จากต่างจังหวัด มาดูถ่ายรูปใส่กรอบเก็บไว้เลย นี่เป็นโมเมนต์ที่เรากำลังขายสิ่งสำคัญมากๆให้แก่เขา ตัดสินใจหนเดียวต้องอยู่เป็นสิบๆปีและเป็นมรดกของลูกหลาน เขาทำให้เรารู้ว่าที่อยู่อาศัยคือสินทรัพย์ที่มีค่าและสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้นการที่ลูกค้าเลือกมาซื้อบ้านกับเราเพราะเขาไว้ใจ ในฐานะคนขายรู้สึกภูมิใจมากและเพื่อตอบสนองความภูมิใจนั้น เลยคิดเสมอว่าต้องทำให้ดียิ่งขึ้นทั้งสินค้าและการบริการ

ดร. ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ 3

“ยอมรับเลยค่ะ ว่าตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นผู้บริหาร แต่เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องเข้ามารับช่วงต่อจากคุณพ่อ จึงเลือกเปลี่ยนมุมมองวิธีคิดของตัวเอง หรือมองหาจุดดีของสิ่งที่กำลังทำเพื่อที่จะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขเช่น อาชีพอาจารย์และอาชีพขายบ้าน มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกันคือตอนเป็นอาจารย์ให้ความรู้ผู้อื่นเพื่อนำไปต่อยอด แต่การขายบ้านก็เป็นการขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มให้กับคนหนึ่งคนที่ครั้งหนึ่งในชีวิต จะมีซักกี่คนที่จะเลือกซื้อสินทรัพย์และให้ความไว้วางใจเลือกบ้านในโครงการของเรา”

เมื่อพูดถึงการแบ่งเวลาของการทำงานกับการให้เวลาครอบครัว ดร. ยุ้ยเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เธอเล่าว่าจริงๆเธอก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่แบ่งเวลาในการทำงานจันทร์ ศุกร์และช่วงวันเสาร์อาทิตย์เธอก็ได้ให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ รวมไปถึงเธอไม่เคยลืมที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีด้วยการออกกำลังกาย เธอแชร์ไอเดียร์กับเราว่า

จริงๆคนเราไม่จำเป็นต้องมี Work Life Balance ที่เคร่งครัดหรือแบ่งสัดส่วนชัดเจนมากเกินไป แต่เราควรรู้จักบริหารจัดการชีวิตและเวลาของเราให้ดี มีเวลามากทำมากมีเวลาน้อยทำน้อย อย่างน้อยยังได้ทำนอกจากการบริหารงานที่ดีเราควรมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตดีที่ดี และมีเวลาให้ครอบครัวของเราด้วยค่ะ อย่าเคร่งกับชีวิตหนักจนเกินไป

Praew Recommend

keyboard_arrow_up